เคยโดนครูตีกันไม๊ครับ ? (ขำๆ)
เคยโดนครูตีกันไม๊ครับ ?
เคยโดนแน่ๆ เรามาเล่า เรื่องต่างๆ ที่ทำให้โดนตีกันดีกว่า ^^
เอ้าๆผมจะเล่า ประสบการณ์ ของผมให้ฟัง
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ในวัยเด็ก สถาบันที่ผมเรียนนั้น(ไม่เอ่ยชื่อนะ) มีการทำโทษทำโทษนักเรียนที่ทำผิดหลายวิธี แต่หลักๆก็คือการตี
ไอ้ตีเนี่ย ถ้าแค่เอาไม้ฟาดไปที่ก้นก็ไม่เท่าไหร่หรอกครับ มันมีอะไรที่เด็ดว่านั้น หึหึ จะค่อยๆเล่าให้ฟัง
เริ่มจากอุปกรณ์ในการตีก่อนละกัน ไม้เรียวนี่ละครับ ที่ผมจำได้ไม่ลืมเลยสำหรับสถาบันนี้
มันทำให้ผมและพี่และเพื่อนๆบางคน สงสัยว่าครูเขามีความสุขกับการตีเด็กหรือนี่?
เรื่องมันมีอยู่ว่า วันหนึ่งผมต้องไปหาครูที่ห้องพักครู พอเข้าไปก่อนจะถึงโต๊ะของครูประจำชั้นผม
ต้องผ่านโต๊ะของครูฝ่ายปกครองก่อน มันก็คงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ถ้าสายตาไม่ไปเจอะกับ..
ไม้เรียว ไม้เรียวที่ว่าเนี่ย มันก็ไม่ได้เลี่ยมทองหรือฝังเพชรหรอกครับ แต่มันเยอะ ตอนแรกผม
ไม่รู้หรอกว่ามันคือไม้เรียว ครูฝ่ายปกครองทำไม้เรียวได้ดีมาก คือมีการเรียงลำดับตั้งแต่
ป.1 ถึง ม.6 เลยครับ นับรวมแล้วก็ 12 อัน พร้อมทำห่วงแหวนไว้อย่างดี บนห่วงก็แปะเลข
ไว้อย่างดีเพื่อไม่ให้ผิดพลาดในการหยิบฉวยไปตี โดยที่ไม้ของป.1 นี่จะอันเล็กครับ ประมาณไม้บรรทัด
ขนาดหนึ่งฟุตนั่นแหละ ขนาดโดยรอบประมาณนิ้วชี้ครับ แล้วขนาดก็ใหญ่ขึ้นตามลำดับ
มันทำให้ผมนึกถึงกอฟล์ขึ้นมาทันทีที่เห็นไม้เรียวเหล่านี้ ไม้ของ ป.1 เทียบได้กับ แซนด์เวดส์ หรือ
ที่ไว้ตีบนทรายนั่นแหละครับ ไล่ไปเรื่อยๆ ประมาณ ม.3 นี่เหมือนกับ เหล็ก1ครับ ส่วน ม.6 นี่หัวไม้หนึ่งยังไงยังงั้นเลย
คือไม้จะยาวแล้วก็ใหญ่มาก ผมว่าครูฝ่ายปกครองต้องใช้เวลาฝึกวงสวิงพอสมควรเหมือนกันครับสำหรับไม้อันนี้
ถ้าครูฝ่ายปกครองต้องตีเด็กทุกชั้น ตั้งแต่ ป1 - ม6 นี่ คงต้องหาถุงกอฟล์มาใส่แล้วเอาประธานนักเรียนมาเป็น caddy
เลยก็ไม่เลวนะครับ จะได้เหมือนออกรอบเต็มๆเลย
ถัดจากฝ่ายปกครองก็มาถึงครูในวิชาต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ไม้เรียวที่มีประจำห้องนั้นๆ เว้นแต่บางท่าน
ที่อยากมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น ครูสอนดนตรีของผม มีไม้กลองเป็นอาวุธในการทำโทษเด็ก เหมือนจะบอกให้รู้ว่า
"หนังก้นเอ็งก็เหมือนหนังกลองข้าล่ะ" ในบางทีที่ไม้กลองอยู่ไกลเกินเอื้อม
ครูดนตรีของเราก็อาจหยิบเอาไม้ตี "นิ๊งหน่อง" มาใช้แก้ขัดไปก่อน ธรรมดาไม้กลองนี่พวกผมก็ขยาดกันแล้วครับ มาเจอไม้นิ๊งหน่องนี่
เรียกได้ว่าผวาเลยดีกว่าครับ เพราะหัวมันเป็นตุ่มๆใหญ่ๆน่ะสิครับ แต่ตอนหลังเลิกใช้ไปเพราะมันหักง่าย เอาไม้กลองนี่แหละดีที่สุด
มาถึงครูสอนวิชาเกษตร ก็คงกลัวจะน้อยหน้าเลยไปหาหวายมาใช้งาน จากนั้นจึงเพิ่มความเป็นเกษตรด้วยการนำไปแช่เยี่ยว
(เอาไปแช่ปุ๋ยคอกก็คงจะไม่สะดวกนักเวลาสะบัดวงสวิง) ซึ่งให้เหตุผลว่า "เวลาตีแล้วมันแสบ" พวกผมในวัยเด็กก็ไม่สามารถจะท้วงอะไรได้
เพราะด้วยความกลัวไม้ลงอาคมอันนี้มันสำแดงเดชที่ก้นพวกเรา จึงได้แต่ปลอบใจกันว่า "เขาไม่เอาด้ามจอบตีก็บุญแล้วว่ะ"
มาถึงวิชาพละกันมั่ง ในตอน ม.2 คงจำกันได้ที่เราต้องเรียนกระบี่ แน่ล่ะกระบี่หวายก็เป็นอาวุธอยู่แล้วมีหรือจะพลาด
นอกจากกระบี่แล้วก็มีปิงปองซึ่งใช้ไม้ปิงปองเหมือนกัน แต่ไม่ได้ฟาดที่ก้นหรอกครับ ประมาณว่า ขนมจีบน่ะ ในหมวดของวอลเลย์บอล
ซึ่งผมไม่ได้เรียนนั้น เพื่อนๆที่เรียนบอกว่า "ครูใช้มือตีว่ะ" หุหุ สมกับเป็นวิชาวอล์เลย์จริงๆ ดีหน่อยที่ฟุตบอลที่ผมเล่นนั้นไม่มีการเตะทำโทษ
ไม่งั้นพวกผมคงคอพับคออ่อนกันมิใช่น้อยล่ะ
เอาล่ะครับ พูดถึงอาวุธกันเยอะแล้ว มาถึง "วิธี"ในการทำโทษกันมั่งดีกว่า การทำโทษด้วยไม้เรียว แน่นอนล่ะครับมันต้องเป็นการตี
แน่นอน แต่ว่า ไอ้การตีเนี่ย มันไม่ใช่ตีธรรมดาน่ะสิครับ มันมีวิธีมากกว่านั้น เอาล่ะครับ มาดูกัน (ผมกล้าสาบานว่าวิธีการตีนี้ไม่ใช่ผมแต่งขึ้นมา แต่เกิดเรื่องจริง
ที่ผมและเพื่อนๆพี่ๆ ประสบมาด้วยตัวเองนะครับ บางคนอาจไม่อยากจะเชื่อว่ามันมีแบบนี้อยู่จริงๆ)
"test กันก่อน "
คุณเคยมั๊ย? กลับมาถึงบ้านก็เล่นๆๆๆ แล้วนอน ตื่นมา ... อ้าว chipหายแล้ว ลืมทำการบ้าน ส่งเช้าด้วย โดนเด้งแน่ จะขอลอกเพื่อนก็ไม่ทัน มีทางเดียวคือโดนตี
เลยมีการเตรียมใส่กางเกงกันกระสุนไว้ด้วย เพื่อเป็นการลดระดับความเจ็บ แต่....คิดเหรอว่าเขาจะไม่รู้ฮึ ก่อนจะตีเขาเลยมีการtest เสียงกันก่อนนะครับ
คือตีแบบเคาะๆ ฟังเสียง ถ้าเสียงแน่นๆ ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเสียงฟังดูหลวมๆโพร่งๆเหมือนทุเรียนสุกล่ะก้อ มีเฮครับ ระดับความแรงในการตี จะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
วิธีนี้อาจจะประยุกต์มาจากการฟังเสียงทุเรียนก็เป็นได้นะครับ ซึ่งผมก็ไม่ค่อยสันทัดเท่าไหร่
1. ตีปกติ
เป็นพื้นฐานของการทำโทษเลยครับ ส่วนมากครูที่ตีธรรมดานั้นจะเป็นครูที่เน้นการสอนมากกว่า การตีเป็นการทำโทษให้นักเรียนสำนึกในความผิดเท่านั้น
(ถึงแม้ว่าการทำให้สำนึกนั้น ไม่ทำเป็นต้องตีก็ได้)
2. ตีตัด
เนื่องจากการตีธรรมดา ไม่อาจทำให้นักเรียนหัวโจกบางคนเข็ดขยาดได้ ท่านอาจารย์ จึงได้คิดวิธีตีอีกแบบหนึ่งเรียกว่าตีตัด
วีธีการตีนั้น จะให้เด็กยืนโค้งๆก้นให้ยื่นออกมาโน้มตัวไปข้างหน้า แล้วหวดไม้ลงมาในแนวดิ่ง หรือ 90 องศงเลยครับ
3.ตีตัดหน้า
อันนี้เป็นลูกเล่นที่เพิ่มขึ้นมา คือว่า นักเรียนชายเนี่ยเวลาโดนตี จะแอ่นใช่มะครับ คุณครูของเราเลย มีวิธีแกล้งด้วยการตีตัดหน้าครับ
คือว่า แทนที่จะหวดไม้ลงก้น กลับหวดไปด้านหน้าแทน นักเรียนบางคนที่เกิดอาการ "เบรด บ่ อยู่" ก็ได้เป็นอันเจ็บเจี๊ยวกันเป็นแถวๆครับ
4.ตีอัดกำแพง
เป็นอีกวิธีหนึ่งในการยับยั้งการแอ่นของนักเรียน วิธีก็คือให้หันหน้าเข้ากำแพงหรือกระดานดำ ให้นักเรียนเบียดชิดกับกำแพงให้ชิดที่สุด
แล้วจึงหวด ไม้จะสามารถกระทบก้นได้เต็มที่
5.ตีท่าหลบระเบิด
วิธีนี้ไม่ค่อยฮิตเท่าไหร่เพราะมันเลอะเสื้อสีขาวๆของเรา วิธีคือให้นอนคว่ำแล้วหวด แบบว่ากันแอ่นน่ะครับ หลังๆเนื่องจากมันเลอะง่าย เลยให้มานอนคว่ำบนโต๊ะแทน
6.ตีอัดตุ๊ด
วิธีนี้ เป็นไอเดียที่เกิดจากครูสอน ศิลปะ ครับ สุดยอดครับ คือว่า ห้องเรียนโรงเรียนชายล้วนเนี่ย ส่วนใหญ่ทุกห้องจะมีตุ๊ดประจำห้องน่ะครับ
วิธีการตีนั้น คือ จะให้ตุ๊ด มายืนโค้งก้นคว่ำกะโต๊ะไว้ แล้วให้หนุ่มๆที่โดนทำโทษประกบหน้า(ท้อง)เข้าไป แล้วก็หวด แน่นอนครับ ถ้าแอ่นก็จะได้สัมผัสดากตุ๊ด
เต็มๆ วิธีนี้ ผมบอกตามตรง สุดยอดครับ คิดได้ไงวะเนี่ย
7.ตีแฝด
อันนี้เน้นสำหรับพวกที่ชอบทำไรกันสองคนครับคือแบบผิดสองคนน่ะ เช่นนั่งคุยกันไม่สนใจหัวครู วิธีนี้ ก็คือให้สองคนยืนชิดกัน แล้วตีมันทีเดียวเลย
แต่จากการสังเกตของครู ทำให้รู้ว่าคนที่อยู่ด้านในนั้นจะได้เปรียบเพราะว่าจะเจ็บน้อย ครูท่านเลย ตีสองทีเลย แล้วให้สนับที่กัน เป็นไงครับ ยุติธรรมดีมั๊ย?
8.4x4
คล้ายกับตีแฝด แต่ 4 คน 4 ที
9.ตีด่วน
วิธีนี้เกิดการวิชา "กระบี่" ครับ เวลาที่รำผิด มักจะโดนทำโทษเสมอ ซึ่งเขาจะเหมาว่า ผิดทุกคน ฉะนั้น จึงต้องตีหมดห้อง เนื่องจากจำนวนเด็กมันเยอะ
เลยเกิดวิธีนี้ขึ้น ก็คือ จะให้เด็กยืนเรียงแถวกัน แล้ววิ่งเข้ามาในวงสวิงเลยครับ ครูเขาจะหวดไปเรื่อยๆ ประมาณว่ายิง auto น่ะครับ วิธีนี้เด็กๆที่มีแวว
ชอบการพนันแต่เด็กจะชอบครับ เพราะว่า ถ้าจังหวะดีๆ อาจจะโดนเฉี่ยวๆเลย หรือไม่โดนเลยก็ได้ แบบว่าวัดใจกันไปเล้ยย วู๊วว (ผมรอดบ่อย)
10.ตีร้อน&เย็น
อันนี้เกิดการครูสอนภาษาอังกฤษครับ เขาจะถามก่อนว่า "เอาร้อนหรือเย็นล่ะลูก" ถ้าร้อน เขาจะเอาไม้ถูๆๆๆๆก่อน ให้อุ่นๆ แล้วค่อย...เพี๊ยะะะะ....
ถ้าเอาเย็น เขาจะเอาไม้จุ่มน้ำก่อนแล้ว พรมๆให้ทั่วแล้วก็ .... เพี๊ยะะะะ..... อันนี้ผมไม่รู้จุดมุ่งหมายนะครับ คาดว่าคงเป็นการไม่สร้างความกดดันให้เด็กน่ะครับ
11.ตีจ๊ะเอ๋
ชื่อมันกุ๊กกิ๊ก แต่วิธีมันสยองครับ อันนี้ วิชาเลขครับ มันเกิดจากครูเขาให้พวกผมออกไปทำการบ้านหน้าห้อง ทำสดๆเลย เขาอยากรู้ว่าพวกผมลอกกันหรือป่าว
ไอ้วิชาเลขเนี่ย ผมก็พอกล้อมแกล้มล่ะครับ มั่วได้ แต่ก็ไม่ค่อยเก่งนัก เขาจะให้ออกไปทำทีละ 4 คน แล้วเขาจะถือไม้อยู่ด้านหลัง ถ้าเห้นว่ามีการลอกกัน
หรือทำผิด เขาจะหวด ...ฟั่บบ.... โหยคุณเอ้ยย มันทั้งเจ็บทั้งตกใจเลยครับ บอกตรงๆ ผมโดนประจำ ออกไปแล้วมันทำไม่รู้เรื่อง มันระแวงหลังครับ
เพื่อนผมเก่งๆเลขยังโดนเลย เพราะไม่มีสมาธิอ่ะครับ
12.ตบเลย
อันนี้ง่ายๆ ไม่ตีหรอก ตบเหน่งเลย หัวเกรียนอยู่แล้วนี่ สะใจ
13.ถีบ
อันนี้รุ่นพี่ผมโดนครับ เนื่องจากคุยกันตอนสวดมนต์ กลิ้งเป็นลูกขนุนเลย
ความจริงวิธีการทำโทษนั้นมันมีอีกเยอะครับ แต่ที่ผมพูดๆถึงเนี่ยมันเป็นวิธีที่ผมจำได้ไม่เคยลืมอ่ะครับ สมัยนี้คงตีกันน้อยลงกว่าเดิมแล้ว ยังไงก็ขอให้ครูทั้งหลายจงตีเด็กด้วยความรักนะครับอย่าตีเอาความสะใจ เพราะสมัยผมเด็กๆผมว่ามันเป็นแบบหลังซะมากกว่า...
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
credit : เก็บตกจาก board mthai จ่ะ
Fiction