Mecha Story: Recycleของเอสเต-----วารีสสสสสส!!!!

เอามาลงรอบสอง ข้อมูลเก่าน่าจะเชื่อได้ว่าไม่พลาดแน่แล้ว ส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามาถ้ามีอะไรพลาดไปก็บอกเล่ากันมั่งนะครับ



เอสเตวาลิส

ยูนิตรบหลักที่ประจำอยู่ในยานทุกลำของเนอร์กัล เอสเตวาลิสเป็นอาวุธมีความยืดหยุ่นสูงสุดของมนุษย์โลก ทั้งนี้เพราะเอสเตวาลิสประกอบด้วยส่วนหลักๆสองส่วนคือห้องควบคุม(Assault Pit)และเฟรมที่เป็นตัวหุ่น ซึ่งทั้งสองส่วนนี้แยกจากกัน ทำให้สามารถย้ายห้องควบคุมไปไว้ในเฟรมต่างๆได้ตามสถานการณ์ (ข้อเสียเล็กๆน้อยๆก็คือระบบนี้มันเปลืองพื้นที่ในโรงเก็บ เพราะเอสเตฯหนึ่งเครื่องจะมีเฟรมไว้ใช้มากกว่าหนึ่งเฟรมเสมอ)

เอสเตวาลิสเป็นหุ่นรบที่มีขนาดเล็กมาก(ประมาณ 6.2 - 6.3เมตร เล็กกว่าดันไบน์ 6.9 เมตรนิดหน่อย)แถมด้วยน้ำหนักที่เบาโหว่ง(0.8ตันถึง1.5ตันแล้วแต่เฟรมครับ แม้แต่การ์แลนด์จากเมก้าโซน 23ที่สูงแค่3.9เมตรยังหนักถึง1.8ตัน) ทั้งนี้เพราะเอสเตวาลิสไม่มีเครื่องกำเนิดพลังงานในตัวนั่นเอง โดยเอสเตวาลิสจะรับคลื่นแรงโน้มถ่วงจากตัวยานแม่มาเป็นพลังงาน ซึ่งถ้าเอสเตวาลิสออกไปนอกบริเวณหรือมีวัตถุขนาดใหญ่มาขวางการส่งพลังงาน เอสเตวาลิสก็จะหมดพลังงาน ในกรณีที่จำเป็นจริงๆ เอสเตวาลิสก็สามารถติดตั้งแบตเตอรีไว้ในตัวได้ นอกจากนี้ เกราะของเอสเตวาลิสยังใช้เซรามิคและเรซิ่นแทนโลหะอีกด้วย

ความคล่องแคล่วที่สูงมากๆของเอสเตวาลิสนั้น นอกจากขนาดและน้ำหนักน้อยนิดแล้ว เอสเตวาลิสยังใช้การควบคุมผ่านระบบImage Feedback System(IFS) ซึ่งนักบินของเอสเตฯจะต้องฉีดนาโนแมชชีนเข้าไปในตัว ซึ่งนาโนแมชชีนนี้จะไปฝังตัวในบริเวณก้านสมองและเชื่อมระบบประสาทของนักบินเข้ากับระบบควบคุมของเอสเตวาลิส ทำให้การควบคุมเอสเตวาลิสนั้นง่ายและมีปฏิกิริยาตอบสนองสูงมากด้วย นอกจากนี้IFSยังสามารถควบคุมการหลั่งฮอร์โมนจำพวกอะดรีนาลีน ทำให้นักบินมีความสามารถสูงขึ้นได้ ข้อเสียก็คือทำให้สติของนักบินไม่มั่นคงเท่าไหร่(แต่ลูกเรือนาเดซิโกะมันก็ไม่ค่อยเต็มอยู่แล้วนี่นา)

อาวุธโดยพื้นฐานของเอสเตวาลิสก็คือไรเฟิลแบบยิงได้ต่อเนื่องกับมีด ทั้งยังสามารถใช้ดิสทอร์ชั่นฟิลด์เพื่อการป้องกันตัวหรือแม้แต่ใช้ในการพุ่งเข้าโจมตีก็ยังได้ ภายหลังนายช่างอัจฉริยะ อุริบาทาเกะ เซยะยังได้พัฒนาฟิลด์แลนเซอร์ซึ่งเป็นทวนที่ใช้เจาะทะลุดิสทอร์ชั่นฟิลด์ได้เพิ่มมาอีกอย่างนึง

สำหรับเฟรมต่างๆของเอสเตวาลิสที่ค้นข้อมูลมาได้ก็มี...



- Ground Combat Frame เฟรมพื้นฐาน ใช้สำหรับการรบภาคพื้นดิน โดยใช้ตีนตะขาบที่เท้าไถลไปอย่างรวดเร็ว หมัดของเฟรมนี้ยังสามารถยิงออกไปโจมตีได้อีกด้วยโดยมีสายเคเบิ้ลไว้ดึงกลับมา แม้จะสามารถใช้ไอพ่นกระโดดได้เป็นเวลาสั้นๆ แต่เพราะต้องการให้มีน้ำหนักเบามากเลยไม่สามารถบินได้

จากรูปเป็นเอสเตฯของอาคิโตะ



- Aerial Frame สำหรับบินในชั้นบรรยากาศ จุดเด่นก็คือปีกด้านหลังที่ไม่ได้ทำให้เกิดแรงยกหรอก แต่ข้างในมีท่อขับดันที่ทำให้เอสเตวาลิสบินอยู่ได้ ที่ทำเป็นปีกเพราะความสวยงามเท่านั้นแล นอกจากนี้ในปีกยังมีมิสไซล์ทั้งแบบอากาศสู่อากาศและภาคพื้นดินบรรจุไว้เป็นอาวุธเสริมอีกด้วย เฟรมนี้ถ้าต้องใช้บนพื้นจะไม่ค่อยดีนักเพราะส่วนขาค่อนข้างบอบบางและปีกมันเกะกะ

จากรูปเป็นเอสเตฯของไก



- 0G Frame ใช้ในอวกาศ เป็นรูปแบบที่พบบ่อยที่สุดของเอสเตวาลิส เนื่องจากเน้นการใช้งานในสภาพไร้แรงโน้มถ่วง เลยมีการเสริมท่อขับดันเพื่อเสริมความคล่องแคล่วเข้าไปโดยไม่ห่วงเรื่องน้ำหนัก แต่ก็ยังมีตีนตะขาบติดอยู่ที่เท้า ซีโร่จีเฟรมยังมีแบตเตอรีสำรองในตัวทำให้มีพลังงานไว้ใช้ประมาณ5นาทีในกรณีที่ต้องออกนอกบริเวณของยาน แถมยังสามารถติดตั้งเซลส์สุริยะเพื่อเพิ่มพลังงานได้ด้วย ถ้าใช้ในบรรยากาศ ซีโร่จีเฟรมจะด้อยประสิทธิภาพลง แต่ก็สามารถใช้ท่อขับดันในการลอยตัวได้

จากรูปเป็นเอสเตฯของเรียวโกะ, อิซึมิ และ ฮิคารุ



- Artillery Frame สำหรับการยิงโจมตีระยะไกล ต่างจากเอสเตฯทั่วๆไป เฟรมปืนใหญ่นี่มีเกราะหนาเตอะและอืดอาดมาก งานหลักๆของเฟรมปืนใหญ่นี่ก็คือยิงสนับสนุนด้วยมิสไซล์และปืนใหญ่120มม. เนื่องจากเฟรมนี่มีควาามคล่องแคล่วต่ำสุดๆเลยต้องให้เอสเตวาลิสเครื่องอื่นทำหน้าที่คุ้มกัน เพราะถ้าศัตรูเข้าถึงตัวแล้วจะหนีไม่รอดแน่นอน เวลายิงปืนใหญ่ เฟรมนี้จะต้องใช้ขาเสริมยันด้านหลังไม่ให้หงายเก๋งเพราะแรงถีบของปืน นอกจากนี้เวลายิงปืนจะล็อกไว้กับส่วนขาเพื่อไม่ให้ศูนย์เล็งสะบัด ทำให้การยิงเป้าหมายที่กำลังเคลื่อนที่อยู่หรือเปลี่ยนเป้าหมายทำได้ยากมาก เมื่อถูกปล่อยจากยานแม่ เฟรมปืนใหญ่จะต้องใช้ไอพ่นชะลอความเร็วไม่ให้กระแทกพื้นแรงเกินไป แน่นอนว่าการกลับขึ้นไปบนยานนั้นยากกว่าหลายเท่าเพราะบินไม่ได้

รูปแรกเป็นเอสเตฯของอาคิโตะ ส่วนรูปที่สองเป็นรุ่นต้นแบบของเฟรมนี้ทาสีลายพราง



- Moon Battle Frame เอสเตวาริสที่มาพร้อมกับยานชาคุยาคุ จุดเด่นก็คือมีการติดตั้งเครื่องยนต์แปรพลังงานขนาดเล็กไว้ด้วย ซึ่งทำให้เฟรมนี้ออกรบได้แบบไม่จำกัดเวลาและขอบเขต แถมด้วยความเร็วที่สูงกว่าเฟรมอื่นๆ ด้านอาวุธมูนเฟรมจะใช้ปืนเรลกันและมิสไซล์ต่อต้านยานรบแทนอาวุธปกติ



- Heavy Weapons Frame เฟรมพิเศษที่ใช้เฟรมพื้นฐานติดตั้งอาวุธหนักเข้าไป ไกเรียกเฟรมนี้ว่า"สเปซกันเกอร์" นับเป็นเฟรมที่มีอานุภาพสูงแต่ถูกทำลายในการต่อสู้กับกองทัพโลก มีอาวุธเป็นมิสไซล์พ็อด, ปืนอนุภาคสองลำกล้อง, เครื่องพ่นไฟ และ ไรเฟิล

รูปนี้เป็นเฟรมนี้แต่ไม่ติดตั้งแอสซอล์ทพิต



- Underwater Frame สำหรับใช้รบในน้ำ ปรากฏตัวในเกมThe Blank of 3 Years มีอาวุธเป็นตอร์ปิโดลันเชอร์และทอร์นาโดสกรูว เนื่องจากเป็นเฟรมสุดท้ายที่ผลิตให้เอสเตวาลิสจจึงมีการใช้งานน้อยที่สุด



นอกจากเอสเตวาลิสรุ่นต้นฉบับแล้ว เอสเตวาลิสยังมีรุ่นพิเศษและได้รับการพัฒนาต่อมาในภายหลัง



- Akatsuki Custom จริงๆแล้วเอสเตวาลิสที่ประจำยานนาเดซิโกะก็หน้าตาไม่เหมือนกัน แต่ที่แตกต่างจากชาวบ้านจริงๆก็คือของประธานเนอร์กัล นางาเระ อาคัตสึกินี่แหละ ในกรณีของ0Gเฟรม ส่วนเครื่องของท่อขับดันมีขนาดเล็กลงแต่กำลังกลับยังเท่าเดิม ทำให้มีน้ำหนักเบากว่าชาวบ้าน ส่วนหัวก็เปลี่ยนรูปแบบไปเพื่อให้เสริมอุปกรณ์เซ็นเซอร์ได้มากขึ้น ทำให้เมื่ออาคัตซึกิใช้เฟรมอากาศจะสามารถใช้งานเป็นเหมือนเครื่องบินติดเรดาร์ดีๆนี่เอง



- X Aestevalis หรือที่เรียกสั้นๆว่าXวาลิส เป็นเอสเตฯรุ่นพิเศษที่นายช่างอุริบาทาเกะ เซยะสร้างขึ้นมาโดยพัฒนามาจากมูนเฟรมเพื่อให้เป็นเอสเตฯที่ทรงพลังกว่าหุ่นรุ่นเกคิกันของดาวพฤหัส โดยดั้งเดิมเป็นแค่โมเดลที่สร้างไว้เล่นๆ แต่ต่อมาก็แอบยักยอกทรัพยากรมาสร้างเป็นหุ่นรบจริงๆซะเลย Xวาลิสมีอาวุธเป็นปืนกราวิตี้บลาสต์ที่ลำตัว แต่เนื่องจากดั้งเดิมมันก็แค่โมเดลที่สร้างขึ้นมาเล่นๆ ถ้าเอาไปใช้งานจริงๆก็จะโอเวอร์โหลดจนXวาลิสพังไปเอง



- Trailervalis รถบรรทุกที่อุริบาทาเกะดัดแปลงให้แปลงร่างเป็นเอสเตวาลิสได้ ซึ่งเทรลเลอวาลิสจะไม่มีระบบIFSแต่ใช้ระบบควบคุมแบบปกติแทน



- Mass Production Type หรือเอสเตวาลิสทูว์ เมื่อเทียบกับรุ่นต้นแบบที่ลูกเรือนาเดฯใช้แล้วมีสมรรถนะสูงกว่าพอสมควร มีอาวุธเป็นปืนไรเฟิลเท่านั้นจึงมีพลังทำลายที่ด้อยกว่าสเตลลุงเกลของกองทัพโลก แต่เนื่องจากมีระบบIFSอยู่จึงได้เปรียบเรื่องการควบคุมที่ดีกว่า



- Aestevalis Custom เป็นเฟรมพิเศษที่สุบารุ เรียวโกะดัดแปลงเองในช่วงที่เป็นหัวหน้าหน่วยไลอ้อนซิกเคิลเนื่องจากไม่พอใจเอสเตวาลิสทูว์ซึ่งเป็นรุ่นผลิตจำนวนมาก เอสเตวาลิสคัสต้อมเป็นแบบใช้งานในทุกสภาวะและมีกำลังมากกว่ารุ่นดั้งเดิมประมาณสองเท่า ในภายหลังเนอร์กัลได้ผลิตเอสเตฯคัสต้อมไว้สำหรับนักบินมีฝีมือ(ลูกเรือนาเดฯเดิม)เท่านั้น นอกจากปืนไรเฟิลแล้วยังใช้เรลกันเป็นอาวุธได้ ในบรรดาเอสเตฯคัสต้อมมีที่แตกต่างจากเครื่องอื่นก็คือเครื่องของเทนคาวะ อาคิโตะ ซึ่งเน้นการใช้งานร่วมกับแบล็คเซอเรน่ามากกว่าการใช้งานเดี่ยวๆ

จากรูปเป็นเอสเตฯคัสต้อมของเรียวโกะ, อิซึมิ, ฮิคารุ และ อาคิโตะ



- Super Aestevalis พัฒนามาจากเอสเตฯรุ่นเฉพาะของอาคัตสึกิอีกที เป็นเฟรมที่เน้นพลังทำลายแต่ยังคงสมรรถนะให้ใกล้เคียงกับเอสเตฯคัสต้อม ไหล่ทั้งสองข้างติดมิสไซล์ลันเชอร์และปืนแบบยิงต่อเนื่องไว้เป็นอาวุธหลักและสามารถใช้เรลกันเป็นอาวุธมือถือได้ นักบินก็คือซาบุโรตะ ทาคาซึกิ



- Black Serena เฟรมขนาดใหญ่ที่สูงกว่า8เมตรสำหรับใช้เสริมให้เอสเตวาลิสคัสต้อมของอาคิโตะโดยเฉพาะ แบล็คเซอเรน่ามีเครื่องกำเนิดพลังงานในตัวจึงมีกำลังมาก ตามตัวแบล็คเซอเรน่ามีท่อขับดันอยู่ทั่วไปโดยมีขาทั้งสองเป็นท่อขับดันหลักจึงมีความเร็วสูงและยังสามารถเสริมบูสเตอร์เป็นรูปแบบของยานแบล็คเซอเรน่ารุ่นการขับเคลื่อนสูงได้อีก โครงสร้างของแบล็คเซอเรน่ามีความแข็งแกร่งมากกว่าธรรมดาเพื่อให้ทนแรงกดดันที่เกิดจากความเร็วระดับนี้ได้เมื่อรวมกับดิสทอร์ชั่นฟิลด์ที่แกร่งกว่าปกติจึงมีการป้องกันที่สูง ตัวแบล็คเซอเรน่ายังมีระบบที่ทำให้ใช้โบซอนจั๊มป์ได้ด้วยตัวเองและมีอาวุธเสริมเป็นแฮนด์แคนน่อนสองกระบอก



- Altromeria หุ่นรบที่ใช้โครงสร้างแบบเดียวกับเอสเตฯ มีความสามารถในการใช้โบซอนจั๊มป์ได้ด้วยตัวเองและมีเครื่องกำเนิดพลังงานในตัวเหมือนแบล็คเซอเรน่า ใช้อาวุธเป็นกงเล็บที่มือทั้งสองข้าง แม้จะไม่มีอาวุธยิงเลย แต่เมื่อรวมกับโบซอนจั๊มป์จึงเป็นยูนิตที่มีความสามารถในการต่อสู้สูงมาก นักบินก็คือเกนอิจิโร่ ซึคุโยมิ
Super Robot Wars Games Mecha Story

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา