th
Th
En
หน้าแรก
หัวข้อทั้งหมด
ข่าว
วีดีโอ
ตั้งหัวข้อใหม่
ลงทะเบียน
ล็อกอิน
กด enter เพื่อค้นหา
Mecha Story: ล่มไปก็ลงใหม่
เอ้า หายหมดก็ไม่เป็นไร ลงชุดต่อไปเลยดีกว่า
เมทัลเกียร์ RAXA
(อ่านว่า "ราชา")
เมทัลเกียร์ที่มีการสร้างเสร็จรุ่นแรก ซึ่งนิโคไล สเตฟาโนวิช โซโลคอฟออกแบบให้อเมริกาโดยอาศัยแนวคิดมาจากดีไซน์ในปี1964ของอเล็กซานโดล เลโอโนวิทช์ กรานินแห่งหน่วยวิจัยอาวุธของสหภาพโซเวียต RAXAนั้นต่างจากดีไซน์ของกรานินที่เป็นเมทัลเกียร์แบบสี่ขาและยิงนิวเคลียร์ได้ในระยะที่สั้นกว่ามาก การใช้งาน RAXA จึงต้องใช้งานโดยติดตั้งกับจรวดจรวดแซทเทิร์นVเหมือนหัวรบขีปนาวุธและยิงขึ้นไปในอวกาศ ก่อนกลับเข้าสู่บรรยากาศโลกแล้วแยกตัวออกที่ความสูง3000ฟิตเหนือเป้าหมาย จากนั้น RAXAจะใช้ร่มชูชีพร่อนลงพื้นก่อนเริ่มยิงนิวเคลียร์ทำลายเป้าหมาย RAXAมีนิวเคลียร์พอที่จะยิงทำลายเมืองสำคัญทุกเมืองในโซเวียตได้ วิธีนี้ทำให้ RAXAเป็นเหมือนขีปนาวุธข้ามทวีปที่สามารถโจมตีเป้าหมายได้ทั่วโลกและไม่สามารถสกัดได้ด้วยอาวุธทั่วไป และขณะเดียวกันก็มีความแม่นยำในการโจมตีพอๆกับจรวดร่อน RAXAมีเกราะกันกระสุนที่หนา150มม. การใช้กำลังภาคพื้นดินเข้าทำลาย RAXAหลังจากที่ลงพื้นแล้วจึงยากมาก RAXA ยังมีปืนกลและมิสไซล์ต่อต้านรถถังติดไว้ป้องกันตัว ส่วนการเคลื่อนไหวนั้น ถ้าส่วนขาได้รับความเสียหายก็สามารถใช้ท่อขับดันลอยตัวเหนือพื้นได้
ในปี 1970 CIAได้จัดฉากให้หน่วยฟ็อกซ์ทรยศและขโมย RAXAไปส่งให้โซเวียต ด้วยความหวังที่จะจุดชนวนสงครามเย็นอีกครั้งและคงอิทธิพลขององค์กรในภาคกลาโหมได้ ทว่า กระทรวงกลาโหมของอเมริกาก็ได้ให้หัวหน้าหน่วยฟ็อกซ์ "จีน" เปลี่ยนแผนเป็นยิง RAXA ใส่โซเวียตเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของ CIAเสียด้วยเลย
เนคเก็ด สเนค (บิ๊กบอส) ได้พยายามทำลาย RAXA ก่อนที่มันจะเดินเครื่อง แต่ก็ยังช้ากว่าพลเอก สโควรอนสกี้ ผู้บัญชาการของฐานซานเฮียโรนิโมที่ถูกฟ็อกซ์ยึดไป ซึ่งได้ขโมย RAXAโดยตั้งใจจะล้างแค้นจีน แต่เพราะระบบของ RAXAไม่สมบูรณ์ จึงหยุดทำงานในเวลาไม่นานนัก จีนได้ปลุกบุคลิกที่สองของสาวพลังจิต เอลซ่า "เออซูล่า" ให้ตื่นขึ้น แล้วใช้พลังจิตฆ่าสโควรอนสกี้ก่อนใช้ RAXA ศุ้กับสเนค พลังจิตของเออซูล่านั้น นอกจากจะทำให้ RAXA กลับมาทำงานได้อีกแล้ว ยังทำให้มีสมรรถนะเพิ่มขึ้นยิ่งกว่าที่ควรเป็นมากอีกด้วย แต่สเนคก็สามารถทำลาย RAXA ได้โดยยิงสวนเข้าไปขณะที่ RAXAยิงมิสไซล์ ซึ่งตรงนี้เป็นจุดอ่อนสำคัญของ RAXA เพราะระบบขับเคลื่อนของท่อขับดันนั้นอยู่ติดกับมิสไซล์พ็อด การโจมตีที่มิสไซล์พ็อดขณะเปิดออกจึงสร้างความเสียหายกับเครื่องยนต์หลักได้
แต่จริงๆแล้ว RAXA เป็นแค่เครื่องต้นแบบของ ICBMเมทัลเกียร์ (เมทัลเกียร์ขีปนาวุธข้ามทวีป) ที่จีนเอามาล่อสเนคเท่านั้น ซึ่งจีนได้ย้ายเครื่องที่สมบูรณ์ไปติดไว้กับจรวดแล้ว และเปิดเผยแผนของตนที่จะยิงใส่อเมริกาแทนเพื่อให้เกิดสงครามเต็มรูปแบบเสียเลย สเนคพยายามหยุดจีนก่อนที่จะเริ่มยิงจรวดแต่ก็ไม่ทันการ เมทัลเกียร์นั้นแม้จะอยู่ในสภาพติดตั้งและตอบโต้ไม่ได้ แต่ก็มีเกราะที่หนามาก และสเนคยังไม่สามารถยิงทำลายจรวดได้เพระแรงระเบิดจะทำให้โรงเก็บจรวดและบริเวณใกล้เคียงพินาศหมด ถึงกระนั้น สเนคก็ไม่ยอมแพ้และพยายามหยุดเมทัลเกียร์โดยใช้RPGยิง โดยมีเหล่าทหารที่ร่วมในการต่อสู้กับสเนคช่วยกันยิงสนับสนุน ปรากฏว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นมากพอที่จะทำให้ระบบของเมทัลเกียร์ขัดข้อง เมื่อแยกตัวจากจรวดก็ออกนอกเส้นทาง ก่อนที่จะระเบิดทันทีที่ถึงพื้น
MS-09R4 "ชเนไวส์"
หรือ ไซคอมมิวริคดอม
มีรหัสอีกชุดคือ MS-09RN ชเนไวส์เป็นเครื่องต้นแบบของMSแบบติดตั้งระบบไซคอมมิวที่ฮามานสมัยวัยรุ่นเป็นนักบินทดสอบให้ ระบบไซคอมมิวของชเนไวส์นั้น แม้จะลดขนาดลงมาเหลือเพียงหนึ่งในสามของที่เอลเมสใช้ก็ยังนับว่ามีขนาดใหญ่มาก จึงติดตั้งในแบ็คแพ็คเสริมให้ตัว MS ชเนไวส์จึงได้รับการดัดแปลงโครงสร้าง โดยเฉพาะส่วนขา ให้มีท่อขับดันมากกว่าเดิมเพื่อให้เคลื่อนไหวขณะติดตั้งระบบไซคอมมิวได้ดีขึ้น ซึ่งในเวลาคับขันนั้น ชเนไวส์สามารถปลดเกราะไหล่และแบ็คแพ็คไซคอมมิวออกไปได้ และในสภาพนี้ชเนไวส์ก็จะควบคุมการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นเป็น 120% ชเนไวส์นั้นไม่มีอาวุธในตัว เนื่องจากว่าในขณะนั้นยังไม่ได้พัฒนาฟันเนลขึ้นมา จึงต้องใช้บิทที่มีขนาดใหญ่เป็นอาวุธ ซึ่งทางแอ็กซิสใช้วิธีให้ยานบรรทุกบิทให้แทนชเนไวส์
AMA-00GR ซีโร่ดิอาร์
(Zero The R)
MAที่เป็นต้นแบบของนอยเอซีล ซีโร่ดิอาร์ได้รับการพัฒนาเพื่อใช้เป็นMAสำหรับป้องกันฐานโดยเฉพาะ มีอาวุธหลักเป็นปืนมหาอนุภาคแบบป้อมซึ่งปรับทิศทางการยิงได้ที่หาง เอว ไหล่ รวมห้ากระบอก และแบบติดปากที่หัวอีกหนึ่งกระบอก ส่วนแขนนั้นปกติจะพับเก็บไว้ในไหล่ แต่สามารถกางออกมาได้ นอกจากนั้นยังมีIฟิลด์บาเรียร์ไว้ป้องกันตัว เดิมทีนั้นทางแอ็กซิสออกแบบให้เคลื่อนไหวด้วยระบบAIและให้นักบินควบคุมอาวุธอย่างเดียว แต่ในการทดสอบภาคสนาม ชาร์ อัซนาเบิลผู้เป็นนักบินทดสอบนั้น ชาร์ก็ได้แสดงฝีมือการควบคุมที่เหนือกว่าระบบAIและทำลายเป้าหมายได้ทั้งหมด เนื่องจากว่าชาร์นั้นไม่พอใจที่การขับเคลื่อนของซีโร่ดิอาร์ต่ำกว่าที่ต้องการ ทำให้แอ็กซิสระงับการผลิตซีโร่ดิอาร์และพัฒนาต่อไปเป็นนอยเอซีล
ATH-14ST สแตนดิงทอทัส
ATรุ่นหนักที่กิลกาเมชพัฒนาขึ้นให้มีพลังทำลายที่เหนือกว่าสโคปด็อก สแตนดิงทอทัสมีเกราะที่หนาและสามารถใช้งานอาวุธหนักได้ดีกว่าสโคปด็อก โดยสามารถติดตั้งมิสไซล์ลันเชอร์ที่ไหล่ได้สองข้างพร้อมกัน และอาวุธมือถือก็จะเป็นอาวุธหนักอย่าง ปืนไฟ มิสไซล์ลันเชอร์ขนาดใหญ่แบบแปดนัด ร็อคเก็ตล์ลันเชอร์สี่ลำกล้อง และ บาซูก้า50มม. เนื่องจากเน้นที่การยิงสนับสนุนสโคปด็อกด้วยอาวุธหนักจากระยะไกล ปกติแล้วสแตนดิงทอทัสจึงไม่ได้ติดตั้งอาร์มพันช์ แต่ใช้ปืนกล11มม.ที่ลำตัวแทน สแตนดิงทอทัสรุ่นแรกที่ผลิตออกมายังไม่มีล้อไกลดิงวีล แต่ก็ได้แก้ไขดีไซน์ในเวลาต่อมา จุดอ่อนของสแตนดิงทอทัสนอกจากด้านความเร็วแล้วยังขาดความคล่องตัวในการใช้งาน โดยเฉพาะดีไซน์ส่วนหัวที่หันหรือเลื่อนเซนเซอร์แบบสโคปด็อกไม่ได้ ถ้านักบินต้องการมองด้านข้างจะต้องเปิดชัตเตอร์หน้าต่างที่อยู่ข้างค็อกพิตแล้วมองออกไปเอง หลังสงครามร้อยปี สแตนดิงทอทัสก็เป็นATกำลังหลักที่กลุ่มสมาคมลับใช้
สแตนดิงทอทัสมีรุ่นที่ปรับแต่งตามสภาพการใช้งานก็คือ ATH-14-SA สโคปทอทัสมาร์คทูว์ ซึ่งได้รับการปรับแต่งให้ใช้ในอวกาศโดยเสริมบูสเตอร์และท่อขับดันเข้าไป รวมถึงปรับปรุงมัสเซิลไซลินเดอร์ให้เคลื่อนไหวในสภาพไร้แรงโน้มถ่วงได้ดีขึ้น ATH-14-WP สแตนดิงเทอเทิล ซึ่งได้รับการออกแบบให้สู้รบในน้ำและพื้นที่แบบหนองบึง โดยปรับปรุงดีไซน์ให้กันน้ำและติดตั้งสวอมป์คลักสำหรับใช้เคลื่อนไหวในน้ำไว้ที่ขา สแตนดิงเทอเทิลมีรุ่นย่อยคือ ATH-14-WPC สแนปปิงเทอเทิล ซึ่งเป็นเครื่องปรับปรุงสมรรถนะให้สูงขึ้นสำหรับมนุษย์ดัดแปลง เพอเฟคท์โซลเยอร์ ใช้
RZA-3F9 ทริสแทน
KMFประจำตัวของไนท์ออฟทรี จิโน ไวน์เบิร์ก ทริสแทนนั้นเป็นKMFเครื่องแรกที่สามารถแปลงร่างเป็นฟอเทรสโหมดเพื่อบินด้วยความเร็วสูงได้ ทริสแทนนั้นมีความคล่องตัวพอที่จะแปลงร่างกลางอากาศได้และโดยปกติก็จะใช้ความคล่องตัวทำการสู้รบจากระยะกลางเป็นหลัก โดยอาวุธหลักของทริสแทนก็คือเมกิโดฮาเคนที่แขนสองข้าง ซึ่งนอกจากจะมีขนาดใหญ่กว่าปกติและติดบูสเตอร์ไว้ปรับทิศทางกลางอากาศแล้ว ยังสามารถนำมาประกอบกันเป็นฮาดรอนสเปียร์และยิงลำแสงที่มีอานุภาพรุนแรงได้ ทริสแทนยังติดตั้งดาบMVSแบบตะขอสองอันที่สามารถนำมาประกอบเป็นแบบสองปลายได้ ซึ่งเป็นอาวุธที่เหมาะกับการโจมตีแบบรักษาระยะมาก ส่วนในฟอเทรสโหมดจะมีปืนกลเป็นอาวุธ
เมื่อลูลูชขึ้นเป็นจักรพรรดินั้น จิโนก็อยู่ในกลุ่มที่พยายามขัดขวางการขึ้นครองอำนาจของลูลูช และทริสแทนก็ได้รับความเสียหายในการต่อสู้กับแลนสล็อตอัลเบียนของสุซาคุ ก่อนที่รัคชะตา ชาวลาจะเอาไปซ่อมและปรับปรุงใหม่เป็น RZA-3F9X1 ทริสแทนดีไวเดอร์ ลักษณะโดยรวมนั้นยังคงเหมือนทริสแทน โดยยังคงความสามารถในการแปลงร่างเป็นฟอเทรสโหมดไว้ แต่เสริมปีกให้โฟลท์ยูนิทมีกำลังมากขึ้น และเปลี่ยนMVSแบบตะขอเป็นดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ของกาลาฮัดที่ถูกตัดเป็นสองส่วน จึงดัดแปลงเป็นดาบสองเล่ม
GPB-X80D บีกินนิงกันดั้ม D
รุ่นปรับปรุงของบีกินนิงกันดั้มที่แต่งโดยชินโก อาสุเมะ ในภาค กันพลาบิลเดอร์ บีกินนิงD (
ภาคนี้ไง
ว่าแต่กันดั้มน่าจะมีนางเอกแบบนี้อีกสักสองสามคนนะ) บีกินนิงกันดั้มDนั้นแต่งเพื่อให้รูปแบบของบีกินนิงกันดั้มเป็นMSแบบมาตรฐานกว่าเดิมเพื่อให้ติดอุปกรณ์เสริมได้ง่าย โดยลดจำนวนบีมเซเบอร์ที่ไหล่ลงเหลือสองเล่ม และเปลี่ยนบีมไรเฟิล จริงๆแล้วสมรรถนะของบีกินนิงDนั้นอยู่ในระดับเดียวกับบีกินนิงกันดั้ม แต่ชินโกทาสีใหม่ให้ดูมัวกว่าเดิมเหมือนกับว่าผ่านการใช้งานในสภาพอากาศที่แปรปรวนมา ทำให้ค่าความสามารถในกันพลาแบทเทิลสูงขึ้นไปด้วย
Super Robot Wars
Games
Mecha Story
Kuruni
Jul 19, 2011 12:30
ร่วมแสดงความเห็น
บนระบบของเรา
บน Facebook Comments Plugin
บน Google+ Comments
Facebook
Share
Twitter
Share
Google+
Share
Pinterest
Share
Email
Send Email
ติดต่อเรา
ชื่อเต็ม
อีเมล
ข้อความของคุณ