(Review) The Dark Knight Rises

อ่านก่อนนิดนึง



บทความนี้ คือบทความReview หนังในมุมมองของผมแค่คนเดียว ไม่ใช่มุมมองของคนส่วนมาก ฉะนั้นไม่แปลกถ้าท่านจะรู้สึก เอ๊ะทำไมนายไม่ชอบตรงนี้ เอ๊ะทำไมนายมาด่าเรื่องนี้ เอ๊ะนายบอกเรื่องนี้ดี นายเพี้ยนรึเปล่า อยากจะบอกว่า ผมเป็นแค่คนดูหนังคนนึง มิอาจสามารถเอาใจของคนทั่วโลกมารวมในคนเดียว แล้วประมวลคะแนนให้พอใจทุกคนได้ เพราะคนเราย่อมมีรสนิยมการดูหนังไม่เหมือนกันทุกคนครับ ฉะนั้น ถ้าอ่านReview ของผมแล้ว จงอย่าตัดสินทันที ขอให้พิสูจน์หนังเรื่องนั้นด้วยตัวท่านเอง ไม่แน่ หนังที่ผมบอกห่วย อาจเป็นหนังในใจท่านก็ได้ครับผม ด้วยความเคารพครับ



และขอความกรุณาอย่าSpoil หนังนะครับผม จะSpoil ก็ขอให้ใช้การซ่อนข้อความ



การติชมต่อผลงานของSoma สามารถเขียนได้ในกระทู้อย่างเปิดเผยและตรงๆอย่างไม่ต้องกังวล เข้ามาอ่านReview เล็กๆก่อนตัวเต็ม หรือถ้าใครที่เข้ามาอ่านธรรมดาแต่อยากติชม สามารถเข้าไปติได้ที่Facebook ของกระผมนะครับ



http://www.facebook.com/profile.php?id=100000512771067



The Dark Knight Rises








แนวหนัง : แอ็คชั่น อาชญากรรม



ตัวอย่าง








เรื่องย่อ



เป็นเวลา 8 ปีหลังจากการตายของ ฮาร์วี่ เดนส์ Batman ก็ได้หายตัวไปโดยไม่มีการปรากฏตัวอีก รวมถึงบรู๊ซ เวย์นที่เก็บตัวเงียบ เพราะแบทแมนไม่มีความจำเป็นแล้ว ก็อธแธมกลายเป็นเมืองที่ไร้อาชญากรรมตามที่เค้าหวัง แต่เมื่อการปรากฏตัวของ เบน วายร้ายลึกลับที่หมายจะเปลี่ยนชีวิตเค้า บรู๊ซ เวย์นจึงต้องสวมชุดแบทแมนปรากฏตัวอีกครั้งเพื่อหยุดยั้งแผนการของเบน







มุมมองของSoma



สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับการปิดไตรภาคแบทแมนเวอร์ชั่นของโนแลนด์ก็คือ “ความคาดหวังของเหล่าแฟนๆ” ที่เป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุด เพราะทั้ง The Dark Knight ที่ทำมาตราฐานเอาไว้สูงมาก รวมถึงInception ที่สร้างความคาดหวังต่อตัวโนแลนด์ให้เพิ่มขึ้นอีก ฉะนั้น The Dark Knight Rises (ต่อไปนี้จะขอเรียกว่า TDKR) จึงเป็นความควาดหวังของหลายๆคนรวมถึงผมด้วย หลังจากที่หนังออกฉายก็พอสรุปได้ว่าหนังจะไม่เป็นที่พอใจนัก(เข้าข่ายผิดหวัง) สำหรับแฟนๆหนังของโนแลนด์ แต่สำหรับแฟนๆของไตรภาคBatman ชิ้นนี้ หรือแฟนคอมมิค Batman นี้ถือเป็นงานปิดไตรภาคที่ ยอดเยี่ยม เอามากๆ







TDKR จะไม่ใช่หนังอาชญากรรมหักเหลี่ยมเฉือนคมแบบภาคที่แล้ว (ซึ่งใครหวังตรงนี้ขอแสดงความเสียใจด้วย) แต่หนังได้กลับไปสู่เรื่องเล่าที่ภาคแรกเล่าไว้ไม่จบคือ ปัญหาในตัวของบรู๊ซ เวย์น ซึ่งในภาคที่แล้วจะไม่ค่อยเน้นจุดนี้เท่าไรนัก ซึ่งหนังก็ได้พาเราไปร่วมแก้ปมตัวละครตัวนี้ได้อย่างดี ทำให้รารู้สึกรัก สงสาร อยากที่จะปลอบตัวของบรู๊ซ เวย์น ต่อสิ่งที่เค้าเจอมาโดยตลอด ก่อนที่หนังจะนำพาเราไปสู่บทสรุปอันน่าประทับใจ และเป็นการปิดไตรภาคที่สมบูรณ์เรื่องนึง ตรงจุดนี้อยากจะบอกว่าควรจะดู Batman Begin และ The Dark Knight มาก่อน เพื่อรู้เรื่องราวความเป็นมาของตัวละครและเชื่อมเรื่องราวด้วยกัน เพราะถ้าไม่ได้ดู2ภาคแรกมาก่อน เราจะไม่เข้าใจความน่าประทับใจของ TDKR เลยแน่นอน



จุดที่ขอชมอีกเรื่องคือการแบ่งปันบทตัวละคร จากตอนแรกที่สงสัยเอามากๆว่าหนังจะสามารถแบ่งบทตัวละครที่มีเยอะขนาดนี้ให้ลงตัวได้อย่างไร ปรากฏหนังสามารถทำได้บทบาทของตัวละครแต่ละคนถูกใส่มาล้วนมีความสำคัญของเรื่องราวไม่ได้ดูเปนตัวละครที่ใส่มาแล้วเลอะเทอะ ไม่มีประโยชน์กับหนัง อย่างแอน ฮาธเวย์ ที่สามารถเล่นเป็นเซลีน่า ไคล์ ได้ดูดีและไม่ยึดติดกับเวอร์ชั่นของทิมเบอร์ตัน หรือตัวละครใหม่อย่างเจ้าหน้าที่เบลคที่ดูแล้วอยากเอาใจช่วยตัวละครและเห็นการเติบโตทางความคิดบางอย่างในเรื่องด้วย สำหรับตัวละครที่ผมยกให้กับภาคนี้คืออัลเฟรด ไมเคิลเครนภาคนี้สามารถแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมกว่าภาคเก่าๆ หลายๆฉากคุณจะเข้าใจความรู้สึกของตัวละครตัวนี้จากเรื่องที่ผ่านๆมาได้เลย แต่ตัวละครที่น่าเสียดายจริงๆคือ เบน ตัวร้ายหลักของเรื่องที่ช่วงต้นเป็นตัวละครที่น่ากลัว น่าขนลุกกับแผนการ แต่พอหลังๆนั้นดูแผ่วพลังความน่าเกรงขามลงไปเยอะมาก ทำเอาบางทีรู้สึกสะดุดกับอารมณ์หนังจุดนี้ได้เหมือนกัน



และก็น่าแปลกใจมากที่เรื่องนี้นับเป็นหนังเรื่องแรกของโนแลนด์ที่มีจุดบกพร่องเรื่องของบทเห็นได้ชัดเจนมากหลายจุด บางจุดที่น่าสงสัย บางจุดที่ดูแล้วไม่น่าเชื่อถือเท่าไร หรือบางจุดที่ไม่ได้บอกที่มาที่ไป หลานๆฉากของหนังอยากให้รู้สึกยาวกว่านี้เพิ่อไอ้ความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง ถูกขยี้หัวใจจนสลายให้มันแรงกว่านี้อย่างที่ภาคที่แล้วสามารถทำได้ และช่วงแรกๆของหนังที่รู้สึกค่อนข้างน่าเบื่อ ซึ่งหลายจุดพวกนี้ชวนให้รู้สึกตะขิดตะขวงใจแม้ว่าหนังจะปิดฉากไปแล้ว แต่ว่าเมื่อมองถึงความประทับใจแล้ว ข้อเสียพวกนี้ก็ดูจะเป็นเรื่องเล็กน้อย







แต่สิ่งที่ดูจะจัดเต็มมากๆ มากซะยิ่งกว่าภาคที่แล้วคือ ฉากแอ็คชั่น ที่ดูทั้งยิ่งใหญ่ สนุก และจัดเต็มเอามากๆ โดยเฉพาะหนังในช่วง40นาทีสุดท้าย ที่ทั้งมันส์ ตื่นเต้น ระทึก หักมุม อารมณ์ทั้งหมดถูกผสมในช่วงเวลาตอนท้ายของหนังชนิดไม่ต้องพักหายใจหายคอกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะฉากที่เราไม่ได้เห็นในภาคที่แล้วอย่างการดวลตัวต่อตัวระหว่างแบทแมนกับตัวรายที่ทำออกมาได้ดีเอามากๆ (แก้ไขจากภาคBegin ที่ดูแทบไม่รู้เรื่อง) หรืออย่างฉากขับยานที่ทำมาได้สนุกและที่น่าทึ่งคือหลายๆฉากแอ็คชั่นนั้นไม่ได้ใช้ CG ในการทำ ส่งผลให้ตกตะลึงกับฉากต่างๆในหนังได้มากขึ้นด้วย ผมกล้าพูดได้ว่าถ้าในแง่ของฉากแอ็คชั่นภาคนี้ถือเป็นภาคที่ทำฉากแอ็คขชั่นได้ดีที่สุดแล้ว รวมถึงดนตรีประกอบที่หลายฉากในภาคนี้ล้วนชวนให้ฮึกเหิมไปได้กับหนังอย่างจริงจังสุดๆ ยังคงต้องชมควสามสามารถของ Hans Zimmer ที่ความสามารถยังไม่ได้ดรอปลงแม้แต่นิดเดียว



อีกอย่างที่อยากแนะนำ ใครที่สามารถไปดูIMAX ได้ผมขอแนะนำครับ เสพอารมณ์ภาพของหนังได้อย่างเต็มที่ แบบว่าหนังใช้คุณภาพกล้อง IMAX ได้ดีมาก หลายๆฉากออกมายิ่งใหญ่ตระการตาอย่างมาก แนะนำว่าคุ้มจริงจังครับผม แต่ต้องระวังเรื่องซับไตเติลที่ค่อนข้างจางและเห็นยากในบางฉากที่มีความสว่างสูง



ผมอาจเขียนน้อยไปนิดกับหนังเรื่องนี้ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะมันยากมากที่จะเขียนโดยไม่ Spoil เนื้อหาหนัง เพราะว่าพูดกันจริงๆหนังภาคนี้ทำยังไงก็ได้ให้ “รู้น้อยที่สุด” เพราะหลายๆอย่างอยากให้ไปเจอเองในหนังอารมณ์มันจะรู้สึกว่า ยอดเยี่ยม กว่าเยอะ และสร้างความตื่นเต้นได้มากกว่า ยังไงตรงนี้ต้องขออภัย แต่ผมเขียนมาก็เพื่อสำหรับคนที่ยังไม่ได้ดูด้วยน่ะครับผม







สรุป : หนังอาจจะน่าผิดหวังไปบ้างสำหรับแฟนหนังโนแลนด์ หรือ คนที่หวังเอาไว้สูงจากคุณภาพของภาค2 แต่ว่าส่วนตัวแล้วผมถูกใจและชอบกับภาคนี้ มันทำหน้าที่ในการปิดไตรภาคได้อย่างสมบูรณ์แบบและน่าประทับใจ บทที่อาจจะดูแปลกๆในหลายจุดแต่ยังคงแน่นไปด้วยคุณภาพ ฉากแอ็คชั่นที่ตระการตาและสนุกมาก ตัวละครที่ล้วนมีความน่าจดจำ องค์ประกอบเหล่านี้มันเพียงพอที่จะทำให้ The Dark Knight Rises ควรค่าแก่การเป็นภาคปิดตำนานแบทแมนของโนแลนด์ ครับผม



จุดที่ชอบ

+ปิดไตรภาคได้อย่างงดงามและน่าจดจำ

+ปมของบรู๊ซ เวย์น ถูกนำเสนอได้อย่างดี และคลี่คลายได้แบบไม่มีอะไรค้างคา

+ฉากแอ็คชั่นที่สนุก ระทึกใจ

+ตัวละครมีน้ำหนักและน่าจดจำ แบ่งบทออกมาได้ดี

+การแสดงของดาราโดยเฉพาะไมเคิล เครน

+ช่วง40นาทีสุดท้ายที่อัดแน่นไปด้วยความสนุกแบบถึงที่สุด



จุดที่ไม่ชอบ

- บทบางจุดขาดความน่าเชื่อถืออย่างไม่สมกับเป็นโนแลนด์

- ช่วงแรกของหนังค่อนข้างน่าเบื่อ

- ในช่วงท้ายตัวร้ายอย่างเบนขาดความน่าเกรงขามอย่างสิ้นเชิง

- หนังขาดซีนที่ชวนน่าจดจำ



เกรด : A+




แล้วเจอกันใหม่ครับ ลาล่ะ555
Miscellaneous

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา