แต่เมื่อผมได้ดูหนังเรื่องนี้จบ ผมกลับคิดถึงและเป็นห่วงกับอนาคตหนังแอ็คชั่นไทยทันที เพราะดูเหมือนในยุคหลังของหนังแอ็คชั่นไทยกำลังลืมหัวใจหลักจริงๆของหนังแอ็คชั่นไปแล้วมันคือเรื่องของ ความสนุกจากฉากแอ็คชั่น ไม่ใช่ความครีเอทจากฉากแอ็คชั่น The Raid เป็นตัวตอกย้ำชัดเจนจากประเทศที่ No Name เรื่องวงการหนังมานานว่าฉากแอ็คชั่นไม่จำเป็นต้องครีเอท ไม่จำเป็นต้อง 1 เดียวในโลก หากแต่ใช้ความเบสิคของมันถ่ายทอดออกมาให้มันสนุกจนผู้ชมติดตามเองมากกว่า เช่นที่ไทยเคยทำได้มาแล้วกับองค์บากภาคแรก แต่ในยุคหลังกลับกลายเป็นว่าพยายามจะครีเอทฉากแอ็คชั่นให้มันดูแปลกใหม่แต่ขาดความสนุก ต้องการจะให้ใส่ความเป็นไทยลงไปมากๆส่งผลให้เกิดความเบื่อหน่าย ทั้งที่ The Raid แทบจะไม่ต้องมีอะไรที่แสดงถึงความเป็นประเทศอินโดนิเซียนอกจากภาษา แต่เค้าสามารถผลิตหนังออกมาได้ขนาดนี้ ผมห่วงจริงๆว่าถ้าหนังแอ็คชั่นไทยยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี หันไปจับหัวใจสำคัญจริงๆของหนังแอ็คชั่น หนังกลุ่มนี้อาจจะจากเราไปเร็วกว่าที่คิด
สรุป : ไม่ใช่คำกล่าวอ้างเกินจริงเลยสำหรับสำนักวิจารณ์ต่างประเทศที่ต่างยกย่องความสนุกของ The Raid หนังที่อุดมไปด้วยฉากแอ็คชั่นที่ทั้งมันส์ ทั้งดิบ ผสมกับความตื่นเต้นระทึกขวัญเข้าไปได้อย่างลงตัว หนังมีกลิ่นอายของหนังแอ็คชั่นแนว Martial Art ผสมผสานไปกับ Die Hard ได้ดี แม้ด้านบทจะยังเป็นจุดอ่อนใหญ่ของหนัง แต่ในเมื่อความสนุกที่ประเคนมาให้ขนาดนี้ ข้อเสียเรื่องบทจะหายไปจากหัวและจดจ้องกับฉากแอ็คชั่นที่ประเคนอย่างบ้าคลั่งแทน คอหนังแอ็คชั่นห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
จุดที่ชอบ
+ฉากแอ็คชั่นสุดมันส์ สนุก
+ความตื่นเต้นระทึกขวัญที่ชวนลุ้นในหลายๆฉาก
+พระเอกหนังฝีมือดี น่าจับตามองและลุ้นเชียร์
+ความดิบของหนังที่จัดเต็มเพิ่มดีกรีความสนุก
จุดที่ไม่ชอบ
-บทค่อนข้างอ่อน ขาดเหตุผลและไม่กระจ่างในหลายๆจุด
เกรด : A
หนังเริ่มฉายวันที่ 16 สิงหาในเครือ APEX (ลิโด้ สกาล่า) และวันที่ 28 สิงหาที่ SF World ครับผม ส่วนอีกเส้นทางของดบอกนะครับ บอกแค่ว่าปล่อยกันมาราว2-3 เดือนแล้ว