อลวนรักอลหม่านฉบัยG-SEED ตอนที่ 13
ตอนที่ 13
เผลอแป๊บเดียวเหยื่อสดๆก็หลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย....นี่คือความคิดเพียงอย่างเดียวที่ก่อขึ้นในสมองของราชาแห่ง
PLANT ในขณะนี้ เจ้าพวกที่ควรส่งเข้าคุกน่ะ ยังพอทำใจ แต่นี่! อีหนูน่ารักๆที่หมายตาไว้ดัน...!
“ ค้นให้หมดทุกซอกทุกมุม ยังไงซะเอาตัวผู้หญิงสามคนนั่นมาให้ได้” ราชองครักษ์ไฮเน่สั่งการตามล่าอย่างเร่งด่วน ด้วยรู้ใจเจ้านายดี
ว่ากำลังทรงพิโรธอย่างแรง แต่ว่าการจะหาผู้หญิงในกลุ่มผู้หญิงที่มีออกเต็มงานแบบนี้ มันก็ยากอยู่
“ สั่งปิดทางเข้าออกทุกซอกทุกมุม เชิญสาวๆทั้งหมดไปรวมที่ท้องพระโรง ให้มันรู้ไปว่าข้าจะหาไม่พบ!” พระราชาออกคำสั่ง งานนี้ดูท่า
จะทรงเอาจริง สำหรับไฮเน่ นานทีที่เขาจะเห็นพระราชากระตือรือร้นถึงขนาดนี้ ดูท่างานนี้พระมเหสีทาเลียอาจมีสิทธิตกกระป๋องแบบ
ถาวร
“ ไฮเน่!”
“ พะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
“ ไปเชิญแขกจากเฮลิโอโปลิศกับORB ไปพบข้าที่ท้องพระโรงชั้นบน”
“ ทรงคิดจะ.....”
“ ให้มันรู้ไปว่างานนี้ข้าจะแพ้แม่หนูพวกนั้น!” พระราชาทรงแสยะยิ้ม พร้อมท่าทางกรุ้มกริ่มเจ้าชู้ ดูยังไงก็เสือผู้หญิงชัดๆ
ตัดไปทางฝ่ายสองเจ้าหญิงกำมะลอ ที่ตอนนี้เปลี่ยนฉลองพระองค์ใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ เจ้าคิดว่าแบบนี้เราพอจะหลอกพระราชาได้ไหมนี่” เจ้าหญิงคิระในฉลองพระองค์นางกำนัลกำลังพยายามจัดเสื้อผ้าอย่างยากเย็น
“ ทำไมเจ้าดูยุ่งยากจัง” เจ้าหญิงอัสรันมุ่นคิ้วเมื่อเห็นสหายร่วมลงโลงใช้เวลากว่า 10 นาทีติดตะขอหลังเสื้อ
“ เสื้อผู้หญิงนะเฟ้ย ! เจ้าต่างหาก ไหงมันเร็วนักเล่า” คิระโวยวาย
“ แล้วไอ้ชุดราตรีนั่นมันไม่ยากกว่ารึไง!” อัสรันบ่นด้วยความรำคาญก่อนที่จะผลักเพื่อนสนิทให้หันไปอีกทาง แล้วลงมือติดตะขอให้
อย่างสบายๆ
“ เอ่อ.....ก็ปกติ ท่านหญิงเป็นคนช่วยแต่งนี่หว่า” คิระแก้ตัว พลางหวนรำลึกถึงเหตุการณ์ณ์ชวนระทึก ริมฝีปากเจ้าหล่อนนุ่ม
จริงๆ .........นี่ขนาดลักซ์เห็นอัสรันยังโกรธขนาดนั้น ถ้ารู้ว่าจูบกับท่านหญิงเฟรย์......วันไหนรู้ ท่าวันนั้นจะเป็นวันม้วยมรณะของเขา
แหงแซะ
“ นี่แกให้ผู้หญิงแต่งตัวให้!” อัสรันรำพึงอย่างงๆ .แต่เวลางงก็ไม่มีมากนัก เพราะทันทีที่ติดตะขอเสร็จ เสียงโทรโข่งก็ดังขึ้นก้องสนั่น
ไปทั่วปราสาท เสียงนั้นไม่ใช่เสียงที่อัสรันคุ้นหูแม้แต่น้อย เป็นเสียงเข้มของชายหนุ่ม ฟังดูก็สุภาพดี ถ้าว่า.......
“ ไซ!” คิระสบถออกมาทันที พร้อมสีหน้าซีดเซียวลงอย่างชัดเจนเมื่อได้ฟังข้อความจากอัศวินหนุ่มแห่งเฮลิโอโปลิศ
“ เจ้าหญิงคิระ ท่านคงจำเสียงกระหม่อมได้สินะพะย่ะค่ะ แม้กระหม่อมจะไม่อาจพบพระพักตร์ท่านได้ก็ตามที แต่ก็หวังว่าพระองค์จะ
ทรงรับฟังเสียงของหม่อมฉันโดยดี” เสียงไซพูดผ่านโทรโข่ง ฟังได้ชัดถนัดหู
“ เจ้ารู้จักเจ้าของเสียงนี้หรือคิระ” อัสรันถามอย่างงงๆ แต่ก็ตัดสินใจเงียบลงทันทีเมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือด คิ้วขมวดเป็นปม เนื้อตัวสั่น
หมัดกำแน่น ท่าทีบ่งบอกว่า.....ควรปล่อยไว้
“ เจ้าหญิงพะย่ะค่ะ” เสียงไซเอ่ยต่อไปอย่างอ่อนหวาน “ กระหม่อมทูลองค์ราชาแล้วถึงความในใจขององค์หญิง พระองค์ทรงโปรดองค์
หญิงมากเช่นกัน กระหม่อมควรทูลให้ทรงทราบว่า ทรงโปรดขนาดที่อาจติดตามไปถึงเฮลิโอโปลิศหากไม่อาจพบพระพักตร์ขององค์
หญิง” สิ้นประโยคคิระทุบเข้าที่กำแพงอย่างแรง เจ้าไซ! มันคิดจะขู่กันชัดๆ!
“ องค์หญิง...” อัศวินแห่งเฮลิโอโปลิศเอ่ยเสียงหวานต่อ “ เวลาของหม่อมฉันมีจำกัด แต่อย่างไร ขอทรงอย่าลืมว่าทรงมายังนคร
PLANT เพื่ออะไร หม่อมฉันจะรอฟังข่าวดีขององค์หญิงพะย่ะค่ะ” เสียงของไซหายไปพร้อมๆกับความโกรธของคิระที่พุ่งถึงขีดสุด แต่
ไม่ทันที่อัสรันจะได้ถามถึงปริศนาในคำพูดไพเราะนั่น เสียงแสนคุ้นหูก็ดังเข้าทำลายโสตประสาทของเขาบ้าง
“ ทรงสบายดีไหมพะย่ะค่ะองค์ราชินี”
“ อูนาโต!” อัสรันร้องขึ้นบ้าง หมายความว่ายังไงกัน อำมาตย์อูนาโตไม่ได้อยู่ที่ORBหรอกหรือ
“ ที่ORB พวกเราทุกคนสบายดีมากกระหม่อม ตอนนี้ท่านดูรัลดาลทรงให้โอกาสพวกกระหม่อมได้กราบทูลถึงสถานการณ์ภายนอก
เอ.....ไม่ทราบว่าลืมไปรึยังว่าจุดหมายสูงสุดของการปกครองORB คืออะไร คงไม่ใช่สงครามแน่กระหม่อม ไอ้เรื่องเลือดตกยางออกนั่น
มันไม่ใช่วิสัยชาวORB นี่หากว่าเรากับPLANT อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบ คงจะดีมากเลยนะพะย่ะค่ะ” อูนาโตพล่ามอย่างมีชั้นเชิง ทำเอา
อัสรันยืนตาค้างอยู่ในภวังค์ ไม่ใช่ว่าเขาจะลืมภารกิจหรอกนะ แต่ที่อูนาโตพูดมานั่นมัน.....หรือว่า! ทั้งหมดนี่คือ.....
“ ดูท่าเราจะถูกเล่นตลกทั้งคู่นะเนี่ย” คิระพูดขึ้นทันทีที่เสียงพระราชาประกาศก้องขอพบเจ้าหญิงทั้งสองที่ท้องพระโรง
“ ตลกบ้าน่ะสิ ไม่ขำเลยสักนิด” อัสรันบอก คำพูดฟ้องว่าไม่ค่อยพอใจสถานการณ์ซักเท่าไหร่
“ พระราชานั่นคิดว่าเราเป็นผู้หญิง”
“ มันเป็นเสือไบ! ข้าพบพระราชากำลังพยายามลวนลามเด็กหนุ่มที่ตรอกเมื่อตอนบ่ายนี่เอง” อัสรันอธิบายต่อ ท่าทางอกสั่นขวันแขวน
เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ชวนสยอง
“ เวร! เจ้าไซรู้เรื่องนี้แน่ มันคิดจะกำจัดข้าให้พ้นหูพ้นตา...เพราะเรื่องเฟรย์ชัดๆ”
“ เอาไงล่ะ งานนี้ไม่เจ้าก็ข้าอาจชะตาขาด” ราชองครักษ์แห่งORB ถอนใจ
“ หรือไม่ก็ขาดทั้งคู่”
ท้ายที่สุดสองหนุ่มชะตาขาดก็ได้แต่ทอดถอนใจ พร้อมกับก้าวเดินไปยอมรับความจริงชวนหวาดหวั่นที่กำลังจะเกิดขึ้น
ที่ท้องพระโรง ร่างสองร่างที่ปรากฏขึ้นท่ามกลางหมู่หญิงสาวในชุดราตรีหรูหรากลับโดดเด่นสะดุดสายตาองค์เหนือหัวแห่ง
PLANT ยิ่งกว่าหญิงนางใด สาวน้อยสาวใหญ่ต่างก็ต้องหันมามองสุภาพสตรีทั้งสองอย่างฉงน หญิงสาวสองนางในชุดนางกำนัลราชสำนัก
PLANT เสื้อลูกไม้สีขาว ติดเข็มกลัดรูปกุหลาบที่อกขวา กระโปรงสีชมพูยาวกรอมเท้า ผ่าข้างเผยให้เห็นต้นขาแต่พองาม ไม่น่าเชื่อว่า
เสื้อผ้าเรียบๆกลับทำให้หัวใจพระราชาหล่นตุ๊บไปที่ตาตุ่มได้
“ เป็นอย่างที่คิด” อัสรันกระซิบบอกคิระ พระราชายืนเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านบน ด้านขวาคืออำมาตย์อูนาโตกับนาย ยูน่า ด้านซ้าย
เป็นชายหนุ่มผมทองท่าทางบ่งว่าเป็นอัศวิน เขารู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นจำเลยคดีฆาตกรรมยังไงอย่างงั้น
“ ไอ้บ้าหัวม่วงนั่น!” คิระสบถ เนื่องจากจำได้ถึงชายหนุ่มท่าทางเพลย์บอย ไม่เต็มบาทที่เข้ามาจีบเมื่อหัวค่ำ ที่แท้มันก็เป็นโจทก์ของอัส
รันนั่นเอง ...........ชายหนุ่มแห่งเฮลิโอโปลิศกวาดสายตามองหญิงสาวที่กำลังจ้องมาที่พวกเขาราวกับเห็นตัวประหลาด น่าแปลกที่ว่า
ท่านหญิงเฟรย์ ไม่ปรากฏอยู่ในหมู่พวกหล่อนเลย ทั้งๆที่บอกว่าอยากพบพระราชาขนาดยอมมีเรื่องกับคู่หมั้นตนเอง แต่ไหงช่วงเวลา
ที่สำคัญที่สุด ดันหายตัวไป...
“ เอาล่ะทุกท่าน ข้าต้องขอโทษที่ปาร์ตี้ของเราเริ่มต้นอย่างเป็นทางการช้าไปนิด” พระราชาดูรัลดาลตรัส “ นั่นก็เพราะข้าคงเริ่มงานนี้
ไม่ได้หากว่า จะต้องขาดแขกกิติมศักดิ์จากเฮลิโอโปลิศและORB ขอเชิญทุกท่านปรบมือต้อนรับว่าที่องค์ราชินีอัสรันแห่งORB กับเจ้า
หญิงรัชทายาท เจ้าหญิงคิระแห่งเฮลิโอปลิศ ” ว่าแล้วสาวงามจากนานานครก็ปฏิบัติตามคำสั่งขององค์ราชาอย่างพร้อมเพรียง ทั้งคิระ
และอัสรันต่างก็รู้สึกทันทีว่าหลากหลายอารมณ์เข้าโจมตีพวกเขา สายตาบางคู่บ่งบอกว่า “ ดีใจ” แน่ล่ะ ก็มีท่าทางว่าจะรอดตายแล้วนี่!
แต่บางคู่กลับบ่งบอกว่า “ อิจฉา” ซึ่งชายหนุ่มโชคร้ายทั้งคู่ก็ไม่เข้าใจเอาเสียเลยว่า มันจะอิจฉาหาพระแสงอะไรฟะ!
“ Let’s dance!” สิ้นคำสั่งจากราชาแห่งPLANT ดนตรีก็บรรเลงขึ้นพร้อมกับสัญญาณเริ่ม งานเต้นรำ!
.............................................................................
Fiction