+++++ ประวัติวันคริสต์มาส + ประวัติซานต้าครอสอ่ะ ขอรับ +++++
วันคริสต์มาสใกล้เข้าแล้ว บรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี บ้านช่องร้านค้าต่างก็ติดไฟกันอย่าง
สว่างไสว ต้นคริสต์มาสเริ่มทะยอยติดตั้งประดับประดาไปด้วยสิ่งสวยงามและของขวัญตามบ้านและสถาน
ที่ต่างๆ เสียงเพลงก็เริ่มดั่งกระหึ่มไปทั่วผ่านสื่อต่างๆและร้านค้าก็เริ่มคึกคักเต็มไปด้วยผู้คนจับจ่ายซื้อ
ของขวัญให้กันและกัน แถมอากาศก็เป็นใจลมหนาวเริ่มเข้ามา หิมะมีให้เห็นตามที่ต่างๆ .......นี่แหละ บรรยากาศแห่งความรักความสว่างที่เข้ามาในโลกนี้
วันคริสต์มาสนั้นเริ่มแรกมาจากภาษาลาตินสองคำ คือคำว่า Christ และ missa(mass) หมายถึงการ เฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซูคริสต์ ในครั้งนั้นกรุงโรมหรือชาวโรมันซึ่งอยู่ในราว ในศตวรรษที่สอง เริ่มรับเอาศาสนาคริสต์เข้ามาเป็นศาสนาประจำชาติ ดังนั้นจึงมีการฉลองรื่นเริงเพื่อต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ
ิด้วย ซึ่งตรงกับวันที่ 17-19 ธันวาคมของทุกปี มีการเลี้ยงเต้นรำกันอย่างสนุกสนานตามประเพณีใน
สมัยนั้น เป็นเรื่องมหัศจรรย์เรื่องหนึ่งซึ่งครั้งแรกนั้นมหาจักรพรรดิ์โรมัน ชาติมหาอำนาจที่สุดของโลก
ในเวลานั้น ครั้งหนึ่งเคยข่มแหงชาวอิสราเอล ขนาดยอมให้กษัตรย์เฮโรดผู้สั่งประหารทารกไร้เดียงสา
จำนวนมากในเมืองเบธเลเฮม และสั่งประหารชีวิตพระเยซูอย่างโหดเหี้ยมทารุณที่สุดโดยตรึงบนไม้
กางเขน แต่ตอนหลังกลับมาสยบต่อ พระคริสต์ซึ่งเป็น “มหาจักรพรรดิแห่งจิตวิญญาณ”อย่างสิ้นเชิง
ต่อมาก็มี บิชอปเทเรสโฟรัสแห่งกรุงโรม ได้กำหนดให้วันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันเฉลิมฉลอง การประสูติ ิของพระเยซูคริสต์เป็นครั้งแรกในปีค.ศ. 129 โดยได้มีวิธีทำ มิชา ( Missa)หรือ Massในโบสถ์ และ
เรียกพิธีนี้ว่า Christ-Mass โดยประกาศไปยังแคว้นต่างๆในจักรวรรดิ์โรมันอันกว้างใหญ่ไพศาล ให้คน
ในปกครองของโรมัน ถือปฎิบัติโดยทั่วกัน ต่อมาคำว่า Christ-Mass ได้กลายมาเป็น Christmass หรือ
คริสต์มาส จนถึงปัจจุบันนี้
ในคืนวันประสูตินั้น มีทูตสวรรค์จากฟ้าลงมาร้องเพลงอวยพร ตามธรรมเนียมของยิวโบราณ เมื่อมีทารก
เกิดใหม่ในหมู่บ้าน บรรดานักร้องนักดนตรีซึ่งเป็นเพื่อนบ้านจะมาชุมนุมกันร้องเพลง ขับกล่อมอวยพร แก่ทารกและแสดงความยินดีกับครอบครัวของเขา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับยิวในธรรมเนียมปฎิบัติ
ิเช่นนี้ แต่ที่พิเศษคือผู้มาร้องเพลงขับกล่อมพระกุมารนั้นมิใช่มนุษย์ธรรมดา แต่เป็นทูตสวรรค์ จึงเกิด ธรรมเนียมร้องเพลงประสานเสียง (Christmas Carols)และการร้องเพลงอวยพรตามบ้าน (Carolling)
การที่นักปราชญ์สามคนจากทิศตะวันออก ติดตามดาวประหลาดมา และถวายบรรณาธิการแก่พระกุมาร
ด้วย ทองคำ กำยาน และมดยอบ จึงเป็นธรรมเนียมการมอบของขวัญวันคริสต์มาสให้แก่กัน ดังนั้น เทศกาลคริสต์มาสจึงเป็นเทศกาลแห่งการให้ โดยไม่เลือกฐานะยากดีมีจนและชนชั้นแต่ประการใด
(บรรณานุกรม Joy to the world โดย ถนอม ปินตา)
“นางจะให้กำเนิดบุตรชาย จงตั้งชื่อกุมารนั้นว่า ‘ เยซู ’ เพราะว่าพระองค์จะทรงช่วยประชากรของพระองค์ให้พ้นจากความผิดบาปของเขา”
มัทธิว 1:21 ( IBS)
Credit : หนังสือพิมพ์ สยามมีเดีย ธันวาคม 13, 2002
โดย...ปีเตอร์ ปัญญาชน
ต่อด้วย : ประวัติความเป็นมาของซานตาครอส
ซานตาครอสอาศัยอยู่ในเขตประเทศ ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้คือ ประเทศตุรกีซึ่งไม่มีใครรู้เรื่อง ที่เกี่ยวกับเขามากนัก มีแต่เรื่องที่เขาได้ทำการ ช่วยเหลือแก่เด็ก ที่ต้องการความช่วยเหลือ หลังจากที่เขาตายได้หลายปีแล้ว ได้ยกย่องให้เป็นนักบุญ ซึ่งในเวลานั้น เขาเป็นนักบุญ ที่ให้ความ อุปถัมภ์ต่อเด็กๆ ในปัจจุบันนี้วันท ี่ท่านได้เสียชีวิตลงนั้น ถือว่าเป็นวันสำคัญ ของคนยุโรปบางประเทศ ซึ่งตรงกับวันที่ 6 ธันวาคม ซึ่งก่อนที่จะถึงวันที่ 6 ธันวาคม ของทุกๆปีเด็กๆ จะนำถุงเท้ามาห้อยไว้ และในตอนเช้า พวกเขาจะรีบไปดูว่า นักบุญนิโคลลัดนั้น ให้อะไรแก่เขา นักบุญนีโคลลัดนั้น จะไปยังเมืองต่างๆ เป็นผู้นำขบวนพาเหรด พูดคุยกับเด็กๆ และให้ของขวัญแก่เด็กๆ เขาจะ แต่งตัวเหมือน บาทหลวง ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่า จะต้องเป็นเสื้อสีแดง มีผ้าผูกเอวสีขาว และใส่หมวกที่ปลายแหลม
ปล.ถ้าเคยอ่านมาแล้วขออภัย ขอรับ
Miscellaneous