เด็กใหม่ครับ มาพร้อมกับฟิคชั่นของผม "อุลตร้าแมนอิคารอส" Episode 01

หลาย 10 ปีก่อน ในเขตหนึ่งของจังหวัดกรุงเทพมหานคร ช่วงกลางคืน

“พ่อ.....แม่....อยู่ที่ไหนครับ!?”

เด็กน้อยคนหนึ่ง วิ่งไปทั่วสนามภายในพื้นที่บริเวณบ้าน เพื่อที่จะตามหาพ่อกับแม่ที่หายตัวไป จนกระทั่ง..... อะไรบางอย่าง ยืนขวางเขาอยู่เบื้องหน้า

“พ่อ.....แม่!?”

แต่แล้ว สิ่งที่ขวางเด็กน้อยนั่นอยู่ ก็เริ่มเคลื่อนไหว เขี้ยวแหลมคมเต็มปาก เผยออกมา มันคือสิ่งมีชีวิตที่ไม่ทราบสัญชาติ คงร่างแบบมนุษย์ไว้ ขนาดของมันใหญ่โตมหึมาประมาณกว่า 10 เมตรได้ และที่สำคัญ ในปากของมัน มีร่างของมนุษย์ 2 คนถูกคาบคาปากเลือดอาบอยู่ มันคายออกมา ร่างของมนุษย์ที่ขาดออกเป็น 2 ท่อนทั้ง 2 คน หล่นลงมากองที่เบื้องหน้าของเด็กน้อยนั่น

“พ่อ!? แม่!?” พ่อและแม่ของเด็กน้อยนั่นนี่เอง เขาน้ำตาไหลพรากและวิ่งเข้าไปกอดซากศพของพ่อกับแม่ตน แต่ทว่า ปิศาจร้ายนั่นก็ถลาเข้ามาหมายจะฉีกเด็กน้อยนั่นเป็นอาหาร

“อ๊า......”



แสงสีเงิน พุ่งลงมาจากฟ้า ตรงจุดที่ปิศาจร้ายนั่นยืนตระหง่านอยู่พอดี เกิดแรงระเบิดอย่างรุนแรงจนทำเอาเด็กน้อยนั่นกระเด็นไปเหมือนกัน เมื่อเด็กน้อยนั่นฟื้นลืมตาขึ้น สิ่งที่เขาได้เห็นก็คือ.....

“โห......”

กำปั้นขนาดมหึมา ที่อัดลงมาที่ปิศาจนั่น ปิศาจร้ายในยามค่ำคืนเละคาหมัดอันใหญ่โตมหึมานั่นทันที เด็กน้อยนั่นค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองบนฟ้า ใบหน้าของมนุษย์ยักษ์ กายสีเงิน ได้มองลงมาที่เด็กน้อยนั่น

“คุณเป็นใครกันน่ะ.......?” เด็กน้อยเริ่มถามมนุษย์ยักษ์นั่น มนุษย์ยักษ์ไม่ตอบ แต่ได้ชันตัวให้ลุกขึ้น เด็กน้อยยังคงมองตามไม่ลดละ และแล้ว มนุษย์ยักษ์นั่น ก็ได้หายตัวไป.......ทิ้งไว้ให้เด็กน้อยนั่นมองต่อไปโดยที่ไม่รู้ว่า เขาคือใครกัน..............

“สักวันหนึ่ง.....เจ้าก็จะได้พบกับข้าอีกครั้ง.......ภาคี...”



10 ปีต่อมา....ปี พ.ศ.2559 ณ โลก ในอีกหลายสิบปีต่อมา ภายนอกโลกนั้น ได้เกิดปรากฏการณ์บางอย่าง วงแหวนสีม่วงได้ปรากฏขึ้น พร้อมเสียงคำรามอย่างน่ากลัวของอะไรบางอย่างที่กำลังจะออกมาจากวงแหวนมิตินั้น มีลำแสงจากวงแหวน พุ่งโจมตีดาวเทียมหลายดวงจนตกลงไปยังโลกมนุษย์

กรุงเทพมหานคร ในอีกหลายสิบปีต่อมา เมืองนั้นได้พัฒนาไปมากขึ้น เส้นทางการคมนาคมนั้น ได้รับการเสริมสร้างให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในเมืองก็เริ่มดีขึ้น แต่ถึงอย่างไร ทางรัฐบาลนั้นก็ยังคงกังวลใจ ว่าอาจจะเกิดเหตุซ้ำรอยเหมือนเมื่อครั้งที่ กลุ่มดาวเดสกาเดี้ยนนั้นได้บุกโลก แต่ก็ยังได้มนุษย์ยักษ์ร่างสีแดงที่ชื่อว่า “อุลตร้าแมนเซอโว” ออกมาช่วย ทางการจึงได้เริ่มดำเนินการ ABT Project ขึ้นมาทันที หลังจากนั้นอีก 3 เดือน ฐานทัพปฏิบัติการ JHR ก็ได้สร้างเสร็จสมบูรณ์ โดยใช้หุบเขาลึกนั้น เป็นตัวพรางฐานทัพไว้

ฐานทัพ JHR ฐานทัพปฏิบัติการพิเศษ ที่ตั้งอยู่ในเขต ปริมณฑล ภายในหุบเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งภายใน เต็มไปด้วยอาคารที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ที่สร้างจากเทคโนโลยีที่ทันสมัย และเหล่าทีมวิจัยที่คอยวิเคาระห์และสร้าง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่สามารถบริการคนทั้งประเทศไทยได้ และที่แห่งนี้ ยังเป็นที่ตั้งของ........

ABT (Attack Beast From Space Team) หน่วยติดอาวุธที่พร้อมจะออกปฏิบัติการทุกเมื่อเพื่อถึงคราววิกฤติ โดยในหน่วยนั้น มีเหล่าสมาชิกที่คัดเลือกอย่างละเอียดมาจากหลายๆหน่วยราชการทั่วประเทศไทย ประกอบด้วยเหล่าสมาชิกที่มีประสิทธิภาพจำนวน 5 คน

พันเอกทะนง - หัวหน้าหน่วย

พันโทหญิงนัทยา – รองหัวหน้าหน่วย

ร้อยเอกสุพจน์ - หน่วยโจมตีทางอากาศ

ร้อยโทศิวัช – หน่วยโจมตีทางอากาศ

ร้อนตรีหญิงปรางทิพย์ - หน่วยสื่อสาร



“อรุณสวัสดิ์ครับหัวหน้า!!” สุพจน์ตะโกนทักทายหัวหน้าทะนงอย่างร่าเริงในตอนเช้า

“เช้านี้เป็นไงบ้างทุกคน?”

“หัวหน้าครับ......วงแหวนมิตินอกโลกนั่น ยังมีปฏิกิริยาตอบสนองสัญญาณดาวเทียมของเราอยู่เลยครับ” ศิวัชรายงานหัวหน้าทะนง

“งั้นเหรอ.....เฝ้าดูต่อไปนะสิวัช อย่าให้คลาดสายตา”



หัวหน้าทะนงนั้น นั่งลงที่เก้าอี้ประจำตำแหน่ง และเปิดคอมพิวเตอร์บนโต๊ะ และได้มีการติดต่อมาจาก หัวหน้าหน่วยซ่อมบำรุงของฐานทัพ JHR แห่งรี้

........หัวหน้าทะนงครับ....เราปรับแต่งตัวเครื่องของ Bird Sonic Machine ทั้ง 3 เครื่องเสร็จเรียบร้อยแล้วครับหัวหน้า...........

“ขอบใจมากนะ....แล้วเราสามารถนำออกปฏิบัติการได้เลยรึเปล่า?” หัวหน้าทะนงถามกลับไป

……สามารถออกปฏิบัติการได้ภายใน 1 นาทีเลยครับผม!!........



ช่วงเวลาสายๆ ณ เขตทางขึ้นเขาคิชกูฏ จังหวัดจันทบุรี

คนจากจังหวัดต่างๆทั่ว ประเทศไทย ได้มารวมตัวกันที่นี่ ในช่วงเดือนมีนาคม – เดือนมิถุนายน เพื่อที่จะได้ขึ้นไปยัง เขาคิชกูฏ ซึ่งเป็นที่สักการะ รอยพระพุทธบาทบนยอดเขาอันสูงชันนั้นเอง ชาวเมืองในพื้นที่นั้น ต่างได้มาทำหน้าที่ตั้งศูนย์ รักษาความปลอดภัยและจัดรถกระบะหลาย 10 คัน สำหรับพานักท่องเที่ยว บุกป่าขึ้นไปยังยอดเขาคิชกูฏ



“เร็วๆเข้า รถจะออกแล้วครับ รีบหน่อยครับ” บรรดานักท่องเที่ยวต่างรีบขึ้นที่กระบะท้ายของรถกระบะที่จะนำพาขึ้นไปยังยอดเขาคิชกูฏ แม้ว่ารถจะเต็ม แต่ก็มีรถอีกหลายคันที่จอดรออยู่เพื่อจะพานักท่องเที่ยวชุดต่อไปขึ้นไปยังยอดเขาคิชกูฏ

ชายหนุ่มผมออกยาวคนหนึ่ง สะพายเป้สีดำและสวมเสื้อคลุมสีดำ หน้าตาเศร้าๆ เหมือนกับมีความหลังอันเจ็บปวด ฝังอยู่ในใจ เดินเข้าไปซื้อตั๋วเพื่อที่จะขึ้นรถกระบะขึ้นไปยังยอดเขาคิชกูฏ

“50 บาทครับ” เจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋วยื่นตั๋วให้กับชายหนุ่มนั่น

“รีบหน่อยนะครับ รถจะออกแล้ว”



ชายหนุ่มนั่น เดินไปขึ้นรถกระบะสีขาว เพื่อที่จะขึ้นไปยังยอดเขาคิชกูฏ บนกระบะท้าย นักท่องเที่ยวจากจังหวัดต่างๆ ทั้งชายหญิงจำนวน 8 คนนั่งอยู่บนกระบะท้ายเพื่อรอรถออก

รถกระบะค่อยๆแล่นออกจากที่จอด มุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่ชาวบ้านทำไว้ มุ่งหน้าเข้าไปยังตัวป่าเพื่อมุ่งหน้าขึ้นไปยังยอดเขาคิชกูฏ บรรดาคนบนรถต่างพูดคุยอย่างสนุกสนาน บางคนก็ต่างตกใจที่รถกระเด้งเพราะ รถกำลังวิ่งเข้าไปในป่าดิบ ยกเว้นเพียงชายหนุ่มคนนั้น ที่นั่งเงียบกริบไม่พูดไม่จากับใครเลย

“คุณคะ.....คุณมาที่เขาคิชกูฏนี่ จะมาขอพรอะไรเหรอคะ?” หญิงสาวคนหนึ่งบนรถถามชายหนุ่มนั่น ชายหนุ่มนั่นก็ไม่ตอบ

“คุณคะ....คุณ?”

“........แค่มาเที่ยวเฉยๆ ก็แค่นั้นแหละ!!” ชายหนุ่มกล่าว จนทำเอาหญิงนั่นหน้าเจื่อน

“งะ.....งั้นเหรอคะ?”



คราวนี้เป็นฝ่ายหญิงสาววัยรุ่นออกเปรี้ยวๆ อีกคนหนึ่งถามชายหนุ่มนั่นบ้าง



“นี่ๆ สุดหล่อจ๊ะ.....ขึ้นเขามาคนเดียวเหรอจ๊ะ?.....ขึ้นมาคนเดียวไม่เหงาเหรอ”

ชายหนุ่มนั่นหันมาตามเสียง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

“ถ้าไม่รังเกียจ ให้ฉันไปกับสุดหล่อก็ได้นะจ๊ะ….หน้าตาหล่อขนาดนี้ ฉันชอบ”

“ไม่ล่ะ......ผมชอบอยู่คนเดียว…..ไม่ชอบให้มีใครมาขวางมายุ่งด้วย......”



ในเวลาเดียวกันนั้น วงแหวนมิติที่อยู่ห่างจากเปลือกโลกไม่มากนั้น ก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง อะไรบางอย่างในนั้นเริ่มเคลื่อนไหว และเคลื่อนตัวออกจากวงแหวนมิตินั่น พุ่งตรงลงมายังโลกมนุษย์ของเรา.........



จนกระทั่ง รถได้มาจอดที่ช่วงหนึ่งของเขา ซึ่งช่วงนี้ จะเป็นการนั่งรถกระบะอีกช่วงหนึ่ง เพื่อขึ้นไปยังจุดสูงสุดของยอดเขาคิชกูฏ ที่สักการะรอยพระพุทธบาท ชายหนุ่มนั่น ซึ่งในอดีตเมื่อหลาย 10 ปีก่อน ก็คือเด็กน้อย นาม “ภาคี” ที่ต้องสูญเสียพ่อแม่ไป เพราะสัตว์ปิศาจไม่ทราบสัญชาติไปนั่นเอง เขาอยู่ตัวคนเดียวมาตลอดสิบปี

ภาคีซื้อตั๋ว เพื่อต่อรถขึ้นไปยังเขาคิชกูฏ แต่แล้ว จิตใต้สำนึกของเขา ก็สัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่สถิตอยู่บนยอดเขาคิชกูฏ และเสียงของอะไรบางอย่างกำลังเรียกเขาอยู่.........

“ภาคี..........ภาคี......ข้ารอเจ้าอยู่นานแล้ว” ชายหนุ่มนั่น มองไปตามเสียง แต่ก็ไม่ได้เห็นใครที่กำลังร้องเรียกชื่อเขาอยู่เลย......

“ใคร....ใครกำลังเรียกฉัน”



ภาคี กระโดดขึ้นรถกระบะที่จะนำพาขึ้นไปยังเขาคิชกูฏอีกคันหนึ่ง ซึ่งรอเวลาที่จะได้ออกตามเวลาที่กำหนดไว้ นักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ต่างรีบมากันที่รถคันที่ภาคีขึ้นมาเพื่อที่จะอาศัยขึ้นไปยังยอดเขา คิชกูฏ



กินเวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมง ในที่สุดรถกระบะโดยสารคน ก็แล่นขึ้นไปถึง ทางเดินขึ้นยอดเขาคิชกูฏ ภาคีรีบเดินไปอ่านป้ายที่ติดอยู่ที่ บันไดขึ้นเขาคิชกูฏ

“อีก 1 กิโลเมตรจะถึงยอดเขาคิชกูฏ” เส้นทางนี้ ต้องให้คนเดินกันขึ้นไปเอง บางคนได้หาซื้อไม้ค้ำ เพื่อที่จะใช้ช่วยยันพื้นเวลาตัวเองเดินไม่ไหว ในขณะเดียวกัน เสียงของชายคนหนึ่งก็ดังเข้ามาในหูของภาคีอีกครั้งหนึ่ง

“ภาคี.....เร็วเข้า.....ข้ารอเจ้าอยู่......ข้ารอเจ้าอยู่บนยอดเขาแห่งนี้”

ภาคี รีบเดินขึ้นยอดเขาไปทันที เขาพยายามเดินให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้รู้ สิ่งที่กำลังเรียกเขาอยู่นั้น คืออะไรกันแน่ ภาคี ตัดสินใจวิ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งคนที่ยังพักเหนื่ยอยู่ตามจุดที่พักบนเขายังสงสัยว่า เขาจะรีบขึ้นไปทำไมกัน ภาคีนั้นรีบเร่งจนเกือบสะดุดล้มลง แต่ก็ยังทรงตัววิ่งขึ้นไปได้



บนยอดเขาคิชกูฏนั้น บรรดานักท่องเที่ยวต่างได้เห็นทัศนียภาพอันงดงามของป่าเขา จากด้านบนของเขาคิชกูฏ บางคนได้ไปสักการบูชา รอยพระพุทธบาทอันศักดิ์สิทธิ์ กระแสลมที่พัดบนยอดเขานั้นค่อนข้างรุนแรง ภาคีขึ้นมาถึงยอดเขา และพยายามมองหาเจ้าของเสียงที่เรียกตัวเขามา .........



“จงมาที่นี่....ภาคี” เสียงนั่นดังขึ้นมาอีกครั้ง ภาคีพยายามมองตามเสียงนั่น ในขณะเดียวกันนั้น ภายใต้เมฆหมอกที่ปกคลุมรอบๆเขาคิชกูฏ ก็ได้จางลง ปรากฏร่างของสัตว์รูปร่างแปลกประหลาด มีเขี้ยวยาวงอกออกมาจากปาก หางอันใหญ่โตที่เต็มไปด้วยเกล็ดและหนามขนาดใหญ่ ปรากฏตัวขึ้น และพุ่งตรงเข้ามาที่ยอดเขาคิชกูฏ

“สัตว์.....สัตว์ประหลาด!?” บรรดานักท่องเที่ยวต่างรีบพากันหนีให้รอดพ้นจากการโจมตีของสัตว์ประหลาดนั่น และแล้ว ที่ฐานทัพ JHR ของหน่วย ABT ก็จับสัญญาณของสัตว์ประหลาดนั่นได้



“พื้นที่บริเวณเขาคิชกูฏ จังหวัดจันทบุรี พบสัตว์ประหลาดไม่ทราบสัญชาติบุกเข้ามายังพื้นที่ยอดเขาคิชกูฏ ขอให้หน่วย ABT ปฏิบัติการให้พร้อมใน 180 วินาที!!”



“สัตว์ประหลาดงั้นเหรอ?” สุพจน์ดูที่หน้าจอภาพหลักของห้องบัญชาการ

“ไม่น่าเชื่อเลยว่า.....มันต้องออกมาจากวงแหวนมิติที่อยู่นอกโลกนั่นแน่ๆ” หัวหน้าทะนงเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย

“เจ้านี่มันมาจากวงแหวนมิติที่อยู่นอกโลกครับ.....หัวหน้า...เรารีบออกปฏิบัติการกันเถอะครับ”

หน่วย ABT ทั้ง 5 คน ได้สวมชุดปฏิบัติการ และนำอาวุธพิเศษสำหรับปฏิบัติการภาคสนามไปพร้อมจนหมด และได้ลงลิฟต์ความเร็วสูง ลงไปยังชั้นเก็บยานรบพิเศษ

Bird Sonic Machine ชื่อเรียกของยานปฏิบัติการพิเศษของหน่วย ABT ซึ่งมีทั้งหมด 3 ลำ คือ Eagle , Hawk , Condor

โดยหัวหน้าทะนง รองหัวหน้านัทยา ได้ประจำเครื่อง Eagle-Sonic สุพจน์ ปรางทิพย์ ประจำที่ยาน Hawk-Sonic ส่วน ศิวัช ใช้ยาน Condor-Sonic ในการปฏิบัติการครั้งนี้



“ประตูที่1-3 เปิดได้”

ยาน Bird Sonic ทั้ง 3 เครื่อง พุ่งออกจากประตูทางออก มุ่งหน้าออกจากกรุงเทพมหานคร ไปยังจังหวัดจันทบุรี เป้าหมายคือเขา คิชกูฏ ซึ่งตอนนี้ สัตว์ประหลาดตัวหนึ่งกำลังอาละวาดอยู่ที่นั่น

เสียงคำรามของสัตว์ประหลาด ยังคงดังกึกก้องอยู่ ณ พื้นที่บริเวณนั้น บรรดานักท่องเที่ยวต่างหนีตาย หาที่หลบภัยกันถ้วนหน้า ยกเว้นภาคี ที่ยังคงตามหาเจ้าของเสียงนั่นอยู่ สัตว์ประหลาดนั่น หันมาเห็น ภาคีเดินอยู่คนเดียว จึงหมายจะเข้าโจมตี ภาคีรีบวิ่งไปข้างหน้า และได้พบกับหินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่ง ตั้งตระหง่านขวางเขาอยู่ ภาคียืนนิ่งมองไปที่ก้อนหินยักษ์นั่น และมือของเขานั้นก็เหมือนกับจะถูกดึงให้สัมผัสก้อนหินนั่น......



“อะไรกันเนี่ย!?” เกิดแสงสีเงินวาบขึ้น ร่างของภาคีนั้น ถูกดึงเข้าไปในตัวหินนั่น ต่อหน้าต่อตานักท่องเที่ยวที่ได้เห็น



ยาน Bird Sonic ทั้ง 3 ลำได้มาถึงยังบริเวณเขาคิชกูฏแล้ว และได้เริ่มต้นโจมตีสัตว์ประหลาดนั่นทันที

“Condor กับ Hawk อ้อมสัตว์ประหลาดไปด้านหลังและโจมตีมัน!!” หัวหน้าทะนงบัญชาการรบจากยาน Eagle ทันที

“รับทราบ!!”



ยานทั้ง 3 ลำเริ่มโจมตีสัตว์ประหลาดนั่น แต่สัตว์ประหลาดนั่นกลับไม่สะทกสะท้านอะไรเลย ในขณะเดียวกัน ภาคี ที่ถูกนำเข้าไปในหินยักษ์ก้อนนั้น ก็ได้พบว่า ตัวเองนั้น อยู่ที่แห่งหนึ่ง ที่เหมือนกับอยู่อีกมิติหนึ่ง ที่ลอยเคว้งคว้างอยู่

มนุษย์ขนาดมหึมาร่างกายเป็นสีเงิน ได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าอินทรี ภาคีนั้นรู้สึกคุ้นๆกับมนุษย์ยักษ์ตนนี้มาก เขาตกตะลึงและได้เริ่มถามเขา

“ท่านเป็นใคร?”

“ท่านใช่ไหม ที่เป็นผมเรียกผมมาที่นี่” มนุษย์ยักษ์นั่น มองลงมาที่ภาคี และดวงตาสีเหลืองที่ใบหน้าของเขาก็เริ่มกระพริบ ภาคีรู้สึกถึงจิตของมนุษย์ยักษ์ที่ส่องผ่านลงมาถึงเขา

“จำได้แล้ว......ท่านคือมนุษย์ยักษ์ที่เคยช่วยผมจากปิศาจในตอนนั้น” อินทรีนั้นจำได้ว่ามนุษย์ยักษ์นี้ เคยช่วยเขาให้รอดพ้นจากคมเขี้ยวปิศาจร้ายตนหนึ่งในวัยเด็กเมื่อหลายสิบปีก่อน และตอนนี้ เขาก็ได้กลับมาพบกับมนุษย์ยักษ์นี้อีกครั้งหนึ่ง แสงจากดวงตาของมนุษย์ยักษ์ กระพริบอีกครั้ง......



“อิคารอส.....ท่านชื่ออิคารอสงั้นเหรอ?” ร่างของมนุษย์ยักษ์นามอิคารอสนั้น กลายเป็นแสง พุ่งเข้าไปที่ร่างของภาคี ภายนอกนั้น หินขนาดมหึมาอีก 2 ก้อน ก็ได้เรืองแสงขึ้นและพุ่งไปที่ก้อนหินยักษ์ที่ดึงตัวภาคีเข้าไปในนั้น

“ตูมมม!!” หินยักษ์นั่นระเบิดออก ปรากฏเป็นแสงสีเงิน พุ่งไปที่เบื้องหน้าของสัตว์ประหลาดไม่ทราบสัญชาตินั่น แสงอันสว่างไสว แผ่ออกมามากยิ่งขึ้น ......และเมื่อแสงจางลง ร่างของมนุษย์ยักษ์ร่างสีเงินก็ได้ปรากฏตัวขึ้น ต่อหน้าต่อตาหน่วย ABT และนักท่องเที่ยวทุกคน.....



“ใครกันน่ะ?”



(Next Operation “มนุษย์ยักษ์ อุลตร้าแมนอิคารอส”)









Fiction

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา