MS Story : PTล้วนๆ
แล้วก็มาถึงPTที่หลายๆท่านrequestมา ฉะนั้นแม้จะมีอะไรๆที่ยังลึกลับอยู่บ้างก็เอามาลงก่อนล่ะ ส่วนของกรุนกัสต์ซีรี่รอให้ได้ข้อมูลทางเทคนิคอีกนิดนึงก่อนนะครับ (นิดเดียว แต่มันสำคัญน่ะ)
R-1
PTในกลุ่มRซีรี่ส์ ชื่อR-1มาจากเรียลเพอโซนัลทรูเปอร์ไทป์1 จุดที่แตกต่างจากRซีรี่ส์เครื่องอื่นก็คือR-1ใช้เตาปฏิกรณ์ฟิวชั่นเหมือนPTรุ่นก่อนๆแทนที่จะเป็นเครื่องยนต์โทรเนี่ยมทั้งยังไม่มีอาวุธบีม R-1นั้นใช้การควบคุมด้วยEOTระบบT-LINKซึ่งมีแต่ผู้มีความสามารถด้านพลังจิตเท่านั้นที่ใช้งานได้ R-1เป็นPTที่มีประสิทธิภาพในระดับที่สมดุลย์ระหว่างความคล่องแคล่วและการป้องกัน R-1ยังสามารถแปลงร่างเป็นยานRวิงเพื่อบินในชั้นบรรยากาศด้วยความเร็วสูงได้
ในครั้งแรกที่R-1ออกปฏิบัติการนั้น ริวเซย์ ดาเตะได้ใช้R-1ยิงทำลายมิสไซล์MAPWของDCจากระยะไกลเพื่อป้องกันยานฮางาเนะ ซึ่งแม้จะมีปัญหาเพราะระบบT-LINKไม่ยอมตอบสนองในตอนแรก แต่ในที่สุดริวเซย์ก็สามารถใช้R-1ทำลายMAPWได้สำเร็จก่อนจะกลับไปนิ่งสนิทอีกครั้ง ซึ่งภายหลังศจ.โรเบิร์ต โอมิยะก็ค่อยๆปรับแต่งระบบT-LINKจนริวเซย์สามารถควบคุมได้เต็มที่ อาวุธประจำตัวของR-1ก็คือปืนวัลแคนติดหัว,มีดโคลด์เมทัล,ปืนลูกโม่ขนาดใหญ่(ไจแอนท์รีวอลเวอร์หรือGรีวอลเวอร์)และมิสไซล์นำวิถีสำหรับใช้ในโหมดRวิง ริวเซย์ยังสามารถใช้ไม้ตาย"T-LINKนัคเคิ้ล"ซึ่งเป็นการรวมพลังจิตไปที่กำปั้นแล้วชกศัตรู
หลังสงครามDC R-1ก็ได้รับการปรับปรุงอีกครั้งเพื่อใช้ในการรวมร่างกับR-2และR-3เป็นSRX-00 ซูเปอร์โรบ็อตไทป์X ซึ่งในบรรดาRซีรี่ส์ทั้งสาม R-1มีการเปลี่ยนแปลงโดยเพิ่มอาวุธคือบูสต์ไรเฟิลและพัฒนาประสิทธิภาพของระบบT-LINKทำให้สามารถสร้างบาเรียร์พลังจิตและไม้ตายใหม่"T-LINKนัคเคิ้ลซอร์ด"(หรือ"เหนือฟ้าใต้หล้า ดาบพลังจิตบดขยี้" by ริวเซย์ ดาเตะ) ซึ่งริวเซย์จะรวมพลังจิตในรูปแบบของดาบก่อนจะใช้ยิงโจมตีจากระยะไกล ในเวลาที่รวมร่างเป็นSRX R-1จะเป็นส่วนควบคุมหลักและโล่จะเปลี่ยนสภาพไปเป็นแว่นตาของSRX แต่เนื่องจากการรวมร่างเป็นSRXนั้นทำให้เครื่องยนต์โทรเนี่ยมของR-2เสียหาย ทำให้แทบไม่มีการใช้งานSRXจนกระทั่งศจ.มาเรียน ราดัม นำเครื่องยนต์เสริมมาติดตั้งให้ ซึ่งแม้จะไม่ใช่EOTแต่ก็ช่วยแบ่งเบาภาระให้เครื่องยนต์โทรเนี่ยมได้ทำให้ไม่เกิดความเสียหายเวลารวมร่างอีก
เมื่อสงครามL5จบลง บ.มาโอะก็ได้นำR-1ไปเก็บไว้เนื่องจากความระแวงต่อEOT แต่หลังจากการเริ่มโปรเจ็คท์อีจิส บ.มาโอะก็ได้เริ่มพัฒนารุ่นผลิตจำนวนมากของR-1 เป็นPTX-014-03 อาร์เบลด(หรือ Rเบลด) ซึ่งใช้โครงสร้างแบบเดียวกันแต่เอาระบบแปลงร่างและระบบT-LINKออกไป ส่วนอาวุธจะมีวัลแคน,Gรีวอลเวอร์,Gเรลกันและทอนฟาติดใบมีด ซึ่งริวเซย์ก็ได้เป็นนักบินทดสอบของอาร์เบลดเครื่องต้นแบบและใช้เป็นPTประจำตัวก่อนที่จะได้R-1กลับมาอีกครั้ง ซึ่งเดิมทีบ.มาโอะตั้งใจจะให้รุ่นผลิตใช้งานจริง"เอลชไนเดอร์"(หรือLชไนเดอร์)ใช้แบ็คแพ็คแบบติดตั้งบีมแคนน่อนแฝดและเทสล่าไดรฟ์เพื่อบินในอากาศ แต่ยังไม่ทันที่รุ่นนี้จะได้ผลิตออกมา กองกำลังชาโดว์มิเรอร์จากโลกคู่ขนานซึ่งได้ร่วมมือกับนออิDCก็ได้ใช้งาน"เอลไอนส์"(หรือL-1 ไอนส์เป็นภาษาเยอรมันแปลว่า หนึ่ง)ซึ่งมีคุณสมบัติตรงกับเอลชไนเดอร์ทุกประการออกมาเสียก่อน
ที่เป็นเรียลโรบ็อตแต่ดันมีท่าไม้ตายเว่อๆก็เป็นเพราะตอนที่อ.ฮาจิเมะ คาโตกิออกแบบSRXทีมนั้น ใช้คอนเซ็ปท์เดียวกับGPซีรี่ส์ (GP01/R-1 สมดุลย์,GP02/R-2 หนาถึก,GP03/R-3 ผอมบางแต่รวมร่างกับพาร์ตได้) แต่ของR-1นี่รวมคอนเซ็ปท์ของMSและMF(ซึ่งแว่นตานับเป็นเรียลฯ)ไว้ด้วยกัน เลยมีไม้ตายเหมือนไชน์นิ่งกันดั้ม
RTX-011 ฮิวเคไบน์มาร์คทรี
ฮิวเคไบน์ซีรี่ส์รุ่นที่สามที่สร้างหลังสงครามL5 ซึ่งการพัฒนาได้หยุดชะงักไปเป็นช่วงเวลาสั้นๆก่อนจะเดินหน้าต่อตามโปรเจ็คท์อีจิส กลับมาเน้นด้านประสิทธิภาพโดยพัฒนามาจากฮิวเคไบน์มาร์คทูว์และใช้เทคโนโลยีจากโปรเจ็คท์SRXร่วมด้วย คอนเซ็ปท์ของฮิวเคไบน์มาร์คทรีก็คือSRXที่มีขนาดเล็กและคล่องแคล่วนั่นเอง ฮิวเคไบน์มาร์คทรีใช้เครื่องยนต์โทรเนี่ยมแทนเตาปฏิกรณ์ฟิวชั่นและยังควบคุมด้วยระบบT-LINK ระบบควบคุมแรงโน้มถ่วงของฮิวเคไบน์มาร์คทรียังมีประสิทธิภาพสูงขึ้นทำให้สามารถสร้างสนามแรงโน้มถ่วง"กราวิตี้เทริทอรี่"ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าGวอลล์ได้ ฮิวเคไบน์มาร์คทรียังมีระบบที่เป็นความลับยิ่งกว่าT-LINKเรียกว่า"ยูเรนัสซิสเต็ม"ซึ่งความสามารถของระบบนี้ยังเป็นความลับ
อาวุธของฮิวเคไบน์มาร์คทรีก็คือดาบรอชเซเบอร์, แบ็คแพ็คด้านหลังติดตั้ง"มัลติเทรซมิสไซล์"ซึ่งเป็นมิสไซล์ขนาดเล็กจำนวนมากที่สามารถยิงถล่มได้คราวละหลายๆเป้าหมายพร้อมกัน(อาวุธMAP), กราวิต้อนไรเฟิลที่ดัดแปลงมาจากGอิมแพ็คท์แคนน่อนให้มีขนาดกระทัดรัดและใช้งานได้ง่ายขึ้น, ที่แขนซ้ายติดตั้ง"แฟงก์สแลชเชอร์"ที่เวลาใช้งานจะกางออกเป็นอาวุธขว้างรูปกางเขนที่สามารถควบคุมทิศทางได้ด้วยระบบควบคุมแรงโน้มถ่วง แล้วก็วัลแคนติดหัว แต่ไม่ใช่แค่นั้น ฮิวเคไบน์มาร์คทรียังสามารถเสริมประสิทธิภาพได้ด้วยการประกอบกับAMสองรูปแบบ แบบแรกก็คือAMกันเนอร์ ซึ่งเป็นAMที่ปกติจะเป็นยานขนาดใหญ่ซึ่งเดิมทีเป็นแคเรียร์ยูนิตเพื่อให้R-1สามารถบินได้โดยไม่ต้องแปลงร่าง(R-1พาวเวิร์ด?) AMกันเนอร์ติดตั้งอาวุธไว้เป็นมิสไซล์และGอิมแพ็คท์แคนน่อนสี่กระบอก แต่เนื่องจากAMกันเนอร์เองใช้เตานิวเคลียร์ฟิวชั่นเป็นพลังงานจึงมีพลังงานพอที่จะยิงได้แค่ทีละนัดเท่านั้น แต่เมื่อประกอบร่างกันเป็นฮิวเคไบน์กันเนอร์ เครื่องยนต์โทรเนี่ยมของฮิวเคไบน์มาร์คทรีจะมีกำลังพอที่จะยิงGอิมแพ็คท์แคนน่อนสี่กระบอกพร้อมกันได้ ฮิวเคไบน์กันเนอร์ยังสามารถบินกลางอากาศด้วยความเร็วสูงได้อีกด้วย
AMอีกแบบของฮิวไคไบน์มาร์คทรีก็คือAMบ็อกเซอร์ ซึ่งดัดแปลงมาจากRW-2 Rซอร์ด ซึ่งเป็นRซีรี่ส์แบบใช้เป็นอาวุธเสริมของSRXแบบRกันแต่สร้างไม่เสร็จ ข้อแตกต่างจากAMกันเนอร์ก็คือAMบ็อกเซอร์ไม่มีคนบังคับ เมื่อรวมกันเป็นฮิวเคไบน์บ็อกเซอร์จะทำให้เห็นลักษณะของคอนเซ็ปท์ที่ว่ามันเป็นSRXขนาดเล็กได้ชัดเจนที่สุด ฮิวเคไบน์บ็อกเซอร์เป็นรูปแบบที่เน้นการต่อสู้ระยะประชิดตัว AMบ็อกเซอร์ทำหน้าที่เป็นเกราะเสริมให้ฮิวเคไบน์มาร์คทรีและติดตั้งท่อขับดันเสริมเพื่อไม่ให้การขับเคลื่อนลดลงไปมากนัก เวลาต่อสู้จะใช้แขนขาขนาดใหญ่ของAMบ็อกเซอร์เป็นกระบวนท่ากายายุทธเข้าโจมตีศัตรู แม้จะยังใช้แฟงก์สแลชเชอร์และกราวิต้อนไรเฟิลได้ แต่แบ็คแพ็คด้านหลังเชื่อมต่อกับAMบ็อกเซอร์จึงใช้มัลติเทรซมิสไซล์ไม่ได้ ท่าไม้ตายของฮิวไคไบน์บ็อกเซอร์ก็คือ"กราวิตี้ซอร์ดไดเวอร์" (ชื่อไม่เป็นทางการ "กราวิตี้เซิร์ฟวิ่งแรม" by ริวเซย์ ดาเตะ) โดยฮิวเคไบน์มาร์คทรีจะแยกตัวจากAMบ็อกเซอร์ซึ่งจะเปลี่ยนสภาพเป็นดาบขนาดใหญ่แล้วใช้เป็นฐานยืนพุ่งไถลไปเสียบเป้าหมาย
ฮิวเคไบน์มาร์คทรีมีการสร้างขึ้นมาสองเครื่องด้วยกัน นั่นก็คือRTX-011L และRTX-011R โดยเครื่องแรกนั้น เรียวโตะ ฮิคาว่าได้ใช้ในการต่อสู้กับเกรตเตอร์คินของเมคิบอสแห่งอินสเป็คเตอร์บนดวงจันทร์ ซึ่งแม้จะมีปัญหาจากความไม่พร้อมของระบบ แต่เรียวโตะก็สามารถทำให้ยูเรนัสซิสเต็มทำงานได้เป็นครั้งแรก(และครั้งเดียว?)ทำให้สามารถเปิดโอกาสให้ทุกคนหนีมาได้ และกลายเป็นPTประจำตัวของเขาไป ส่วนเครื่องที่สองนั้นถูกดัดแปลงโดยเรทเซล ไฟน์ชูเมคเกอร์(เอลซัม V บรันสไตน์) โดยทาสีดำและตั้งชื่อว่า"ทรอมเบ้" ทั้งยังเอาระบบT-LINKและยูเรนัสซิสเต็มออกไป รวมถึงถอดมัลติเทรซมิสไซล์จากแบ็คแพ็คเพื่อติดตั้งเทสล่าไดรฟ์เพื่อให้บินได้แทน ฮิวเคไบน์มาร์คทรีทรอมเบ้ยังไม่สามารถประกอบร่างกับAMทั้งสองได้ ในภายหลังก็ถูกดัดแปลงกลับมาเป็นฮิวเคไบน์มาร์คทรีRเหมือนเดิมโดยเป็นPTประจำตัวของเลโอน่า แกชไทน์
นอกห่อมาอีกสองเครื่อง
PTX-004 ชูตซวาลด์ และ PTX-005 วิลท์ชไวน์
คู่นี้ก็เป็นPTรุ่นแรกๆต่อจากเกสเพนสท์ ชูตซวาลด์นั้นใช้โครงสร้างที่ดัดแปลงมาจากเกสเพนสท์แต่ติดตั้งแบ็คแพ็คบีมแคนน่อนแฝดเพื่อใช้เป็นยูนิตยิงสนับสนุนระยะไกลและยังมีระบบโฮเวอร์สำหรับใช้ลอยตัวเหนือผิวน้ำ อาวุธอื่นๆก็คือวัลแคนติดหัวและมาชีนแคนน่อนแบบสามลำกล้องที่แขนทั้งสองข้าง แม้จะเป็นPTที่มีประสิทธิภาพดี แต่เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างและบำรุงรักษาสูงกว่าเกสเพนสท์มากเลยยุติการผลิตแค่เครื่องต้นแบบสามเครื่อง โดยเครื่องแรก(PTX-004-01)เป็นPTประจำตัวของสมาชิกทีมSRX ไรดีส F บรันสไตน์ ส่วนอีกเครื่องเป็นของลาดา ไบราบัน
ส่วนวิลท์ชไวน์นั้นเป็นPTที่ใช้โครงสร้างซึ่งดัดแปลงมาจากเกสเพนสท์เหมือนกัน โดยพัฒนาให้เป็นยูนิตความเร็วสูงที่สามารถพุ่งเข้าปะทะเป้าหมายในระยะประชิดตัวได้อย่างรวดเร็ว อาวุธหลักของวิลท์ชไวน์ก็คือ"เซอเคิลซันเบอร์"ซึ่งเป็นอาวุธบีมรูปจานที่แขนซ้าย ส่วนอาวุธพื้นฐานอื่นๆคือบีมซอร์ด, ปืนลูกซองM13และปืนกลM950 ซึ่งเป็นอาวุธระยะประชิดตัวถึงระยะกลางทั้งหมด วิลท์ชไวน์ไม่มีการผลิตจำนวนมากเพราะราคาแพง แต่รูปแบบของวิลท์ชไวน์ก็ถูกพัฒนาต่อมาเป็นRซีรี่ส์และฮิวเคไบน์ซีรี่ส์ในภายหลัง ในช่วงสงครามDC วิลท์ชไวน์เป็นPTประจำตัวของหัวหน้าทีมSRX อินแกรม พริสเคน
Anime