Mecha Story:กบโซเวียต กับหมาเฝ้าประตูนรกครบสองตัว

อัพเดต...





Rk-02 เซปเตอร์

ASที่บริษัทบริษัทOKBเรียกาพัฒนาต่อมาจากRk-92 ซาเวจ เซปเตอร์เป็นASรุ่นที่สามที่ใช้เตาปฏิกรณ์พาลาเดียมเป็นแหล่งพลังงานแทนเครื่องยนต์แบบเดิมๆ เซปเตอร์นั้นต่างจากASรุ่นที่สามอื่นๆตรงที่ไม่ได้เน้นการใช้งานระบบพรางตา แต่มีเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งและใช้อาวุธอานุภาพสูง ระบบอาวุธของเซปเตอร์นั้นใช้แบบติดแขนซึ่งสามารถถอดเปลี่ยนได้ง่าย เซปเตอร์นั้นเหมาะกับการใช้งานแบบสมบุกสมบั่นมากกว่าASรุ่นที่สามด้วยกันอย่างเกอร์นแบคมาก แต่เนื่องจากสหภาพโซเวียตนั้นล่มสลายหลังจากที่เริ่มทำการผลิตเซปเตอร์ได้ไม่นาน ทำให้OKBเรียกาต้องหันไปขายASให้ประเทศโลกที่สามเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วยังนิยมซาเวจที่ราคาถูกกว่ามาก ทำให้เซปเตอร์เป็นASที่ขายไม่ดีนัก





Zy-98 ชาโดว์

ASรุ่นที่สามรุ่นต้นแบบที่โซเวียตพัฒนาขึ้นมาต่อจากซาเวจเพื่อตอบโต้เกอร์นแบคของอเมริกา และต่อมาอมัลแกรมก็ได้นำไปพัฒนาต่อมาเป็นโคดาลซีรีส์ ชื่อชาโดว์นั้นไม่ใช่ชื่อจริง แต่เป็นรหัสของNATO สมรรถนะของชาโดว์นั้นอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเกอร์นแบค แต่ระบบอิเล็กทรอนิกส์นั้นจะด้อยกว่า



เมื่อชาโดว์เข้าสู่การผลิตจำนวนมากจริงเป็น Zy-99 นั้นก็เป็นหลังจากที่สหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว และรัสเซียก็ได้ทำการส่งออกชาโดว์ให้ประเทศอินเดีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกาด้วย ซึ่งรุ่นส่งออกนี้จะเรียกว่า Zy-99M และมีสมรรถนะต่ำกว่ารุ่นที่กองทัพรัสเซียใช้เอง เครื่องยนต์พาลาเดียมมีกำลังที่ต่ำกว่า ระบบอิเล็กทรอนิกส์และการบังคับจะใช้แบบที่เรียบง่ายและไม่ซับซ้อน แต่ขณะเดียวกัน ประเทศแถบเอเชียกลางซึ่งเป็นอดีตเครือสหภาพโซเวียตก็ผลิตอัพเกรดพาร์ทของชาโดว์ออกมาจำหน่ายมากมาย จึงสามารถปรับแต่งได้ง่ายและถ้าแต่งดีๆแล้วก็จะมีสมรรถนะไม่แพ้รุ่นต้นแบบเลยทีเดียว





EZ-004 เรดฮอร์น

ซอยด์สายพันธุ์สไตราโคซอรัสของจักรวรรดิเซเนบัส และเป็นซอยด์ยุคแรกที่ได้ใช้งานตั้งแต่ก่อนสงครามครั้งแรกกับสาธารณรัฐเฮลิคเสียอีก เรดฮอร์นนั้นเป็นซอยด์รุ่นแรกที่มีเกราะหุ้มทั้งตัวซึ่งต่างจากซอยด์ยุคแรกทั้งหมด และเมื่อได้รับการปรับปรุงด้วยเทคโนโลยีของมนุษย์โลกก็ยิ่งมีความสามารถในการต่อสู้สูงขึ้นอีก แม้จะติดตั้งอาวุธไว้มากมายและมีเกราะหนาจนได้รับฉายาว่า”ปราการเคลื่อนที่” แต่เรดฮอร์นก็หนักกว่าชิลด์ไลเกอร์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงมีความคล่องตัวสูงทีเดียว ก่อนที่ไอออนคองจะลงสู่สนามรบนั้น เรดฮอร์นก็เป็นซอยด์เพียงรุ่นเดียวของเซเนบัสที่สามารถต่อสู้กับโกจูลัสของเฮลิคได้ ในด้านวิศวกรรมแล้วเรดฮอร์นนับเป็นซอยด์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดรุ่นหนึ่ง



ทางเฮลิคเองก็ยังใช้งานเรดฮอร์น โดยเอามาทาสีเขียวและเรียกว่ากรีนฮอร์นแทน



และเมื่อจักรวรรดิไกลอสได้เข้ายึดครองจักรวรรดิเซเนบัส ก็ได้เอาเรดฮอร์นไปปรับปรุงโดยดัดแปลงให้ใช้แร่ดิโอฮาลิกอนเป็นแหล่งพลังงานเหมือนซอยด์รุ่นอื่นๆที่ไกลอสใช้งานในขณะนั้น ทำให้เกราะของเรดฮอร์นกลายเป็นสีดำและมีแสงเรืองสีเขียว เรียกว่าดาร์คฮอร์น ซึ่งพลังงานจากดิโอฮาลิกอนนั้นทำให้ดาร์คฮอร์นใช้อาวุธที่มีอานุภาพมากกว่าของเรดฮอร์นอย่างไฮบริดวัลแคนได้ พลังในการต่อสู้ของดาร์คฮอร์นนั้นสูงจนดาร์คฮอร์นสองตัวสามารถรับมือกับแมดธันเดอร์ได้เลยทีเดียว จนหลังหายนะครั้งใหญ่ของดาวZi ไกลอสซึ่งเสียแร่ดิโอฮาลิกอนที่มีอยู่ไปหมดจึงต้องหยุดการผลิตดาร์คฮอร์นและหันมาผลิตเรดฮอร์นแทน ส่วนดาร์คฮอร์นที่มีเหลือรอดมาถึงยุคหลังหายนะได้ไม่กี่ตัวนั้นได้เก็บไว้ให้นักบินมีฝีมืออย่างพันเอกคาร์ล ริคเตน ชูบัลท์ใช้งานเท่านั้น โดยระบบอาวุธก็ได้รับการปรับปรุงใหม่ ไฮบริดวัลแคนซึ่งเป็นอาวุธหลักนั้นได้กลายเป็นบีมแก็ตลิงที่มีอานุภาพมากกว่าเดิมแทน และต่อมาก็ได้นำไปติดให้เรดฮอร์นด้วย





YTA-06BW เซอร์เบรัส

หนึ่งในหุ่นยนต์รุ่นต้นแบบจากโปรเจ็คท์เซนทร์ ซึ่งมีเป้าหมายที่การพัฒนาอาวุธที่สามารถปฏิบัติการด้วยตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพามนุษย์และไม่จำเป็นต้องดูแลรักษา เซอร์เบรัสนั้นเป็นยูนิตทดลองหมายเลข 6 ซึ่งมีเครื่องยนต์พลังงานเทอร์มินัส โดยเครื่องยนต์นี้จะใช้แผงเทอร์มินัสแอบซอเบอร์ สังเคราะห์พลังงานเทอร์มินัสจากสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการไหลเวียนของแรงพื้นฐานทั้งสี่ คือ แรงแม่เหล็กไฟฟ้า แรงนิวเคลียร์ชนิดเข้ม แรงนิวเคลียร์ชนิดอ่อน และแรงโน้มถ่วง ทำให้สามารถสร้างพลังงานได้ไม่จำกัดโดยไม่อาศัยเชื้อเพลิง แต่เนื่องจากเครื่องยนต์พลังงานเทอร์มินัสยังอยู่ในขั้นทดลอง ทำให้มีปัญหาในการควบคุมระดับการจ่ายพลังงาน เซอร์เบรัสจึงต้องใช้นักบินสองคนช่วยกันบังคับ โดยคนที่สองนั้นทำหน้าที่ควบคุมการจ่ายพลังงานของเครื่องยนต์พลังงานเทอร์มินัส ระบบควบคุมของเซอร์เบรัสนั้นเป็นระบบDFC (Direct Feeling Control) ซึ่งสามารถควบคุมการทำงานที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่นักบินต้องสวมชุดรัดรูปแบบพิเศษ



เซอร์เบรัสนั้นเน้นที่การต่อสู้ในระยะไกล โดยมีอาวุธหลักคือเทอร์มินัสแคนน่อน ซึ่งเป็นบีมแคนน่อนกำลังสูงที่เชื่อมต่อโดยตรงกับเครื่องยนต์พลังงานเทอร์มินัส เนื่องจากมีปัญหาที่เครื่องยนต์พลังงานเทอร์มินัสยังไม่เสถียร เซอร์เบรัสจึงมีแบตเตอรีเก็บพลังงานอยู่ทั่วตัว ส่วนอาวุธอื่นๆที่ใช้นั้นประกอบด้วยดาบโค้ตติ้งซอร์ด ปืนแรดิคัลเรลกันแบบสองลำกล้อง และมาชีนกันพ็อด ซึ่งเป็นอาวุธปืนกลควบคุมระยะไกลผ่านสายเคเบิลสี่ยูนิต เซอร์เบรัสนั้นเป็นยูนิตประจำตัวของฮิวโก เมดิโอ หนึ่งในสมาชิกที่เหลืออยู่ของหน่วยครายวูล์ฟ ซึ่งฮิวโกนั้นเคยได้รับบาดเจ็บปางตายในภารกิจจับเยทซ์เรจิสเซียที่หนีไปจากสถานีทดลอง และศจ.มิทาล ซาพาทก็ได้ดัดแปลงฮิวโกเป็นไซบอร์ก ทำให้ใช้งานระบบDFCได้ดียิ่งขึ้น ส่วนนักบินผู้ช่วยก็คืออควอ เคนโทลม ลูกศิษย์ของเออร์เด มิทเต ผู้พัฒนาคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาตัวเองได้ AI1 ซึ่งทั้งคู่ได้รับภารกิจให้ใช้เซอร์เบรัสชิงเอา เมดิอุสโลคัส ซึ่งถูกอดีตหัวหน้าหน่วยครายวูล์ฟ อัลเบโร เอสท์ ขโมยไป เมดิอุสโลคัสนั้นเป็นยูนิตทดลองหมายเลข 5 ซึ่งติดตั้งAI1และโลหะลาซุมนาเนียม ซึ่งเป็นโลหะเปลี่ยนสภาพที่ทำให้เมดิอุส โลคัสสามารถซ่อมแซมและพัฒนาตัวเองได้อย่างไม่มีขีดจำกัด



รุ่นสมบูรณ์ของเซอร์เบรัสก็คือยูนิตทดลองหมายเลข 8 YTA-08BW เซอร์เบรัสอิกไนท์ ซึ่งติดตั้งอิกไนท์พาร์ท เครื่องยนต์พลังงานเทอร์มินัสของเซอร์เบรัสอิกไนท์นั้นมีประสิทธิภาพกว่าของเซอร์เบรัสมาก สามารถสร้างบาเรียร์ TEสเฟียร์ได้ โครงสร้างของเซอร์เบรัสอิกไนท์นั้น ด้านหน้าคือ ฟอร์มG ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเซอร์เบรัสแต่เน้นที่การต่อสู้ในระยะประชิดตัว และเมื่อหันหลังไปอีกด้านก็จะกลายเป็นฟอร์มS ซึ่งเน้นที่การโจมตีระยะไกลแบบเดิม มาชีนกันพ็อดนั้นได้รับการดัดแปลงเป็นเรย์กันพ็อด ดาบโค้ตติ้งซอร์ดนั้นในฟอร์มGจะเพิ่มกำลังเป็น โค้ตติ้งซอร์ด TeX ซึ่งฟอร์มGยังมีมิสไซล์ลันเชอร์กับอิกไนท์ไปค์ที่แขนทั้งสองข้างเพิ่มเข้ามา ส่วนฟอร์มSนั้น จะมีเทอร์มินัสสแมชเชอร์ที่ไหล่สองข้าง และสามารถรวมกำลังของเทอร์มินัสแคนน่อนสามกระบอกเป็นไม้ตาย เคลเบเรดบัสเตอร์ ได้ นักบินของเซอร์เบรัสอิกไนท์นั้นจะสามารถโอนหน้าที่กันได้ โดยฮิวโกจะเป็นนักบินหลักของฟอร์มG ส่วนอควอจะเป็นนักบินหลักของฟอร์มS อิกไนท์พาร์ทนั้นสามารถแยกออกมาเป็นยานไร้คนบังคับได้ แต่ความสามารถนี้ยังไม่เคยมีการใช้งาน





YTA-06RB การ์มเรด

ยูนิตทดลองหมายเลข 7 ซึ่งมีเครื่องยนต์พลังงานเทอร์มินัส การ์มเรดนั้นเน้นการต่อสู้ในระยะประชิดด้วยกำลังจึงใช้รูปแบบของซูเปอร์โรบ็อท เนื่องจากมีปัญหาที่เครื่องยนต์พลังงานเทอร์มินัสยังไม่เสถียรจึงมีแบตเตอรีสำหรับจ่ายพลังงานอยู่ทั่วตัว การ์มเรดมีอาวุธเป็นลำแสงบลัดดีเรย์ที่ยิงจากหน้าผาก เกราะไหล่นั้นเป็นเขี้ยวแฟงก์กริลซึ่งสามารถถอดออกมาสวมกับหมัดเพื่อยิงออกไปเป็นแฟงก์นัคเคิลได้ และที่เข่ามีจักรซึ่งใช้ประจุพลังงานโจมตีเป็นธันเดอร์สปินเอดจ์ ท่าไม้ตายของการ์มเรดก็คือ เบิร์นนิงเบรกเกอร์ ซึ่งเป็นการใช้พลังงานจากเครื่องยนต์เทอร์มินัสเต็มกำลัง(โดยแฟงก์กริลจะระบายความร้อนออกมา)แล้วชกศัตรู การ์มเรดก็เป็นยูนิตประจำตัวของฮิวโก เมดิโอ และ อควอ เคนโทลม เหมือนกับเซอร์เบรัส



รุ่นสมบูรณ์ของการ์มเรดก็คือ ยูนิตทดลองหมายเลข 9 YTA-09BW การ์มเรดเบลซ เครื่องยนต์พลังงานเทอร์มินัสของการ์มเรดเบลซนั้นมีประสิทธิภาพกว่าของการ์มเรดมากจึงไม่มีปัญหาการจ่ายพลังงานอีกและสามารถสร้างบาเรียร์ TEสเฟียร์ได้ การ์มเรดเบลซยังมีหุ่นยนต์ไร้คนบังคับ มาชีนอานิมารีท ฮิโอ (เหยี่ยว) กับ โรวกา (หมาป่า) เป็นยูนิตสนับสนุนโดยประกอบเป็นพาร์ทเสริมให้การ์มเรดเบลซ ซึ่งมีสองรูปแบบคือฟอร์มGที่ยังเน้นการต่อสู้ในระยะประชิดและมีฮิวโกเป็นนักบินหลักเหมือนเดิม กับฟอร์มSที่เน้นการต่อสู้ระยะไกลซึ่งอควอจะเป็นนักบินหลักแทน แฟงก์นัคเคิลของทั้งสองร่างจะใช้การประกอบกับส่วนหัวของโรวกา ในฟอร์มGนั้นครีบของโรวกาจะเป็นสว่านโรวกาครัชเชอร์ หน้าอกของฟอร์มGสามารถยิงลำแสงเทอร์มินัสบลาสเตอร์ซึ่งมีอานุภาพสูงได้ ส่วนฟอร์มSนั้นครีบของโรวกาจะเป็นแผงโล่สำหรับป้องกันตัว สามารถสร้างTEสเฟียร์อัดพลังงานแล้วขว้างโจมตีจากระยะไกลเป็นTEสเฟียร์เบลซเซอร์ได้ พร้อมกับปืนเทอร์มินัสช็อตเป็นอาวุธเสริม
Super Robot Wars Games Mecha Story

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา