Square Enix เผย RPG ตัวใหม่ The Last Remnant

Game Informer via Silicon Era

Square Enix รู้ซึ้งเรื่อง RPG ไม่มีบริษัทใดในวงการเกมที่จะเลื่องชื่อในแนวเกมหนึ่งๆได้เท่า พวกเขามีผลงานเป็นสองแฟรนไชส์เกม RPG ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก Final Fantasy และ Dragon Quest ผู้คนต่างเคยได้เล่นซีรี่ส์นี้มาแล้วตั้งแต่สมัย 8-Bit เหล่าแฟนเกมแนว RPG ต่างพากันนิยมชมชอบ Square Enix (ย่อ SE) ด้วยการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ ตัวละครที่ยากจะลืมเลือน และช่วงเวลาที่ตื่นตะลึง ถึงในช่วงหลัง SE อุทิศตัวให้กับการทำใหม่ของผลงานที่ประสบความสำเร็จในอดีต แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่ได้คิดทำสิ่งใหม่ๆ ในปีหน้า เหล่าแฟนเกม RPG จะได้พบกับ The Last Remnant เกมใหม่ที่มีทั้งฉากตระการตา และฉากการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้น พร้อมทั้งรายละเอียดปลีกย่อยที่จะทำให้เกิดคำจำกัดความใหม่ของเกมแนว RPG



นอกจากการที่ The Last Remnant (ย่อ TLR) จะเป็นแฟรนไชส์ใหม่ของ SE แล้ว เกมนี้ยังเป็นการฉีกประเพณีเดิมที่เกมจะออกในเวอร์ชั่นญี่ปุ่นก่อน แล้วตามด้วยเวอร์ชั่นอเมริกาเหนือในภายหลัง (FF12 นั้นใช้เวลาถึง 7 เดือน) TLR มีกำหนดออกพร้อมกันทั้งในอเมริกาและญี่ปุ่น "ในช่วงการคิดคอนเซ็ปต์ของโครงการนี้ เรานึกถึงตลาดโลก โดยเราเน้นไปทางอเมริกาเหนือเป็นพิเศษ" โปรดิวเซอร์ Hiroshi Takai กล่าว



ด้วยการให้ความสำคัญนี้ ผลลัพธ์ก็คือตัวละครเด่นสองตัวที่ทำขึ้นมาเอาใจนักเล่นเกมจากทั้งสองฝั่งทวีป นักเล่นเกมชาวญี่ปุ่นจะชื่นชอบ Rush Sykes นักดาบวัย 18 ผู้กระตือรือร้น ในขณะที่นักเล่นเกมชาวอเมริกันจะพอใจกับบุรุษลึกลับผู้ถูกขนานนามว่า The Conqueror ที่มีอายุมากกว่าและช่ำชองการรบ เขาแทบจะไม่มีอะไรเหมือน Rush เลย อย่างไรก็ตามเกมนี้จะมีเนื้อหาที่เหมือนกันทั้งสองเวอร์ชั่น (ทั้งญี่ปุ่นและอเมริกาเหนือ) คือมี Rush เป็นตัวเอกหลัก



"Rush เป็นตัวเอกของเกม" Takai เผย "เขาถูกออกแบบตามแบบฉบับของเกม RPG ของ Square Enix แต่มุมมองของผู้เล่นที่มีต่อเขาคงจะเปลี่ยนไปเมื่อเล่นไปเรื่อยๆ คุณหวังไว้ได้เลยว่าจะมีจุดหักมุมหลายๆจุดที่เกี่ยวกับเขา" ถึงแม้ Rush จะเป็นตัวเริ่ม แต่เขาจะค่อยๆเผยความเกี่ยวพันกับ The Conqueror และนั่นเป็นจุดที่เสริมบทบาทของ The Conqueror "The Conqueror เป็นประเภทวีรบุรุษด้านมืด ซึ่งเป็นครั้งแรกของเกม RPG ของ SE" Takai เผย "อย่างที่เห็นจากเครื่องแต่งกายของเขา ฉาบสีแดงด้วยเลือด (เดิมสีขาว) ความโหดร้ายที่เขาเก็บงำไว้จะมีผลอย่างมากต่อเนื้อเรื่องโดยรวม"



ถึงแม้เรื่องราวจะนำไปสู่ด้านมืด ผู้เล่นจะยังคงเริ่มเกมตามแบบฉบับที่คุ้นเคย การผจญภัยเริ่มขึ้นบนเกาะไกลผู้คนที่ถูกเรียกว่า "Eulam" เกาะที่ Rush และน้องสาวของเขา Irina ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข สิ่งต่างๆเริ่มเปลี่ยนเมื่อ Irina โดนลักพาตัวโดยองค์กรลึกลับ และ Rush พบว่าตัวเขาได้เข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งที่กำลังลุกลามไปทั่วโลก โดยมีโบราณวัตถุทรงพลังที่ถูกเรียกว่า "Remnant" เกี่ยวข้องด้วย



ดังที่แฝงไว้ในชื่อเกม เหล่า Remnant จะมีบทบาทสำคัญต่อทุกองค์ประกอบในโลก อย่างไรก็ตาม มันเจาะจงได้ลำบาก Remnant นั้นมีขนาดและรูปร่างแตกต่างกันออกไป มันสามารถอยู่ในรูปของเครื่องจักร สัตว์ หรืออาวุธ ก็ได้ "มนุษย์นั้นพบกับ Remnant ครั้งแรก 1,000 ปีที่แล้ว" ยกตัวอย่าง Remnant อันหนึ่งที่เรียกว่า Valeria Heart เป็นดาบที่มีขนาดเท่าภูเขาเล็กๆ มันอยู่ท่ามกลางหมู่บ้าน Athlum ที่ถูกสร้างขึ้นมารายล้อมเพราะอิทธิฤทธิ์ของมัน Valeria Heart นำมาซึ่งขวัญและกำลังใจแก่ผู้ที่อยู่ใกล้ พร้อมทั้งยังให้น้ำเพื่อใช้สอย Remnant อื่นๆก็เช่นเดียวกัน จะมีอิทธิฤทธิ์ที่เป็นเอกลักษณ์ และบางอย่างก็ยังเป็นความลับหรือไม่ก็ไม่มีใครเข้าใจ



ในทางที่ต่างกันออกไปกับอนุสรณ์สถาน Valeria Heart เราได้เห็นภาพ Remnant อีกอันหนึ่งที่มีพลังในเชิงรุก ในการสู้รบ ปืนใหญ่ขนาดยักษ์ได้ถูกติดตั้ง มันถูกควบคุมโดยตัวละครที่ไม่มีการเผยชื่อ หนุ่มผู้นี้ใส่แว่นที่เป็นจักรกล กดปุ่มควบคุมเพื่อยิงปืนใหญ่นี้ออกไปสู่สมรภูมิด้วยสุดยอดพลังทำลายล้าง



เพราะพลังอำนาจและความหายาก Remnant จึงเป็นสิ่งล้ำค่าที่ไม่สามารถถูกตีเป็นราคาได้ ไม่ทุกคนที่จะหามันมาไว้ใช้รบ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องพึ่งพาดาบและคาถาในการโจมตี "ดาบและคาถาเป็นอาวุธพื้นฐานในโลกแห่งนี้" Takai กล่าว "อย่างไรก็ตาม Remnant ก็ยังถือว่าเป็นเทคโนโลยีลึกลับที่ไม่มีใครจะอธิบายได้ ตอนนี้เราไม่สามารถบอกได้ว่ามันคือเครื่องจักร, สิ่งก่อสร้าง หรือสิ่งมีชีวิต"



ถึงแม้เราจะจำแนกแจกแจงเกี่ยวกับ Remnant ไม่ได้ เรารู้ว่าผู้คนจะหามันมาได้อย่างยากเย็น The Conqueror ก็เหมือนกัน เป้าหมายของเขาคือสะสมให้ได้มากที่สุด แม้เราจะยังไม่ทราบว่าเอาไปเพื่ออะไร เกมนั้นจะเริ่มด้วยการแย่งชิง Remnant และมักจบลงด้วยเลือด แน่นอนว่าการสู้รบนั้นจะไม่จำกัดอยู่ในแค่ cutscene หรือฉาก event ฉากสู้รบในเกมนั้นมุ่งประเด็นไปที่การมีส่วนร่วม



ในแบบฉบับของเกม RPG ญี่ปุ่น ระบบ turn base (กระทำเมื่อถึงเวลาที่กำหนด) นั้นเป็นแค่การกดแล้วมองดูผลลัพธ์ แต่ในเกมนี้คุณจะมีส่วนร่วมด้วยการกดปุ่มให้ถูกจังหวะที่กำหนดระหว่างโจมตีคู่ต่อสู้ จะเกิด critical hit เมื่อกดได้ดี แต่พลังทำลายจะลดลงเมื่อกดพลาด



Rush จะเป็นหนึ่งในทหารที่คุณจะเลือกมาจัดเป็น Union หนึ่ง Union มี 5 คน สามารถมีได้หลาย Union ถึงแม้จะรวมกันเป็นกลุ่ม แต่ความสามารถเฉพาะตัวนั้นมีผล ผลที่ได้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย "คำสั่งที่ปรากฎจะขึ้นอยู่กับความหลากหลายของสมาชิกใน Union, เป้าหมาย, และขวัญกำลังใจ (morale) ผู้เล่นจะตัดสินใจโดยมีพื้นฐานจากสิ่งเหล่านี้" Takai กล่าว



morale ที่ Takai กล่าวถึงนี้เป็นปัจจัยสำคัญอีกอย่างในการสู้รบด้วย มันอยู่ในรูปแบบของมิเตอร์ด้านบนของจอ มันผันแปรไปเรื่อยๆตลอดการสู้รบ ทำให้เกิดผลลัพธ์หลายๆอย่าง "ถ้า morale ต่ำ ตัวละครก็ไม่มีแรง ดังนั้นผู้เล่นต้องปรับปรุงแผนการเล่นและคำสั่งไปเรื่อยๆ ไม่งั้นการสู้รบก็จะยากยิ่งขึ้นไปอีก" Takai เตือน เราได้เห็นตัวอย่างนี้แล้ว กองทหารสองฝ่ายเผชิญหน้ากันที่กลางทุ่ง เมื่ออีกฝ่ายเจอคนมากกว่าก็เริ่มเสียขวัญ แต่แล้วฝ่ายคนน้อยก็อัญเชิญอสูรบินออกมา อีกฝ่ายที่มีคนมากกว่าก็เสียขวัญ มิเตอร์ morale ลดฮวบ จากนั้น Rush ก็โผล่เข้ามาช่วย โดยการเรียกยักษ์ออกมา ทำให้ค่า morale กลับขึ้นมาใหม่ ทุกคนคงจะเห็นภาพการต่อสู้บ้างแล้ว และคุณจะได้เห็นมากถึง 70 ยูนิตสู้กันบนสมรภูมิในคราวเดียว บนเกมของจริง



การรบกันใน TLR นั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่การรบเพื่อให้แค่ชนะศึกเท่านั้น เพื่อป้องกันความน่าเบื่อแบบเกมวางแผนการรบที่เล่นไปเพื่อแค่เก็บเลเวล มีการเตรียมการเรื่องนี้ไว้แล้ว "จุดประสงค์หลักของเราคือการสร้างประสบการณ์การเล่นที่ผู้เล่นได้สนุกไปกับการต่อสู้ ไม่ใช่แค่คิดว่าเป็นการเก็บเลเวล" Takai ยืนยัน "เรื่องราวนั้นถูกประพันธ์มาเพื่อที่จะให้ผู้เล่นได้ลุ้นไปด้วย เราได้เตรียม quest สั้นๆไว้อย่างมากมาย อย่างไรก็ตาม จุดหลักของเกมยังคงเป็นการสู้รบในสมรภูมิ"



ถึวแม้เกมจะดีแค่ไหน แต่สิ่งแรกคือการเข้าถึงลูกค้าให้ได้ก่อน เป็นที่รู้กันว่า SE นั้นทำเกมเดียวให้เครื่องเกมเดียวมาตลอด แต่ TLR กำลังจะทำลายประเพณีนั้น "เราตัดสินใจที่จะทำลงหลายเครื่อง หลังจากวิจัยสัดส่วนของการเป็นเจ้าของของเครื่องเกมทั่วโลกและตลาดโดยรวมแล้ว" Takai กล่าว แต่มันยังมีมากกว่าเรื่องตัวเลข "ในฐานะนักพัฒนา เราอยากให้มีคนเล่นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเราเชื่อมั่นว่าเราสามารถสร้าง RPG ที่เพียบพร้อมแล้วในทุกด้านได้ในตอนนี้" ถึงแม้จะมีข้อผูกมัดที่ทำให้ SE ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเกมนี้จะลงเครื่องเกมใดบ้าง แต่เมื่อลองพิจารณาแล้ว กราฟิกนั้นซับซ้อนเกินไปสำหรับเครื่อง Wii ดังนั้นคำตอบนั้นคงจะเป็น PlayStation 3 และ Xbox 360



ปฏิเสธไม่ได้ว่า TLR นั้นเป็นโครงการที่ท้าท้ายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่, เป้าหมายระดับโลก หรือการลงหลายเครื่อง ยังมีสิ่งที่ท้าทายรออยู่ในการพัฒนาจนถึงปีหน้า ถึงแม้จะมีเรื่องเหล่านี้รออยู่ สิ่งที่ Takai สนใจมากที่สุดคือการทำให้ TLR ดีสมกับที่มันควรจะเป็นแด่แฟนๆ RPG "สิ่งที่ท้าทายมากที่สุดก็คือ ทำ RPG คุณภาพให้สมกับที่แฟนๆของ SE ได้ตั้งความหวังไว้ ในขณะที่ทำให้มันมีเอกลักษณ์ของมันเอง" เขาบอก "เราพยายามสร้างสุดยอดประสบการณ์ RPG ด้วยการผสมเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่กับระบบการต่อสู้ที่ล้ำสมัย" เมื่อนั่นเป็นคำพูดของบริษัทที่เป็นเจ้าแห่งเกมประเภทนี้อยู่แล้ว เราเชื่อได้เลยว่ามันมีความหมายจริงๆ





ในโลกของ The Last Remnant นั้น จะมี 4 เผ่าพันธุ์ที่แตกต่างทั้งลักษณะและทักษะ



Mitra: ไม่ใช่ Mithra ซึ่งเป็นเผ่ามนุษย์แมวใน Final Fantasy XI แต่ Mitra เป็นมนุษย์ธรรมดา เป็นเผ่าที่มีจำนวนเยอะที่สุดในโลก



Yama: มีรูปร่างเป็นปลาตัวใหญ่ Yama มีพลังมหาศาล ด้วยพลังเช่นนี้ ทำให้อาวุธบางชนิดนั้นสามารถใช้ได้กับเผ่านี้เท่านั้น



Qsiti: กิ้งก่าเล็กๆที่เหมือนมนุษย์ เชี่ยวชาญเวทย์มนตร์เป็นพิเศษ กระตือรือร้น พบเห็นได้ทั่วไปตามหมู่บ้าน



Sovanni: มีสี่แขนและเหมือนแมว ดังนั้น Sovanni จึงถืออาวุธได้หลายชิ้นและเก่งในการสู้รบ พวกเขาเป็นเผ่าที่หาได้ยากที่สุด



มันเริ่มแล้ว



ไม่กี่เดือนที่แล้ว Square Enix ประกาศได้ลิขสิทธิ์ Unreal Engine 3 เพื่อใช้ในเกมในอนาคต ตอนนี้เป็นที่กระจ่างแล้วว่า The Last Remnant จะเป็นเกมแรกที่เราจะได้เห็นใช้เทคโนโลยีนี้ Square Enix นั้นเชี่ยวชาญเรื่อง visual อยู่แล้ว แต่จากปากของ Takai มันยังมีข้อดีอื่นอีกในการใช้ Unreal "ผมว่ามันเห็นได้จาก screenshot ที่เราปล่อยออกไป" เขาหัวเราะ "ช่วงเวลาระหว่างการเริ่มพัฒนาและการเห็นกราฟิกบนจอนั้นมันเร็วจริงๆ เราสามารถวาดและทดสอบได้ทันทีแม้เป็นเพียงแค่ช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาเท่านั้น"



สนุกกับการแสดง



สำหรับเกมที่มุ่งเป้าไปที่เนื้อเรื่องและการสู้รบที่ยิ่งใหญ่ ไม่ต้องแปลกใจเลยว่า SE จะพยายามทำให้ฉากเหตุการณ์ต่างๆนั้นตระการตาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผู้ที่รับหน้าที่นี้คือผู้กำกับ real-time movie นาย Kouzi Kobayashi ผู้ฝากผลงานไว้กับ movie ฉากเปิด ฉากจบ และ event ของเกม Final Fantasy VII และ VIII และยังมีผลงานที่ไม่เกี่ยวกับเกมอย่างเช่น The Spirits Within และ Final Flight of the Osiris (จาก Animatrix) รับประกันว่าฉากในเกมนี้จะต้องเป็นที่จดจำ