บทความ BattleTech/MechWarrior กับ 5 ตระกูลผู้นำและศึก SuccessionWar

จับมาลงหมวด SRW เพราะไหนๆ ก็เป็นหุ่นยนต์เหมือนกัน



จริงๆ แล้วเป็นบทความที่เขียนแปะที่ Pocket เพื่อจะแนะนำจักรวาลของ BattleTech (MechWarrior) เนื่องจากว่า MechWarrior Online กำลังจะ Open Beta นะครับ (ตอนที่เขียนยังเป็น Close Beta อยู่ ส่วน Open Beta เพิ่งเปิดไปเมื่อวันที่ 29 ต.ค. ที่ผ่านมาครับ)







BattleTech ตามทางการแล้วจะแบ่งเป็น 6 ยุคสมัยด้วยกันครับ



- ปี 2005 ถึง 2780 Star League

- ปี 2781 ถึง 3049 Succession Wars

- ปี 3050 ถึง 3061 Clan Invasion

- ปี 3062 ถึง 3067 Civil War

- ปี 3068 ถึง 3080 Jihad

- ปี 3081+ Dark Age



เกม MechWarrior Online นั้นจับเอาช่วงสิ้นสุด Succession Wars มาพอดี (ปี 3049) และเวลาในเกมก็จะดำเนินไปเรื่อยๆ ตามเวลาจริงบนโลก



ดังนั้นหากตัวเกมไม่มีอันเป็นไปซะก่อน (อ่าว...) ปีหน้าเราก็จะได้เล่นในยุค Clan Invasion กันพอดีครับ



บทความนี้จะพูดถึงยุค Succession Wars และ Clan Invasion (ในบทความถัดๆ ไป) เป็นหลัก แต่ก่อนอื่นจะขอท้าวความยุค Star League Era ที่เป็นจุดเริ่มต้นของ BattleLeague กันเล็กน้อยครับ



The Inner Sphere







ในปี 2020 มีการวิจัยของเตาปฎิกรสำหรับ ยานอวกาศ ขนาดใหญ่โดยนักวิทยศาสตร์สองคน Thomas Kerny และ Takayoshi Fuchida ต่อมาในปี 2027 ยานอวกาศที่ใช้เตาปฏิกรตัวนี้ Columbia ได้ออกเดินทางถึงดาวอังคารสำเร็จอันเป็นประวัติศาตร์ครั้งสำคัญของมนุษยชาติ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการขยายอนานิคมออกสู่นอกโลก



ปี 2102 นักวิทย์ศาสตร์ให้ความสนใจกับทฤษฎี pan-dimension gravitional mathematics ที่ 2 นักวิทยศาสตร์ Kerny และ Fuchida ได้ทิ้งเอาไว้ จนก่อกำเนิดเป็น ยานอวกาศลำแรกที่เดินทางเร็วกว่าแสงขึ้นมาภายใต้ Deimos Project โดยการสร้างประตูมิติ Space warp ทำให้ยานอวกาศสามารถทำการ Jump ได้ไกลถึง 30ปีแสง หลังจากนั้นปี 2108 Terra หรือโลก ก็ได้ส่ง JumpShip ลำแรกออกเดินทางระหว่าง Terra และ Tau Ceti System และอนานิคมแห่งแรกก็ถูกวางรกรากในดาว Ceti IV ในปี 2116



ความสามารถของการเดินทางระหว่างดวงดาวต่างๆ ได้ในระยะเวลาอันสั้นทำให้เกิดการขยายอนานิคมไปสู่ดวงดาวต่างๆ อย่างรวดเร็ว ในปี 2235 กลุ่มพันธมิตรได้ทำการสำรวจดวงดาวต่างๆ และพบว่ามีมากกว่า 600 อนานิคม ที่มนุษย์ไปตั้งถิ่นฐานไว้ กระจายตัวกันวัดเส้นผ่านศูนย์กลางาได้ 80 ปีแสง และนั่นคือการกำเนิด Inner Sphere



แต่การขยายตัวที่รวดเร็วนั้นแฝงไปด้วยอันตรายจากการที่ไม่สามารถควบคุมอณานิคมที่อยู่ไกลออกไปจาก Terra ได้ทำให้หลายๆ อณานิคมพยายามจะประกาศตัวเป็นอิสระ บางอณานิคมก็ทำตัวเป็นกองโจรต่างๆ จนในที่สุดมีการรวบรวมกองกำลังเข้าด้วยกันก่อกำเนิดเป็น Star League ขึ้นมา เพื่อรักษาความสงบของ Inner Sphere



แต่ Star League เองใช่ว่าจะอยู่ยั่งยืน ปี 2751 Simon Cameron ผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดในขณะนั้น ตายอย่างกระทันหัน Richard Cameron ผู้เป็นลูกจึงขาดที่ปรึกษาและอาจารย์ Stefan Amaris 1 ในผู้คุมกฎจึงได้เข้ามาแทนที่ และเป็นเพื่อนที่ดีต่อ Richard แต่นั่นเป็นเพียงหน้ากากบังหน้าเท่านั้น



ปี 2766 เกิดกบฎภายในขึ้นมา Amaris สังหาร Richard และยึดครอง Star League สำเร็จ แต่ไม่สามารถโน้มน้าว Aleksandr Kerensky ที่สังกัดหัวหน้าหน่วย Star League Defense Forces ให้เข้าเป็นพวกได้ เวลาต่อมา Kerensky และหน่วยรบของเขา ก็เข้าทำสงครามกับ Amaris เป็นเวลา 15 ปีจึงสามารถหยุดยั้งความบ้าคลั่งของ Amaris เป็นสำเร็จ Amaris กับคนสนิท รวมทั้งครอบครัว ถูกประหารในเวลาต่อมา



ปี 2780 Kerensky ถูกปลดจากตำแหน่งโดยสภา และสั่งให้สลาย SLDF เหล่าผู้มีอำนาจที่เหลือต่างก็ต้องการขึ้นมาเป็นผู้นำ Star League แทนผู้นำคนเก่าที่ตายไป ทำให้ สภาถูกยุบลงในเวลาต่อมา เหล่าผู้นำต่างรวบรวมกำลังต่อสู้กันเองอีกครั้งเพื่อแย่งชิงอำนาจ และหวังที่จะรวบรวม Inner Sphere กลับเข้าเป็น Star League โดยมีตัวเองเป็นผู้นำ





----------------------

Succession Era



ห้าตระกูลใหญ่แห่ง InnerSphere

ภายหลังจากหมดยุค Star League ซึ่งเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุด InnerSphere ก็ ถูกแบ่งออกเป็นห้านครรัฐใหญ่ๆ แต่ละนครรัฐจะมี 1 ตระกูลใหญ่ที่เป็นผู้ปกครอง ได้แก่



- ตระกูลคุริตะ และ ดราโกนิสคอมไบน์ House Kurita (Draconis Combine)

- ตระกูลเดเวี่ยน และสหพันธ์แห่งอาทิตย์ House Davion (Federated Suns)

- ตระกูลเหลียว และ สมาพันธ์คาเพลแลน House Liao (Capellan Confederation)

- ตระกูลมาริค และ สันนิบาตโลกอิสระ House Marik (Free Worlds League)

- ตระกูลสไตเนอร์ และ เครือจักรภพลิแลน House Steiner (Lyran Commonwealth)



ทั้งห้าตระกูลจะปกครองนครรัฐ ด้วยระบบขุนนาง ยกเว้นเพียง ตระกูลมาริค เท่านั้นที่ใช้ระบบทหารปกครอง







ตระกูลคุริตะ และ ดราโกนิสคอมไบน์





ดราโกนิสคอมไบน์ เกิดจากวิถีแห่งดาบและบูชิโด จึงมีรูปแบบการปกครองเหมือนญี่ปุ่นในยุคสมัยโชกุน และ MechWarrior แห่งคุริตะจะมีศักดิ์เทียบเท่ากับซามูไร ไม่ว่าจะมาจากดาวดวงไหนก็ตาม ทุกคนจะต้องยึดมั่นในกฎของบูชิโด และให้ความสำคัญกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเป็นอันดับหนึ่ง ผู้ที่ไม่ทำตามกฎ หรือหนีทัพจะถูกตราหน้าว่าเป็นโรนินและไม่ได้รับการยอมรับในสังคมของคุริตะ





นอกเหนือจากการขับ Mech แล้ว พวกเขายังมีทักษะอื่นๆ อีกมากมายเช่น ศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่า การแต่งกลอนไฮกุ โอริกามิ หรือแม้กระทั่งการ ปลูกต้นบอนไซ



ตระกูลเดเวี่ยน และสหพันธ์แห่งอาทิตย์





ในสายตาของทหารและคนทั่วไป สหพันธ์แห่งอาทิตย์ และผู้ปกครองเปรียบได้กับ สัญลักษณ์แห่งเสรีภาพในจักรวาลอันมืดมิดเมื่อเปรียบเทียบนครรัฐอื่นๆ เช่น ดราโกนิส และ คาเพลแลน จะมีอยู่เพียงเพื่อสรรเสริญผู้นำของเขาเท่านั้น ส่วน พันธมิตรลิแลน กับ สันนิบาตโลกอิสระ ก็สนใจแต่ตัวเองและผู้ที่ให้ผลประโยชน์คุ้มค่ากว่า







มีเพียงตระกูล เดเวี่ยน เท่านั้นที่เข้าใจว่าความมั่งคั่งที่แท้จริงจะมาจากอิสรภาพ และพร้อมที่จะสู้กับผู้ที่ต่อต้านเสรีภาพไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม พวกเขาภูมิใจในแนวคิดนี้ และต้องการเผยแพร่แนวคิดของเสรีภาพไปทั่วทุกหนทุกแห่งในจักรวาล ทำให้ทหารในตระกูลเดเวี่ยนเป็นหนึ่งทั้งในด้านทักษะและความคิดสร้างสรรค์ เมื่อเทียบกับตระกูลอื่นๆ



ตระกูลเหลียว และ สมาพันธ์คาเพลแลน





ศักดิ์ศรีเป็นอย่างเดียวที่สร้างและหล่อหลอมนักรบแห่งตระกูลเหลียว ศักดิ์ศรีที่ว่านี้ไม่ใช่อีโก้ส่วนตัว แต่เป็นศักดิ์ศรีของประเทศชาติที่ไม่มีวันถูกทำลายลงได้ ประชาชนแห่งคาเพลแลนทุกคนจะถือว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องรับใช้ชาติมาเป็นอันดับหนึ่ง





จุดแข็งอันนื้ทำให้คาเพลแลนรอดพ้นจากการถูกทำลายมาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า และจากการผสานวัฒนธรรมของจีนเข้ากับการปกครองทำให้ตระกูลเหลียวมองว่าผู้คนที่จะขึ้นมาปกครองได้จะต้องเป็นผู้ที่ถูกกำหนดชะตามาแล้วเท่านั้น ดวงดาวต่างๆ ในการปกครองของพวกเขาได้ตอบรับแนวคิดนี้อย่างท่วมท้นและให้ความเคารพตระกูลเหลียวให้เป็นสัญลักษณ์ของ สมาพันธ์คาเพลแลน



ตระกูลมาริค และ สันนิบาตโลกอิสระ





ตระกูลมาริคปกครองเหนือรัฐย่อยต่างๆ ที่แต่ละรัฐก็จะมีระบบการเมืองและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไปซึ่งเป็นจุดที่แตกต่างจากตระกูลอื่นๆ อย่างมาก เพราะตระกูลมาริคสามารถที่จะสร้างระเบียบจากสภาพสังคมที่ยุ่งเหยิงได้





เช่นเดียวกับตระกูลมาริคที่พวกเขารับใช้ เหล่า MechWarrior ของมาริคก็มีความสามารถที่จะรวมมือกันในสภาพที่วุ่นวายอย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้ว่าอาจจะทำให้แผนการศึกเป๋ไปบ้างในศึกที่ดุดเดือด แต่ความสามารถในการปรับตัวของทหารแห่งมาริคก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ถึงความมั่นใจในตัวเองและผู้นำของพวกเขาที่สามารถจะหาหนทางที่จะพาไปสู่ชัยชนะได้ถึงแม้ว่าจะดูเผินๆ ไม่มีทางเป็นไปได้ก็ตามที



ตระกูลสไตเนอร์ และ เครือจักรภพลิแลน





ในสายตาของตระกูลอื่นๆ สิ่่งที่โดดเด่นของลิแลนไม่ใช่อำนาจทางทหาร แต่เป็น อำนาจทางเศรษฐกิจ และถึงแม้ว่าจะใช้ระบอบการปกครองแบบขุนนางเหมือนกับตระกูลอื่นๆ ก็ตามแต่ ลิแลนก็กระจายอำนาจการปกครองต่างๆ ไปยังดาวอื่นๆ และยังส่งเสริมเศรษฐกิจแบบทุนนิยม จึงทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนมหาศาลมาก เลยส่งผลให้เป็นเขตที่มีอุตสาหกรรมสูงที่สุด ซึ่งประชาชนของลิแลนจะให้ความสำคัญกับ งาน การค้าขาย และ กำไร มาเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งหมดนี้ยังส่งผลไปยังกองกำลังทางทหารของลิแลนในแง่ว่า ยศฐาบรรดาศักดิ์ต่างๆ จะมาจากการสร้างผลงาน มากกว่าจะมาจากสายเลือดตระกูลอีกด้วย





อีกสิ่งที่สไตเนอร์แตกต่างจากตระกูลอื่นๆ คือ สไตเนอร์ใช้กองกำลังทหารรับจ้างมากกว่าที่อื่นๆ เมื่อเทียบกับตระกูลอื่นๆ ด้วยกัน เนื่องจากสไตเนอร์มองเหล่าทหารรับจ้างเป็นคู่ค้าทางธุรกิจมากกว่า ที่จะเป็นเพียงกองทหารนอกรีต ที่สามารถทรยศได้ทุกเมื่อหากมีผลตอบแทนที่ดีกว่า เลยทำให้ทหารรับจ้างที่ทำงานให้กับสไตเนอร์มักจะได้รับสนับสนุนทาง อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ดีกว่าด้วย



Succession War ศึกผู้สืบทอด







หลังจากที่ เคอเรนสกี้ ได้จากไปจาก InnerSphere พร้อมกับผู้ที่ศรัทธาในตัวเขา 5 ตระกูลได้ก็เริ่มเปิดศึกสงครามขึ้นเกือบทันที เพื่อที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ปกครองสูงสุดของ InnerSphere และจัดตั้งกองกำลัง Star League ที่สอง นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อ ศึกผู้สืบทอด (Succession War)



ศึกผู้สืบทอดในประวัติศาสตร์ของ BattleTech มีด้วยกันทั้งหมด 4 ครั้ง



ครั้งที่หนึ่ง ปี 2786 ถึง 2821

ถูกจัดให้เป็นเหตการณ์ขัดแย้งที่นองเลือดที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ สงครามครั้งนี้จบลงที่ ตระกูลคุริตะประกาศตนขึ้นเป็น First Lord ซึ่งผลพวงจากสงครามทำให้มีดวงดาวหลายดวงถูกทำลาย ด้วยอาวุธนิวเคลีย ไปจนถึงอาวุธชีวภาพต่างๆ เป็นผลให้ ชีวิตนับล้านล้าน และ เทคโนโลยีเทียบเท่านับหลายทศวรรษถูกทำลายไปด้วย ในที่สุดสงครามที่ยาวนานนับ 35 ปีได้ปิดฉากลงจากความเหนื่อยล้าของผู้คน โดยที่ไม่ได้เกิดจากความต้องการสันติภาพเลยแม้แต่น้อย



ครั้งที่สอง ปี 2830 ถึง 2864

ครั้งที่สองก็ยังนองเลือดไม่ด้อยไปกว่าครั้งแรก และยังทำให้เทคโนโลยีของมนุษย์ถดถอยลงไปจนแทบจะเหลือเท่ายุคศตวรรษที่ 21



ทั้ง 5 ตระกูลได้เริ่มสงครามจากทรัพยากรที่ยังเหลืออยู่จากสงครามครั้งแรก จนในตอนจบของสงคราม ทฤษฎีของยานข้ามดวงดาวและ HPG (Hyper Pulse Generator อุปกรณ์สื่อสารข้ามดวงดาว) ก็แทบจะกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่มีใครรู้ว่าจริงๆ แล้วมันทำงานได้อย่างไร และ เทคโนโลยีทางทหารหลายๆ อย่างก็กลายเป็นของที่ไม่สามารถหาสิ่งอื่นมาทดแทนได้



ครั้งที่สาม ปี 2688 ถึง 3025

กินระยะเวลายาวนานที่สุดพร้อมๆ กับ เทคโนโลยีที่ค่อยๆ สูญสลายไปเรื่อยๆ พร้อมๆ กับการเกิดใหม่ของระบบขุนนางในทุกๆ นครรัฐ สงครามครั้งนี้สู้ด้วยเทคโนโลยีที่แทบจะกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในสายตาของคนทั่วไป





เคราะห์ดีที่ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีจะถดถอยลงไปมาก แต่ก็ยังมีโรงงานที่เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ทันสมัยต่างๆ อยู่รอดมาได้ MechWarrior ในยุคนี้จึงมักจะได้รับสืบทอดหุ่นของเขามาจากในวงศ์ตระกูลของเขาเอง และยังต้องซ่อมแซมหุ่นด้วยตัวเองจากซากของหุ่นฝ่ายศัตรูที่ล้มลงได้



คั่นเวลา

ในช่วงเริ่มต้นของศตวรรษที่ 31 เหล่านครรัฐผู้สืบทอดต่างๆ ต่างมีความเห็นตรงกันอย่างหนึ่งว่า การเข้าปกครอง InnerSphere ด้วยพละกำลังทางทหารเพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถเป็นไปได้ ผู้ที่ต้องการจะก่อตั้ง Star Leauge จะต้องหาหนทางอื่นที่ดีกว่า ดังนั้นในปี 3020 อาร์คอน คาทริน่า สไตเนอร์ แห่ง เครือจักรภพลิแลน จึงได้ยื่นข้อเสนอความต้องการเจรจาด้วยวิธีทางสันติไปยังนครรัฐอื่นๆ แต่มีเพียง องค์ชาย ฮานส์ เดเวี่ยน จาก สหพันธ์แห่งอาทิตย์ เท่านั้นที่ให้ความสนใจในข้อเสนอนี้







ปี 3022 เพื่อที่จะผนึกกำลังของทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกันคาทริน่า และ ฮานส์ ก็ได้ทำข้อตกลงเป็นพันธมิตร์กันอย่างลับๆ ด้วยการตกลงที่จะจัดงานแต่งงานกันระหว่าง ฮานส์ กับ ลูกสาวของคาทริน่า นามว่า เมลิซ่า สไตเนอร์





เจ้าชาย ฮานส์ เดเวี่ยน





เมลิซ่า สไตเนอร์



ปี 3025 ยังเกิดเหตการณ์สำคัญอีกเรื่อง ที่จะส่งผลต่อการตัดสินใจของ องค์ชายฮานส์ ในภายหลัง อัครมหาเสนาบดี แม็กซิมิเลี่ยน เหลียว ได้พยายามที่จะยึดครองสหพันธ์แห่งอาทิตย์จากภายใน ด้วยการสร้างตัวปลอมขององชายแห่งเดเวี่ยนขึ้นมาแทน แน่นอนหากทำสำเร็จ สมาพันธ์คาเพลแลนก็จะสามารถบงการสหพันธ์แห่งอาทิตย์ได้ตามใจนึก แต่แผนการทั้งหมดกลับถูกเปิดโปงด้วยฝีมือของ อาดาน ซอร์เทก ซึ่งเป็นทั้งผู้ให้คำปรึกษา และเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฮานส์คนหนึ่ง





อัครมหาเสนาบดี แม็กซิมิเลี่ยน เหลียว





อาดาน ซอร์เทก



หลังจากเหตการณ์ครั้งนั้น ฮานส์จึงได้เตรียมรับมือกับคาเพลแลนโดยเริ่มจากการเนรเทศ จัสติน อัลลาร์ด ที่มีเชื้อสายครึ่งหนึ่งมาจากคาเพลแลน ออกไปจากสหพันรัฐ ทำให้ตระกูลขุนนางในคาเพลแลนยินดีที่จะรับ จัสติน เข้ามาและเปลี่ยนชื่อเป็น จัสติน เซี้ยง ซึ่งเป็นนามสกุลเดิมของมารดาของจัสติน





จัสติน อัลลาร์ด



ด้วยการที่จัสตินมาจากสหพันรัฐ เหลียวจึงเชื่อว่าข้อมูลข่าวสารจาก จัสติน จะเป็นประโยชน์อย่างมากในอนาคต เลยให้จัสตินเข้าไปอยู่ในหน่วยข่าวกรองของคาเพลแลน แต่มีเพียงสามคนเท่านั้นที่รู้ความจริงว่า จัสติน เป็นสายลับสองหน้า นั่นคือ ตัวจัสตินเอง ฮานส์ และ ควินทัส ผู้เป็นบิดาของจัสติน นอกจากนั้น ฮานส์ ยังส่ง อเล็กซ์ มัลลอย ลอบเข้าไปยังหน่วยข่าวกรองของคาเพลแลนอีกคนนึง จนเมื่อสงครามครั้งที่ 4 เริ่มขึ้น จัสติน และ อเล็กซ์ ก็มีตำแหน่งเป็นเบอร์ 2 และ เบอร์ 3 ของหน่วยข่าวกรองภายในคาเพลแลนไปแล้ว



ฮานส์ ยังคงรู้อีกว่าต่อพี่น้องคนละแม่ของเขา ไมเคิ้ล ฮาสค์ เดเวี่ยน เป็นผู้ทรยศ เพราะตัวไมเคิ้ลต้องการที่จะเป็นเจ้าชายแห่งเดเวี่ยน จึงได้ส่งมอบข่าวสารให้กับ แม็กซิมิเลี่ยน เหลียว อย่างลับๆ มาตลอดเวลา ฮานส์จึงใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ปล่อยข่าวการเคลื่อนทัพที่ผิดๆ ผ่านทางไมเคิ้ล เพื่อที่คาเพลแลนจะได้รับข้อมูลลวงไปด้วย



ด้วยระบบทางเศรษฐกิจอันแข็งแกร่งของ เครือจักรภพลิแลน และกองกำลังทหารที่ไม่เป็นสองรองใครของ สหพันธ์แห่งอาทิตย์ การรวมตัวกันของทั้งสองที่กำลังจะเกิดเป็น สหพันธ์เครือจักรภพ ทำให้ ดราโกนิสคอมไบน์ ตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะชายแดนของดราโกนิสนั้น โดนล้อมจากทั้งสองนครรัฐพอดี ส่วน สันนิบาตโลกอิสระ และ สมาพันธ์คาเพลแลน ที่เล็กกว่าก็เกรงกลัวต่อการถูกเข้ายึดครองโดยกลุ่ม สหพันธืเครือรัฐที่เกิดขึ้นใหม่



ดังนั้น 3 ตระกูลที่เหลืออยู่จึงได้ลงนามในสนธิสัญญา Concord of Kapetyn ในปี 3024 เพื่อต่อต้านสหพันธ์เครือจักรภพโดยมีใจความสำคัญว่า ทั้ง 3 จะต้องร่วมกันให้ความร่วมมือในการป้องกันตนเองและ ให้การสนับสนุนในด้านอื่นๆ ด้วยกัน แต่สัญญานี้มีอายุไม่ยืนนานนักเพราะทั้งสามนครรัฐต่างก็ไม่เชื่อใจกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว







ปี 3028 ฮานส์ เดเวี่ยน และ เมลิซ่า สไตเนอร์ ได้จัดพิธีแต่งงานขึ้นบน เทอร่า (โลก) และได้เชิญ ผู้นำตระกูลอื่นๆ มายังพิธีด้วย ซึ่งในระหว่างพิธี ฮานส์ ได้มอบของขวัญอย่างหนึ่งให้แก่เมลิซ่า ในระหว่างที่เขาได้ยืนชิ้นเค้กให้กับเธอ โดยได้ประกาศต่อผู้คนในงานว่า “ภรรยาของข้า เพื่อเป็นเกียรติแห่งการแต่งงานของเรา นอกเหนือจากเค้กก้อนนี้ข้าจะขอมอบของขวัญชิ้นใหญ่อีกหนึ่ง ที่รัก ข้าขอมอบ สมาพันธ์คาเพลแลนให้กับเจ้า”



ศึกผู้สืบทอดครั้งที่ 4 ได้เปิดฉากขึ้นแล้ว



ครั้งที่สี่ ปี 3028 ถึง 3030



ในระหว่างที่ฮานส์จัดการฝึกซ้อมทางการทหารช่วงปี 3026 ถึง 3028 แถวขอบชายแดนที่ติดกับ คาเพลแลน ฮานส์ได้พบวิธีที่จะเคลื่อนย้ายกองกำลังขนาดใหญ่ไปยังสมรภูมิรบที่ห่างไกลออกไปได้อย่างรวดเร็ว เขายังได้จัดระเบียบและโครงสร้างของกองทัพใหม่ ทำให้แต่ละหน่วยกองร้อยประจัญบาน จะประกอบไปด้วย Mech รถหุ้มเกราะ ทหารราบ และ ปืนใหญ่สนับสนุน ด้วยโครงสร้างแบบใหม่นี้ทำให้กองทัพได้เปรียบข้าศึกเป็นอย่างมาก ฮานส์ ได้ส่ง หน่วยกองร้อยประจัญบาน เข้าจู่โจม คาเพลแลน ด้วยกันทั้งหมด 7 ครั้ง ส่งผลให้เขตการปกครองของคาเพลแลนหายไปกว่าครึ่ง ซึ่งบรรลุวัตถุประสงค์ของฮานส์ที่ต้องการทำให้ คาเพลแลน สิ้นฤทธิ์และไม่เป็นภัยต่อ สหพันธ์ ในภายภาคหน้า



นอกจากนั้นคาเพลแลนยังต้องพบกับศึกภายใน เนื่องจากเกิดจากกบฎขึ้นมาจากการนำของ พาเวล จากการชักนำของสหพันธ์แห่งอาทิตย์ ถึงแม้ว่าในภายหลังพาเวลจะถูกลอบสังหารลงหลังจากก่อตั้งสาธารณรัฐอิสระทิโคนอฟ แต่ด้วยการชี้นำของ อาร์ดาน ก็ทำให้ประชาชนของทิโคนอฟยินดีที่จะเข้าร่วมกับสหพันธ์แห่งอาทิตย์



ถึงจะเป็นช่วงเวลาแค่ 2 ปี แต่ผลของสงครามกลับมีมากกว่าสงครามครั้งอื่นๆ ความต้องการยานข้ามดวงดาวอย่างมหาศาล เพื่อที่จะรองรับแผนการยุทธศาสตร์ของฮานส์ ทำให้เศรษฐกิจระหว่างดวงดาวถดทอยลงไปอย่างมาก จนส่งผลให้ ComStar (ผู้ที่เก็บรักษาเทคโนโลยีการสื่อสารข้ามดวงดาวเอาไว้นับตั้งแต่สิ้นยุคของ Star League) ต้องออกมาแสดงจุดยืนต่อต้านต่อการกระทำของ ฮานส์ เดเวี่ยน อย่างชัดเจน หนึ่งในสิ่งที่ ComStar กระทำก็คือสั่งให้ HPG ที่อยู่ในความควบคุมของ ComStar ทุกแห่งหยุดส่งสัญญานจากภายนอกไปยังสหพันธ์แห่งอาทิตย์ รวมถึงการส่งข้อมูลระหว่างภายในสหพันธ์แห่งอาทิตย์ด้วยกันเองอีกด้วย



แต่ฮานส์ก็ได้บรรลุวัตถุประสงค์ของเขาแล้ว ฮานส์จึงได้ยื่นข้อเสนอสงบศึก คาเพลแลนที่โดนโจมตีอย่างหนักจึงยินดีรับข้อเสนอโดยทันที เนื่องจากทรัพยากรทางทหารเหลือน้อยเต็มที และต้องการที่จะเก็บรักษาทรัพยากรเหล่านั้นเตรียมไว้ป้องกันตนเองจาก สันนิบาตโลกอิสระ ที่กำลังจะเปิดศึกด้วยโดยการฉวยโอกาศช่วงเวลาที่ สมาพันธ์คาเพลแลนกำลังอ่อนแรง จากศึกผู้สืบทอดครั้งที่ 4



หลังจากศึกจบลง จัสติน เซี้ยง อัลลาร์ด ที่ได้พบรักกับ คานเดค เหลียว ในระหว่างที่แทรกซึมเข้าไป ก็เปิดเผยตนว่าที่จริงแล้วเป็นคนของสหพันธ์แห่งอาทิตย์ และได้กลับสู่สหพันธ์พร้อมกับเธอ พร้อมกับก่อตั้งรัฐอิสระ St. Ives Compact ขึ้นมาในภายหลัง





คานเดค เหลียว





St. Ives Compact





เหตุการณ์อื่นๆ





เทโอดอร์ คุริตะ



ระหว่างที่ฮานส์ทำสงครามกับคาเพลแลน เทโอดอร์ คุริตะ แห่ง ดราโกนิสคอมไบน์ ผู้มีตำแหน่ง รองผู้อำนวยการกิจการทหาร ก็ได้นำเอายุทธศาสตร์ต่างๆ ที่ฮานส์ใช้มาเป็นบทเรียน และปรับปรุงกองกำลังทั้งหมดใหม่ รวมถึงการกระจายอำนาจไปยังส่วนต่างๆ ทั้งหมดก็เพื่อความมั่นใจว่า ดราโกนิสคอมไบน์ จะสามารถอยู่รอดได้จากศึกสงครามที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แต่สิ่งที่เป็นข้อถกเถียงกันมากที่สุดคือ เทโอดอร์ ได้ลงนามกับ คอมสตาร์ เพื่อให้อิสระภาพกับดาวต่างๆ ที่ดราโกนิสคอมไบน์เคยใช้กำลังเข้ายึดมาไว้ เพื่อแลกกับ BattleMech ในยุค Star League ที่คอมสตาร์มีไว้ในครอบครอง ซึ่งจัดเป็นเทคโนโลยีที่สูญหายไปแล้ว

นั่นจึงทำให้เกิดขั้วอำนาจที่หกขึ้นมาในนามว่า สาธารณรัฐอิสระ ราสอัลฮาจ (Free Rasalhague Republic)







สาธารณรัฐอิสระ ราสอัลฮาจ ขั่วอำนาจที่หก



ในช่วงกลางศตวรรษที่ 23 ประชาชนของนอร์เวย์ สวีเดน และ ฟินแลนด์ ได้ย้ายออกไปตั้งถิ่นฐานที่ดวงดาว ราสอัลฮาจ แต่ก็ถูกเข้ายึดครองจากการขยายดินแดนของ ดราโกนิสคอมไบน์ ซึ่งประชาชนของราสอัลฮาจต่างก็คอยจ้องหาโอกาสปฎิวัติอยู่ตลอดเวลาเมื่อมีโอกาส



ในปี 3034 เมื่อ ดราโกนิสคอมไบน์ ได้ให้อิสระภาพแก่ ราสอัลฮาจ โดยมี คอมสตาร์ เป็นพยาน แฮกกอน แมกนัสซั่น ก็ประกาศการก่อตั้งสาธารณรัฐอิสระทันที ซึ่ง ครือจักรภพลิแลน สหพันธ์แห่งอาทิตย์ และ ดราโกนิสคอมไบน์ ต่างก็ยอมรับการประกาศของ ราสอัลฮาจ และยอมวางมือลงไป





แฮกกอน แมกนัซซั่น



แต่ทหารของ ดราโกนิสคอมไบน์ หลายคนไม่ยอมรับต่อการกระทำครั้งนี้จึงได้พยายามโจมตีต่อ สาธารณรัฐอิสระใหม่ กลายเป็นศึกสงครามโรนิน ดราโกนิสคอมไบน์ได้ตราหน้าทหารเหล่านั้นว่าเป็นผู้ทรยศต่อนครรัฐ และได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือสาธารณรัฐเล็กๆ ที่ยังไม่มีกองกำลังทหารมากนักเข้าต่อสู้กับเหล่าผู้ทรยศ



แต่ทหารรับจ้างส่วนหนึ่งที่ได้รับการจ้างวานในศึกนี้ กลับหาผลประโยชน์เข้าตัวหรือไม่เข้าร่วมต่อสู้ด้วย เนื่องจากสัญญาจ้างวานที่เขียนไม่ดีตั้งแต่แรก ทำให้เป็นการเติมเชื้อไฟการต่อต้านทหารรับจ้างในหลายๆ พื้นที่



-----------------

จบแล้วครับ. ประวัติความเห็นมาของ 6 Faction หลักที่จะมีให้เลือกเล่นใน MechWarrior Online ที่กำลังจะเปิดให้เล่นในเร็วๆ นี้



Post ครั้งหน้า จะมาพูดถึงเรื่อง Clan นักรบแห่งเคเรนสกี้กันครับ ขอเวลาตรวจทานบทความใหม่สักพัก
Super Robot Wars Games

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา