Mecha Story : ตอนนี้มีทั้งVRและAM

เช็กดูแล้วยังเหลือVRให้หากินได้อีกตอนแฮะ...หลังจากนั้นทำไงต่อดีหว่า?

HBV-10-B ดอคัสและSAV-07-D เบลกดอร์

ดอคัสนั้นเป็นรุ่นปรับปรุงของไรเดนซึ่งมีเกราะที่หนาพอๆกันแต่ตัวเล็กกว่าจึงมีความเร็วสูงกว่าเล็กน้อย ส่วนอาวุธแม้จะไม่มีพลังทำลายที่เทียบได้กับไรเดนก็มีการโจมตีที่แม่นยำกว่าด้วยฟาแลงก์มิสไซล์ที่ไหล่ขวาและเครื่องพ่นไฟติดคีมที่มือขวา ความสามารถในการต่อสู้ในระยะประชิดที่สูงกว่าด้วยลูกตุ้มติดหนามบีมที่มือซ้ายซึ่งสามารถยิงออกไปโจมตีในระยะไกลและควบคุมให้กลับมาได้ ส่วนเบลกดอร์นั้นเน้นที่การโจมตีจากระยะไกลมากกว่าเกราะ โดยใช้อาวุธเป็นโฮมมิ่งมิสไซล์,เกรเน็ดและระเบิดนาปาล์มซึ่งสามารถทำลายเป้าหมายได้เป็นบริเวณกว้าง เบลกดอร์มีเกราะที่ด้อยกว่าไรเดนและดอคัสจึงมีความเร็วสูงกว่า แต่เนื่องจากความสมดุลย์ของเครื่องไม่ดีนักเพราะหนักช่วงบนจึงทำให้หกล้มตอนวิ่งได้ง่าย

ในการต่อสู้กับRNAนั้นเบลกดอร์ถูกแทนที่ด้วยSAV-326-D กริสวอค ซึ่งได้ติดตั้งปืนกลสำหรับยิงในระยะกลางและเพิ่มปริมาณของมิสไซล์ลันเชอร์เข้าไปอีก ในตัวกริสวอคมีแม้แต่ขีปนาวุธนิวเคลีย กริสวอคจึงเป็นVRที่มีพลังทำลายสูงสุด ส่วนดอคัสนั้นRNAได้พัฒนาต่อมาเป็นRVR-68 ดอเดรย์ ซึ่งมีเกราะที่หนายิ่งกว่าไรเดนและเปลี่ยนลูกตุ้มที่มือซ้ายเป็นสว่านขนาดใหญ่ซึ่งทำให้สามารถทะลวงสิ่งกีดขวางและเกราะของศัตรูได้ คีมพ่นไฟที่มือขวาของดอเดรย์ก็มีระบบปล่อยไปโจมตีจากระยะไกลเหมือนกัน ดอเดรย์ยังมีความสามารถสร้างลมพายุ"Vเฮอริเคน"และสามารถขยายร่างจนสามารถกระทืบVRทั่วๆไปได้ (ไฮเปอร์ดอเดรย์?)

XBV-13-V11 บัลบัสบาว

บรรพบุรุษของVRทั้งมวล บัลบัสบาวที่ใช้ในปฏิบัติการมูนเกตเป็นรุ่นจำลองที่ยังไม่สมบูรณ์แบบด้วยซ้ำ บัลบัสบาวไม่มีขาและขับเคลื่อนโดยการลอยตัวกลางอากาศ ระบบของบัลบัสบาวยังไม่สามารถใช้Vคอนเวอเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพพอ บัลบัสบาวจึงควบคุมยากและมีปัญหาด้านการขับเคลื่อนและกำลังที่ไม่เสถียร แต่จุดเด่นของบัลบัสบาวก็คือระบบอาวุธ แขนของบัลบัสบาวซึ่งติดตั้งทุ่นระเบิดนำวิถีและเลเซอร์แบบวงแหวนสามารถปล่อยให้แยกไปจากตัวและควบคุมให้โจมตีเป้าหมายได้ ทำให้บัลบัสบาวสามารถโจมตีเป้าหมายจากระยะไกลได้อย่างแม่นยำ ดูเหมือนว่าDNไม่ได้หวังผลอะไรจากการใช้บัลบัสบาวในปฏิบัติการมูนเกต แต่ต้องการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาบัลซีรี่ในอนาคตมากกว่า

บัลซีรี่ประกอบด้วยบัลบาดอส บัลเครอส และ บัลบารอส ซึ่งในจำนวนนี้ที่รู้จักกันมากที่สุดก็คือXBV-819-TR บัลบาดอส บัลซีรี่มีส่วนขาเหมือนVRทั่วๆไปแล้ว แต่ทั้งส่วนขาและแขนของบัลบาดอสจริงๆแล้วเป็นอาวุธที่มีชื่อว่าERL (Ejectable Remote Lancher)ซึ่งสามารถแยกไปจากร่างได้เหมือนแขนของบัลบัสบาว การเปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนระหว่างการสู้รบทำให้บัลซีรี่เป็นVRที่ควบคุมได้ยากที่สุด แต่ก็สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบการโจมตีได้หลากหลายในการต่อสู้ นอกจากทุ่นระเบิดนำวิถีและเลเซอร์วงแหวนแล้ว บัลซีรี่ยังสามารถโจมตีในระยะประชิดด้วยกงเล็บบีม รวมถึงสร้างสนามพลังขนาดเล็กสำหรับดูดซับการโจมตีระยะไกลได้ แต่ยังเป็นVRที่ควบคุมได้ยากเหมือนเดิม

DCAM-04 ริอ้อน,DCAM-05 บาเรลเรียนและDCAM-06 กาเรียน

ริอ้อนซีรี่ส์ก็คือAMซึ่งเป็นกำลังหลักของDCตลอดช่วงสงครามDC โดยรุ่นแรกสุดก็คือDCAM-04 ริอ้อน ริอ้อนมีต้นแบบมาจากเครื่องบินF-32 ชวาลด์และสามารถบินได้ด้วยเทสล่าไดรฟ์ ริอ้อนรุ่นทดสอบออกสู่สนามรบครั้งแรกโดยมีเทนซัน นาคาจิมะเป็นนักบินและมีการผลิตอย่างต่อเนื่องโดยรุ่นมาตรฐานก็คือDCAM-04F ริอ้อนมีอาวุธมาตรฐานเป็นปืนวัลแคนติดหน้าอก, โฮมมิ่งมิสไซล์และเรลกันติดแขนซ้าย เนื่องจากเน้นการต่อสู้กลางอากาศจึงไม่ค่อยติดตั้งอาวุธในระยะประชิดตัว แม้ว่าจริงๆแล้วจะเป็นหุ่นที่มีพลังการต่อสู้อยู่ในระดับเดียวกับเกสเพนสท์มาร์คทูว์MของEF แต่เนื่องจากเกสเพนสท์มาร์คทูว์Mส่วนใหญ่ถูกทำลายโดยแกรนซอนพร้อมยานชิโรงาเนะที่ขั้วโลกใต้และริอ้อนยังมีความสามารถในการบินและโจมตีระยะไกลที่เหนือกว่า ทำให้กองทัพDCมักเป็นฝ่ายได้เปรียบในการสู้รบ

DCยังได้พัฒนาAMรุ่นผลิตจำนวนมากออกมาอีกสองรุ่นคือDCAM-05 บาเรลเรียน และ DCAM-06 กาเรียน ซึ่งบาเรลเรียน (ชื่อนี้มาจากบาเรล+ริอ้อน)ซึ่งเป็นAMแบบป้อมปืนซึ่งมีเกราะที่หนาและพลังทำลายที่รุนแรงจากเรลกันขนาดใหญ่ที่หัว บาเรลเรียนยังมีอาวุธเสริมเป็นบีมแคนน่อนและมิสไซล์ลันเชอร์ เมื่อเทียบกับAMรุ่นผลิตจำนวนมากด้วยกันแล้วบาเรลเรียนมีความคล่องแคล่วและความสามารถในการบินต่ำกว่ามาก ส่วนกาเรียนนั้นเป็นAMที่พัฒนาไว้ให้นักบินระดับนายทหารโดยเฉพาะ โดยมีรูปร่างใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุดและเน้นที่การต่อสู้กับPTมากกว่า จึงมีความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดและประสิทธิภาพเมื่อใช้งานบนพื้นดินที่สูงกว่ารุ่นอื่นๆ รุ่นปกติของกาเรียนมีอาวุธเป็นปืนกลมาชีนแคนน่อน, เบิร์สท์เรลกันแบบมือถือ และมีดแอสซอล์ทเบลด กาเรียนยังสามารถเร่งเครื่องด้วยความเร็วเหนือเสียงเพื่อพุ่งกระแทกเป้าหมายเป็นท่า"โซนิคเบรคเกอร์" กาเรียนเครื่องที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือกาเรียนสีดำ"ทรอมเบ้"ของเอลซัม V บรันสไตน์ซึ่งใช้ดาบดีไวน์อาร์มแทนแอสซอล์ทเบลดและโซนิคเบรคเกอร์ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น"สทรูมแองกริฟ"

ในช่วงที่เริ่มโปรเจ็คท์อีจิส EFก็เริ่มหันมาใช้AMทั้งสามเป็นกองกำลังหลักแทนเกสเพนสท์มาร์คทูว์M โดยเปลี่ยนรหัสเป็นRAM-04, RAM-05 และ RAM-06แทน

รูปแถม