เรื่องเศร้า(ไม่)เคล้าน้ำตา ภาค5(ละมั้ง)
เรื่องมีอยู่ว่าผมได้ไปช่วยถ่ายรูปการจบการศึกษาของนักเรียนชั้นอนุบาล 2 และ ป.6 ที่โรงเรียนวัดแห่งหนึ่งใน กทม.ทั้งช่วยถ่ายรูปและดูแลเรื่องเพลงที่นักเรียนขึ้นแสดง ขณะทำงานของผมไปโดยผมต้องติดต่อกับนักการของโรงเรียนในเรื่องเครื่องเสียงก็สังเกตุว่า ในบรรดานักการมีคนหนึ่งแปลกๆอายุคงไม่เกิน 30 คล้ายคนไม่สมประกอบ คือเขาทำงานไปก็พูดคนเดียวบ้างเล่นกับเด็กนักเรียนบ้าง แต่ตอนนั้นยุ่งๆเลยไม่สนใจเท่าไร แต่ก็เห็นเขาคอยช่วยงานคุณครูทั้งหลายเป็นอย่างดี พอเสร็จงานเลยได้มีโอกาศถามคุณครูว่าเขาเป็นใครถึงมาช่วยงานของโรงเรียนเพราะดูสภาพแล้วไม่น่าใช่นักการ คุณครูบอกว่าเขาเป็นคนไม่เต็มอย่างที่ผมว่า เคยเป็นศิษย์เก่าของที่นี่แต่มาเพี้ยนเอาตอนโตแล้ว(ผมไม่ได้ถามสาเหตุ)เขาเหมือนกลับไปเป็นเด็กประถมจะคอยช่วยคุณครูทำงาน คุณครูพูดอะไรก็จะเชื่อฟัง ตอนกลางวันจะไปแปรงฟันกับเด็กๆ เวลามีของมาแจกก็ไปรับพร้อมเด็กๆ ซึ่งคุณครูก็จะคอยบอกว่าให้น้องๆก่อนเขาก็จะเชื่อฟังดี สรุปคือเป็นคนไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่ว่าทางบ้านเขาไม่ยอมรับไม่ให้เข้าบ้านเขาต้องนอนนอกบ้านเวลาฝนตกต้องไปนอนที่ศาลาวัด ไม่ไดอาบน้ำคุณครูต้องคอยบอกให้ไปอาบน้ำ คุณครูจะคอยให้เงินบ้าง ของใช้บ้าง ใครมีเสื้อผ้าก็เอามาให้บ้างคุณครูที่อยู่มานานก็บอกว่าคงจะชดเชยสมัยเด็กๆเพราะตอนเขาเด็กๆจะซนและไม่ค่อยฟังคุณครู ผมก็ถามว่าทำไมไม่พามาอยู่วัดซะเลย ก็ได้รับคำตอบว่าเขามีความผูกพันกับครอบครัวถึงคนในบ้านจะไม่ยอมรับแต่เขาก็คงยังรู้สึกว่านี่เป็นบ้านเขามีพ่อมีแม่อยู่ ผมฟังแล้วก็คิดว่าประสบการณ์ของเขาคงผูกพันกับบ้านและโรงเรียนมาก
ผมมีความคิดส่วนตัวนะว่าครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ คนในครอบครัวของเราเป็นส่วนประกอบที่ต้องรักษาดูแลให้ดี แต่ก็นะปัญหาของคนอื่นเราคงไปตัดสินไม่ได้ว่าผิดหรือถูกเพราไม่ได้เจอกับตัวเอง ขอบคุณครับ
Fiction