Mecha Story: ตามที่มีรีเควสต์ Project Phantasma

ตัวที่มีข้อมูล+รูปพอเขียนได้ก็มีไม่กี่ตัว พ้นจากเจ้านี่ไปก็เป็นลูกกระจ๊อกซะส่วนใหญ่ (ที่มีหวังหน่อยคือวิกเซนของสติงเกอร์กับคอรัลสตาร์ของสุมิกะ ใครรอไนน์บอลก็พูดตรงๆเลยว่าอย่ารอเลยครับ)



แฟนทาสมา

MTรุ่นทดลองของเวนส์เดย์ องค์กรลับในนครใต้ดิน แอมเบอร์คราวน์ ที่ทำการวิจัยด้านมนุษย์ดัดแปลงโดยได้รับการสนับสนุนลับๆจากบริษัทโครมและมุราคุโมะมิลเลเนียม แฟนทาสมานั้นได้รับการออกแบบให้เป็นสุดยอดอาวุธสำหรับมนุษย์ดัดแปลงซึ่งทำให้นักบินกับแฟนทาสมาเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ในระหว่างการพัฒนานั้นมีปัญหาที่จิตสำนึกของนักบินกลับติดอยู่ในแฟนทาสมาและไม่สามารถกลับมาได้ ซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษาสภาพไว้แล้วร่างกายของนักบินก็จะเสื่อมสภาพจนตายไป



เวนส์เดย์นั้นใช้วิธีลักพาตัวเรเวนฝีมือดีมาเป็นหนูทดลองของแฟนทาสมา จนกระทั่งเรเวนหญิง สุมิกะ ยูเทไลเนน ได้ทำการสืบสวนเรื่องที่เรเวนหลายๆคนหายตัวไปอย่างลึกลับ เวนส์เดย์ได้จับตัวสุมิกะไปเตรียมใช้ทดลองแฟนทาสมาเป็นการตัดปัญหาไปในตัว แต่ก่อนหน้านั้นสุมิกะได้ทำการติดต่อกับเรเวนฝีมือดีอีกคน("คุณ"นั่นล่ะ)ให้ช่วยสืบเรื่องนี้อยู่แล้ว ซึ่งเรเวนคนนั้นก็ช่วยสุมิกะไว้ได้ก่อนที่ทั้งคู่จะร่วมมือกันหยุดแผนการของเวนส์เดย์



เมื่อเวนส์เดย์สร้างแฟนทาสมาเครื่องต้นแบบที่ใช้ในการต่อสู้จริงได้ สติงเกอร์ เรเวนที่รับงานจากเวนส์เดย์โดยตรงและมีความแค้นฝังลึกกับเรเวนคู่หูของสุมิกะก็เสนอตัวเป็นนักบินเพื่อให้ได้พลังที่สามารถใช้แก้แค้นได้ แฟนทาสมาเครื่องต้นแบบนั้นเป็นMTขนาดใหญ่ที่ไม่ใช้รูปร่างแบบมนุษย์ แต่ก็มีแขนสองข้างซึ่งใช้หยิบจับอะไรได้อยู่ข้างลำตัว แฟนทาสมานั้นใช้เครื่องยนต์ใบพัดเทอร์โบเจ็ตสำหรับลอยตัวและบินกลางอากาศได้ ติดตั้งอาวุธไว้เป็นพลาสมาแคนน่อนกับมิสไซล์นำวิถีแนวดิ่ง



แต่แม้จะมีพลังของแฟนทาสมา สติงเกอร์ก็ถูกคู่ปรับเก่ายิงตกอยู่ดี เวนส์เดย์เก็บแฟนทาสมารุ่นต้นแบบและช่วยสติงเกอร์ออกมาได้ แต่ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ทำให้สติงเกอร์สติแตกโดยสมบูรณ์ไปแล้ว เมื่อองค์กรเวนส์เดย์ถูกเรเวนทำลายจนราบคาบหลังจากที่มุราคุโมะและโครมถอนการสนับสนุนนั้น สติงเกอร์ก็ได้ขโมยแฟนทาสมารุ่นสมบูรณ์ออกไปก่อนแล้วและได้ท้าเรเวนให้มาต่อสู้ตัดสินกันเป็นครั้งสุดท้าย แฟนทาสมาที่สมบูรณ์ใช้พลาสมาแคนน่อนที่มีขนาดเล็กกระทัดรัดแต่รุนแรงกว่า พร้อมกับติดตั้งมิสไซล์ขนาดใหญ่ อาวุธควบคุมระยะไกลที่เรียกว่าเอสคอทริก และปืนเลเซอร์แบบยิงสาดกระจายรอบตัวเข้ามาเป็นอาวุธใหม่



(สำหรับคนที่ลืมไปแล้ว MT = Muscle Tracer เป็นหุ่นยนต์มาตรฐานของArmored Core ลักษณะสำคัญที่ต่างจากACก็คือไม่ได้ใช้ระบบโมดูลจึงปรับแต่งได้ยากกว่าACที่ถอดเปลี่ยนได้ทุกส่วน)



จากนี้ไปก็สารพัดสารเพ ยานล้วนๆ





T-65 Xวิง

ยานขับไล่ที่บริษัทอินคอมพัฒนาขึ้นโดยปรับปรุงมาจากZ-95 เฮดฮันเตอร์ซึ่งเป็นหนึ่งในยานที่อินคอมพัฒนาร่วมกับบริษัทซับโปรพัฒนาและผลิตในช่วงสงครามโคลน เมื่อจักวรรดิกาแล็กติกได้ทำการเข้าควบคุมบริษัทเอกชน ทีมวิศวกรผู้พัฒนาXวิงก็ได้ตัดสินใจทรยศและมอบXวิงรุ่นต้นแบบพร้อมพิมพ์เขียวให้กลุ่มสัมพันธมิตรแทน ซึ่งในเวลาต่อมาXวิงก็กลายเป็นยานขับไล่หลักของกลุ่มพันธมิตรไป



โดยปกตินั้นยานขับไล่แบบมีปีกอย่างเฮดฮันเตอร์นั้นจะมีปัญหาที่ระบบส่งพลังงานทั้งเครื่องยนต์และปืนเลเซอร์ที่ปลายปีกนั้นจะเกิดความร้อนสูงขณะใช้งานทำให้ส่วนปีกที่บางเสียหายได้ ทำให้ติดอุปกรณ์ได้จำกัด อินคอมได้แก้ปัญหาโดยใช้ระบบปีกแบบกางได้ที่เรียกว่า Sฟอยล์ (Strike Foils หรือ Stability Foils)จากยานรุ่น ARC-70มาใช้ ซึ่งเมื่อบินด้วยความเร็วสูงหรือทำการต่อสู้Sฟอยล์ก็จะกางออกทำให้ระบายความร้อนได้ดีกว่าปีกแบบปกติมาก จึงสามารถติดอุปกรณ์ที่มีกำลังมากกว่าเดิมได้ นอกจากนั้นการกางปีกยังทำให้เลเซอร์ที่ปลายปีกมีขอบเขตการยิงที่กว้างขึ้น รวมทั้งสามารถบินในชั้นบรรยากาศได้ดีขึ้นด้วย ชื่อXวิงนั้นก็มีที่มาจากลักษณะของปีกSฟอยล์เมื่อกางออกนั่นเอง โดยอาวุธของXวิงนั้นนอกจากปืนเลเซอร์ที่ปลายปีกทั้งสี่ึ่งสามารถปรับโหมดการยิงได้ตั้งแต่ทีละกระบอกถึงยิงพร้อมกันสี่กระบอก ด้านหน้าของยานยังมีเครื่องยิงโปรตอนตอร์ปิโดสองกระบอกซึ่งมีอานุภาพรุนแรงมาก เนื่องจากโปรตอนตอร์ปิโดมีราคาแพงมาก และการดัดแปลงไปใช้หัวรบแบบอื่นก็ต้องทำการดัดแปลงมากมายจนไม่คุ้มค่า Xวิงที่ใช้ในช่วงแรกของสงครามจึงมักบรรจุโปรตอนตอร์ปิโดไว้ให้ยิงได้ครั้งเดียวเท่านั้น ระบบเล็งอาวุธของXวิงนั้นสามารถสร้างภาพจำลองซึ่งช่วยให้นักบินยิงโจมตีได้อย่างแม่นยำมาก



Xวิงนั้นมีทั้งสนามพลังและไฮเปอร์ไดรฟ์ นอกจากนักบินแล้ว Xวิงยังมีช่องสำหรับติดหุ่นดรอยด์อย่างR-2ซีรีส์สำหรับช่วยสนับสนุนนักบินตั้งแต่ทำการซ่อมแซมฉุกเฉิน คำนวนการใช้งานไฮเปอร์ไดรฟ์จากข้อมูลที่บันทึกไว้ จนถึงทำหน้าที่เป็นนักบินอัตโนมัติในตอนที่นักบินพัก ซึ่งทำให้ฝูงบินXวิงสามารถปฏิติการได้เป็นขอบเขตที่กว้างมากเวลานานโดยไม่ต้องใช้ยานแม่ ซึ่งนับว่าเหมาะกับกองทัพสัมพันธมิตรที่มีกำลังด้อยกว่าจักรวรรดิมาก ระบบบังคับของXวิงยังใช้แบบเดียวกับของT-16 สกายฮอปเปอร์ ซึ่งเป็นยานแอร์สปีดเดอร์ที่มีใช้กันทั่วไปในหมู่พลเรือน คนที่บังคับสกายฮอปเปอร์จนชำนาญแล้วนั้นสามารถฝึกบังคับXวิงได้คล่องภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ซึ่งทำให้กลุ่มสัมพันธมิตรสามารถแอบฝึกฝนนักบินได้แม้แต่บนดาวที่จักรวรรดิควบคุมอยู่



Xวิงนั้นเป็นยานที่มีบทบาทสำคัญมากมายตลอดสงครามกับจักวรรดิกาแล็กติก โดยหนึ่งในนั้นก็คือเครื่องที่ลุค สกายวอล์คเกอร์ใช้ในยุทธการยาวินและทำลายสถานีรบ เดธสตาร์ได้นั่นเอง และยังมีฝูงบินไลท์สปีดแพนเธอร์ซึ่งสามารถยิงTIEไฟเตอร์ตกได้ถึง286ลำในช่วงเวลา9เดือน โดยที่มีXวิงถูกยิงตกเพียง4ลำเท่านั้น ซึ่งทำให้จักรวรรดิต้องเริ่มใช้งานยานที่มีสมรรถนะสูงขึ้นอย่างTIEอินเตอเซปเตอร์ หลังจากที่จักรพรรดิพัลพาทีนเสียชีวิตในยุทธการเอนดอร์ ซึ่งXวิงมีกำหนดการจะถูกแทนที่ด้วยEวิง แต่เนื่องจากEวิงนั้นมีปัญหาที่ระบบอาวุธทำให้ต้องชะลอการเข้าประจำการไป Xวิงจึงได้รับการอัพเกรดต่อมาเรื่อยๆ แม้แต่หลังจากที่Eวิงเริ่มผลิตจำนวนมากจริงๆแล้วก็ยังมีการผลิตXวิงรุ่นใหม่ออกมาอยู่





CBS-70 ยานปโตเลไมออส

ยานอวกาศซึ่งเป็นยานแม่ของเซอเลสเทียลบีอิง โดยมีสุเมรากิ ลี โนริเอกะเป็นกัปตัน ปโตเลไมออสได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกับกันดั้มรุ่นที่สามโดยเฉพาะ โดยกันดั้มทั้งสี่เครื่องจะเก็บไว้ในคอนเทนเนอร์ที่ติดไว้กับวงแหวนรอบยาน ซึ่งเมื่อจะปล่อยกันดั้มออกไปปฏิบัติการก็จะหมุนเลื่อนแล้วใช่คาทาพัลท์ยิงคอนเทนเนอร์ที่เป็นเหมือนยานขนส่งขนาดเล็กออกไป นอกจากนั้นกันดั้มยังสามารถออกจากคอนเทนเนอร์ได้โดยตรง ปโตเลไมออสนั้นไม่มีGNไดรฟ์ในตัว แต่ใช้พลังงานจากGNคอนเดนเซอร์ขนาดใหญ่ซึ่งชาร์จพลังงานจากGNไดรฟ์ของกันดั้มที่อยู่ในคอนเทนเนอร์ ในกรณีที่ส่งกันดั้มออกไปปฏิบัติการทั้งหมดก็จะใช้งานได้เท่าที่มีGNคอนเดนเซอร์เก็บพลังงานไว้เท่านั้น เนื่องจากได้รับการออกแบบเป็นยานขนส่งและบัญชาการของกันดั้ม และไม่มีหน้าที่ในการเข้าต่อสู้กับศัตรูด้วยตนเอง ปโตเลไมออสจึงไม่มีอาวุธเลย แต่สามารถกางGNฟิลด์บาเรียร์ป้องกันตัวได้ จนกระทั่งเมื่อกลุ่มมหาอำนาจรวมตัวกันเป็นสหประชาชาติและสามารถตรวจหาปโตเลไมออสได้ จึงได้ติดตั้งอาวุธไว้กับคอนเทนเนอร์เพื่อให้ต่อสู้ได้ แต่ปโตเลไมออสก็ถูกทำลายในการกวาดล้างของสหประชาชาตินี้เอง



เมื่อเซอเลสเทียลบีอิงกลับมาปฏิบัติการอีกครั้ง ก็ได้ CBS-74 ปโตเลไมออส2มาเป็นยานแม่ลำใหม่ ปโตเลไมออส2นั้นได้รับการปรับปรุงในหลายๆด้าน โดยนอกจากจะใช้งานในอวกาศแล้วยังสามารถบินในชั้นบรรยากาศโลกหรือแม้แต่ดำน้ำก็ได้ อีกทั้งยังมีระบบพรางตา ปโตเลไมออส2ยังมีอาวุธติดตั้งในตัวทั้งGNแคนน่อน GNวัลแคน GNมิสไซล์ และGNตอร์ปิโดลันเชอร์สำหรับใช้งานในน้ำ ระบบคอนเทนเนอร์ของปโตเลไมออส2นั้นเปลี่ยนมาเป็นแบบโรงเก็บธรรมดา ซึ่งปโตเลไมออส2นั้นมีคาทาพัลท์สามจุดสำหรับแยกกันใช้ระหว่างกันดั้มและยานสนับสนุน ปโตเลไมออส2นั้นยังใช้GNไดรฟ์ของกันดั้มชาร์จพลังงานเหมือนเดิม แต่ด้วยGNคอนเดนเซอร์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและยังมีดับเบิลโอกันดั้มที่ให้พลังงานได้มากเป็นพิเศษจึงไม่จำเป็นต้องชาร์จพลังงานบ่อยเหมิอนปโตเลไมออส ปโตเลไมออส2ยังมีระบบทรานแซม แต่เนื่องจากไม่มีGNไดรฟ์ในตัว ปกติแล้วจึงใช้งานโดยให้กันดั้มที่อยู่บนยานเปิดทรานแซมไปด้วย



ในช่วงสงครามกับELS ปโตเลไมออส2ก็ได้รับการปรับปรุงเป็น CBS-742 โดยเสริมบูสเตอร์สำหรับเดินทางเป็นระยะไกลและปรับปรุงโรงเก็บMSให้สามารถเก็บดับเบิลโอไรเซอร์ได้โดยไม่ต้องแยกโอไรเซอร์ออกมาอีก



ยานที่นับว่าเป็นพี่น้องของปโตเลไมออสก็คือ CBS-68 ยูคลิเดสของกลุ่มเฟเรชเต ซึ่งเดิมเป็นยานที่มีไว้ทำหน้าที่ซ่อมบำรุงปโตเลไมออส ยูคลิเดสจึงมีแขนกลสำหรับทำงานขนาดใหญ่ติดไว้8ข้าง นอกจากGNเวอเนียร์แล้ว ยูคลิเดสยังติดตั้งเครื่องยนต์พลาสมาเอาไว้สี่เครื่อง จึงสามารถปฏิบัติการได้แม้จะไม่มีGNไดรฟ์ของกันดั้มไว้ชาร์จพลังงาน เมื่อฟอน สปาคออกจากกลุ่มไปนั้นก็ได้เอายูคลิเดสไปด้วยและเป็นเหมือนฐานปฏิบัติการของฟอนไปโดยปริยาย ซึ่งหลังจากที่ฟอนชิงเวดาคืนจากริบบอนล้มเหลวนั้น ฟอนก็ได้เก็บเอาคอร์เทอมินัลเดิมของเวดามาเก็บไว้บนยูคลิเดสด้วย
Super Robot Wars Games Mecha Story

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา