มาม่า สำหรับตนทียังไม่ได้อ่าน
มหากาพย์ มาม่า ตอนที่ 1
หาก ว่า...
ปิรามิด ในประเทศอียิปต์ และ หอเอนปิซ่า ของประเทศอิตาลี่ คือส่วนหนึ่งของสิ่งมหัศจรรย์ในโลก
"มาม่า" ของบริษัท สหพัฒนพิบูลย์ จำกัด ก็น่าจะจัดว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ของ โลกแห่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เช่นกัน
ไม่มีบะหมี่ยี่ห้อใด ในโลก ที่สามารถคิดค้นให้ได้รสชาติที่แตกต่างกัน
มากกว่า 30 รส และ แจกทองคำมูลค่า 1 ล้านบาท ฟรี ฟรี ให้กับผู้บริโภค
เป็นประจำทุกปี นอกเหนือจากการแถม ตะเกียบและส้อม ในมาม่าคัพ
มาม่า นอกจากจะเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร ที่รู้จักกันดีในประเทศแล้ว
ยังมีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่นิยมในต่างประเทศอีกด้วย
เห็นได้จากยอดจำหน่าย มาม่า รสลาบเป็ด ในแถบชายแดนไทย-กัมพูชา
และ รสปลาร้าทรงเครื่อง ที่ขายดีมากในแขวงสุวรรณเขต ประเทศลาว
มิสเตอร์ อะสุจิ คารูอึ หัวหน้าแผนกวิจัย ของบริษัทโซนี่ เคยพูดว่าเขายึดถือ
การพัฒนาของ มาม่า เป็นต้นแบบในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ อิเลคโทรนิค ทุกชนิดของโซนี่
เขารู้สึก ทึ่ง และศรัทธา ในความเป็นอัจฉริยะของเฮียเล้ง ผู้ริเริ่มผลิตมาม่า
อย่างยิ่ง และได้พยามยามลอกเลียนแผนการตลาด ของมาม่า มาโดยตลอด
ครั้งหนึ่ง บริษัทโซนี่ เคยแถมซองเครื่องปรุง และ น้ำพริกเผา ไปในกล่องบรรจุ
เครื่องเล่นDVD รุ่น ปิโต ปรากฎ ว่า ได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นอย่างมาก ยอดจำหน่ายสูงกว่า รุ่นใด ใด ที่โซนี่เคยผลิต
จนทำให้คู่แข่งสำคัญอย่าง Panasonic ต้องแก้เกมการตลาด ด้วยการแถม
กระเทียมเจียว ไปในกล่องบรรจุเครื่องรับโทรทัศน์ ลองดูบ้าง
แต่ไม่ได้ผลเท่าไหร่นัก เพราะคนญี่ปุ่นไม่นิยมบริโภคกระเทียม
จากการทดลอง ต้ม มาม่า ในบรรยากาศชั้น Maku ที่ไร้แรงโน้มถ่วงของโลก
นักบินอวกาศ พบว่า เส้นบะหมี่จะเหนียวนุ่มเป็นพิเศษ แต่การรับประทาน
จะลำบากเล็กน้อย เพราะเส้นมักจะกระเด็นเข้าตา และตะเกียบแต่ละข้าง
จะลอยไป ลอยมา ไม่ค่อยอยู่เป็นคู่
(( ต่อมา องค์การ นาซ่า ได้คิดค้น Space Chopsticks หรือ
ตะเกียบ อวกาศ เพื่อความสะดวกในการรับประทาน ของนักบิน ))
ส่วนผลที่ว่า มาม่า ทำให้นักบินอวกาศท้องอืดหรือไม่ อย่างไร ?? นั้น
ถูกปกปิด เพราะเป็นความลับของทางราชการ
นอกจากความมหัศจรรย์ระดับโลก ของ มาม่า แล้ว
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ มาม่า เป็นที่นิยมแพร่หลาย ก็คือ ความสะดวก ในการ
ปรุงเป็นอาหาร เพราะสามารถพร้อมรับประทานได้ ในเวลาเพียง 3 นาที
และการต้ม มาม่า ยังถือเป็นศาสตร์แขนงหนึ่ง
ทีมีทั้งศิลปะชั้นสูง และปรัชญาลึกล้ำ อันสะท้อนถึงแก่นแท้ของจิตใจ
แห่งมวลมนุษยชาติ อีกด้วย
ซึ่งจะได้นำมาเสนอ ในตอนต่อไป
พระคุณแม่ หนักเพี้ยง พสุธา
พระคุณมาม่า หนักกว่า ขุนเขา
สหพัฒน์ฯ ทำบะหมี่ ให้พวกเรา
อร่อยไม่เบา ขอให้เขา จงเจริญ...
มหากาพย์ มาม่า ตอนที่ 2
ดังที่ได้เคยกล่าวไว้ในตอนที่แล้ว ว่า
บะหมี่ กึ่งสำเร็จรูป มาม่า เป็นสินค้าบริโภค ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง
ทั่วทุกหัวระแหง ตั้งแต่อำเภอ ดอนหอยหลอด ไปถึง สยาม ดิสคัฟแฟรี่
จาก เซ็นเตอร์ พ๊อยท์ ถึง ตลาดน้ำดำเนินสะดวก
สาเหตุประการหนึ่ง เกิดจากแผนการตลาดอัน แยบยล ของเจ๊จู
น้องเมียของเฮีย เม้ง ผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท
เจ๊จู คือผู้คิดค้นแคมเปญ แจกทองคำ ให้กับลูกค้าของ มาม่า
ส่งผลให้ยอดขายสูงเป็นอันดับหนึ่งในประเทศ
ภายหลัง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้ออื่น อื่น จึงได้จัดรายการ ชิงโชคจากซองเปล่า
เลียนแบบบ้าง เช่น บะหมี่ยี่ห้อ ปู่เยี่ยวไหล ตราลูกอับ-ปรีย์
ของบริษัท "คริสติน่า การบะหมี่" เคยจัดรายการ ชิงโชคเปิดโลก มหัศจรรย์
โดยผู้โชคดีจะได้รับตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ประเทศปูปูย่า และร่วมรับประทาน อาหารค่ำ กับ ทายาทคนโต ของสุลต่าน ผู้เป็นประมุขประเทศปูปูปย่า (ว่าแตประเทศนี้มันอยู่ส่วนไหนของโลกล่ะเนี๊ย ใครรู้ช่วยโทรมาบอกด่วน ตามหมายเลขโทรศัพท์ที่ขึ้นอยู่ด้านล่างจอ เรามีรางวัลให้สำหรับผู้ที่ตอบถูก )
แต่ปรากฎ ว่า ไม่ได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไปมากนัก
เนื่องจาก ของรางวัลที่แจกนั้น ไม่ใช่ปัจจัยพื้นฐาน ในชีวิตประจำวัน
ประกอบกับ มีข่าวซุบซิบ ว่า ทายาทของสุลต่าน แห่งปูปูย่า หน้าจืด และ
กินข้าวมูม มาม ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจรายการชิงโชคอันนี้
ลูกค้าหลายคนยังบ่นอีกว่า ถ้าเปลี่ยนรางวัลเป็นการไปกินข้าวต้มรอบดึก
กับลูกชายคนเล็ก ของร้อยตำรวจเอกฉะหลูม อยู่บำเรอ น่าจะเร้าใจกว่า
ตำนาน การกำเนิดของ บะหมี่กึ่งสำเร็จ มาม่า
ยังคงคลุมเครือ เป็นที่กังขา ต่อผู้บริโภค มาจนถึงทุกวันนี้
ไม่มีใครสามารถระบุได้ว่า มาม่า มีต้นกำเนิดมาจากที่ใด ?? ตั้งแต่เมื่อไหร่ ??
เมื่อครั้งรัฐบาลจีนทำการขุดสุสาน จิ๋นซี ฮ่องเต้ ในมณฑล ซีอาน
ปรชาชนทั่วประเทศต้องตื่นตะลึง
เมื่อพบรูปปั้นขนาดเท่าตัวจริงของทหารโบราณกว่า สองพันตัว และ
รูปปั้นม้าศึก อีก นับร้อย รวมทั้งสิ่งของล้ำค่า มากมาย
แต่ที่สร้างความฉงน งง งวย ให้กับนักโบราณคดีชาวจีนเป็นอย่างมาก
ก็คือ ซากของเส้นบะหมี่ชนิดหนึ่ง ที่พบในตู้กับข้าวของ ฮองเต้
ในตอนแรก รัฐบาลจีนพยายามปกปิดเรื่องนี้ให้เป็นความลับสุดยอด
โดยแกล้งออกข่าว ว่า เป็นเส้นเฉาหมิ่น จาก ครัวหลวง ในราชสำนัก
ที่ฮองเต้ เสวยไม่หมด แต่เสียดายไม่อยากทิ้ง เลยเก็บไว้ในตู้กับข้าว
(( ปกติ ฮองเต้ เป็นคนมัธยัสถ์ ไม่ชอบทิ้งอาหารเหลือ ))
แต่ในที่สุด หลี จิ้ม ฮวด หัวหน้าฝ่ายโบราณคดี ก็ยอมรับต่อสื่อมวลชน ว่า
เส้นบะหมี่ที่ขุดพบนั้น แท้ที่จริง คือ มาม่า รสต้มโคล้ง ที่ฮองเต้โปรดปราน
ต้องเสวยก่อนบรรทม ทุกคืน
ในอดีตที่ผ่านมา
หลายประเทศต่างอ้างกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของต้นตำรับ มาม่า
และต้องการผูกขาดเป็นผู้ผลิต แต่เพียงผู้เดียว
หลายครั้ง ที่เกิดการกระทบกระทั่ง จนถึงขั้นใช้กำลังทางทหาร
ต่อสู้เพื่อแย่งชิงความเป็นเจ้าของ
สงครามชิงหมู่เกาะ ฟอล์คแลนด์ ระหว่างอังกฤษ และ อาร์เจนติน่า
เมื่อปี 1982
ดูเผิน เผิน อาจคล้ายการทำศึกเพื่อแย่งชิงผืนแผ่นดินที่ไร้เจ้าของ
แต่เหตุผลที่แท้จริงก็คือ ผืนดินบนเกาะฟอล์คแลนด์ เป็นพื้นที่ ที่เหมาะสม
ต่อการเพาะปลูกข้าวสาลี อันเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิต มาม่า
ที่ทั้งสองประเทศต่างต้องการเป็นเจ้าของ
กล่าวกันว่า หลังจากประเทศอาร์เจนติน่าแพ้สงครามในครั้งนั้น
ประชาชนทั้งประเทศต่างก็พร้อมใจกันเลิกรับประทาน มาม่า
แล้วหันมารับประทาน บะหมี่ กุ๊งกิ๊ง เพื่อเป็นการ ประชดชีวิต
ทุกวันนี้รัฐบาลอาร์เจนติน่า ระงับการออก วีซ่า เข้าประเทศ ให้กับ
หม่ำ จ๊กม๊ก ด้วยเหตุผลว่า เป็น 1 ในแก๊งค์ 3 ช่า ที่มีความเกี่ยวพันกับ
บะหมี่ มาม่า และยังขึ้นบัญชีดำ ปัญญา-มยุรา ไว้เป็นบุคคลต้องห้าม
อีกด้วย
เรื่องราวอันน่าพิศวง ของ มาม่า ยังมีอีกมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มีผู้พบเห็น มาม่า ลอยอยู่ในอากาศ คล้ายUFO
เรื่องลี้ลับชวนสยองขวัญของ ผีมาม่า คัพ (( ตระกูลเดียวกับ ผีถ้วยแก้ว ))
รวมทั้งโศกนาฐกรรมพื้นบ้าน เศร้าสะเทือนใจ อย่าง " มาม่าน้อยฆ่าแม่ "
มหากาพย์ ตอนที่ 3
" มาม่าน้อย ฆ่าแม่ " เป็นเรื่องจริงจาก เหตุการณ์ อันน่าเศร้าสลดใจ
เมื่อลูกชายวัยหนุ่ม ก่อเหตุสังหาร มารดา ของตนเองเนื่องจาก ความหิว
เพราะผู้เป็นแม่ นำมาม่าต้มโคล้ง ไปให้กินกลางท้องนา แต่ลืมนำตะเกียบติดตัวไปด้วย
จึงบันดาลโทสะ ทำร้ายร่างกายบุพการี ถึงแก่ความตาย
เรื่องราวของ มาม่าน้อยฆ่าแม่ ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ โดยบริษัท
Twenty Century Fox ภายใต้ชื่อเรื่อง ว่า " little MAMA killed mother "
ได้รับการยกย่องให้เป็น สุดยอดภาพยนตร์อมตะ อันดับ 2 ของโลก (( อันดับ 1 คือ บ้านผีปอบ ))
………………………………………………………………………………………………..
" ผมลองกินแล้ว มาม่า ต้มยำน้ำข้น เนี่ย
ของเค้าอร่อยจริง จริง กินแล้วดี มีวิสัยทัศน์ " ............ทักษิณ 3kแบตเตอร์รี่
“มาม่าเป็นอะไรที่แม่ปลื้ม.....จบ.... ............. จารุณี นางเอกตลอดกาล
" มัสหมั่น แกงแก้วตา หอมยี่หร่า รสร้อนแรง มาม่า ก็ไม่แพง แรงอยากให้ ใฝ่ฝันหา... " ......กาพย์เห่ ชมเครื่องในวัว
" เมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ มาม่า จะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน " ...........คำขวัญ ของ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งบังคลาเทศ
" ฉันตายโดยปราศจากคนที่ฉันรัก...
แต่ฉันก็ดีใจ ที่ได้กิน มาม่า รสหมูน้ำตก " ...............คุณหญิงkitty : ข้างหน้าภาพ
ขวัญเอย เจ้าจงหลับตา เดี๋ยวผีมาม่า จะมาหักคอ... ...........ตอนหนึ่ง ของเพลงกล่อมเด็ก
เป็นเรื่องน่าแปลก ที่ ชื่อของ มาม่า มักปรากฎอยู่ในหลักฐาน ทาง
ประวัติศาสตร์ที่สำคัญ , พงศาวดาร หรือ ในเทพนิยายของหลายประเทศ
เช่น สามก๊ก ตอน โจโฉ แอบ ต้มมาม่า ในครัว ของ เล่าปี่ , อัลลาดิน กับ
มาม่าวิเศษ หรือ แม้แต่ สโนว์ไวท์ กับ มาม่า ทั้ง 7
ในมหากาพย์ ซูปเปอร์ฮิตนิรันดร์กาล เรื่อง อีเลียด
ชาว กรีก ได้ออกอุบาย นำไม้มาก่อสร้างเป็นรูปซอง มาม่า ขนาดใหญ่
โดยมีทหารแอบซ่อนอยู่ภายใน แล้วนำไปไว้หน้าประตูเมือง ทรอย
เมื่อทหารชาวทรอย หลงกล นำมาม่าไม้นั้นเข้าไปในเมือง หวังจะต้มกินให้สมอุรา
ทหารกรีกที่หลบซ่อนอยู่ในมาม่าไม้นั้น ก็สบโอกาส
เปิดประตูเมืองให้ฝ่ายตนเองเข้ามาโจมตีเมืองทรอย จนได้รับชัยชนะในที่สุด
มหากาพย์บทนี้ เป็นที่รู้จักกันดีใน ชื่อ " มาม่าไม้ เมือง ทรอย "
จากข้อมูลของ องค์การบะหมี่สำเร็จโลก ที่มีสาขาใหญ่อยู่ที่
นิคมอุตสาหกรรมบางปู รายงาน ว่า
ในแต่ละวัน ประชากรทั่วโลก บริโภคบะหมี่สำเร็จรูป เป็นจำนวนถึง 1,600 ล้านซอง
กล่าวกัน ว่า
หาก นำเส้นบะหมี่ทั้งหมดมารวมกัน จะได้ความยาวเท่ากับ
ระยะทางจากโลก ไป ดาวอังคาร ถึง 68 รอบ และ ซองเปล่า
ทั้งหมด จะมีน้ำหนักทั้งรวมกันถึง 450 ตัน
ในจำนวนนี้ มาม่า เป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุด
รองลงมา คือ บะหมี่ยี่ห้อ " ไม่กินก็ช่าง " ของประเทศ อูกานดา
เมื่อไม่นานมานี้
กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศเตือนผู้บริโภค ถึง อันตราย
จากสารตกค้าง ในบะหมี่สำเร็จรูป เช่น โมโนโซเดียมกลูตาเมต
(( ผงชูรส )) และ สารอนุมูลอิสระ อันเกิดจากขั้นตอน ทอด อบ กรอบ
ซึ่งอาจมีอันตรายถึงชีวิต
แต่... ท่านทั้งหลาย ทราบไหม ว่า ปัจจุบัน มีสารเป็นพิษตกค้างใน
อยู่ในอาหารแทบทุกประเภท
ไม่ว่าจะเป็นอาหารราคาแพงอย่าง หูฉลามน้ำแดง , อุ้งเท้าหมีตุ๋นยาจีน
พูดง่าย ง่าย ก็คือ กินอะไรก็ตาย !!
ดังนั้น ท่านจะจ่ายแพงกว่าทำไม ?? (( มาม่า ซองละ 5 บาท เอง ))
มหากาพย์ มาม่า ตอนที่ 4
เมื่อไม่นานมานี้ ดร.บรรลัย คล่องตัดเศียรพระ
ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดี เปิดเผยว่า มีความเป็นได้ที่บะหมี่ มาม่า
จะมีกำเนิดในสมัยสุโขทัยตอนต้น หรือไม่งั้น แกก็มั่ว
เนื่องจากพิสูจน์ได้ว่า มีคราบของน้ำซุปมาม่า ปนเปื้อนอยู่ในชามสังคโลกที่ขุดพบ
ซึ่งสอดคล้องกับ บรรทึกในหลักศิลาจารึก ที่มีใจความตอนหนึ่ง ว่า
" สุโขทัยนี้ดี ในน้ำมีปลา ในนา มีข้าว
ใครใคร่ ค้าวัว ค้าควาย ค้า
ใครใคร่ ค้าช้าง ค้าม้า ค้า
ใครใคร่ กินมา ม่า อย่าช้า กินเลย... "
ข่าวลือที่ว่า มาม่า เป็นสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ต่างดาว ดูเหมือนจะเป็น
เรื่องตลก ขบขัน ไร้สาระ แก่ผู้คนทั่วไป
แต่กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ มิได้คิดเช่นนั้น...
พื้นที่กลางทะเลทรายร้อนระอุ ทางตอนเหนือของมลรัฐNevada
ถูกจำกัดเป็นเขตหวงห้ามภายใต้ชื่อ AREA 51
เป็นที่ทราบกันดี ว่า ที่นี่คือศูนย์วิจัยวัตถุลึกลับ จากนอกโลก (( UFO ))
ขั้นลับสุดยอด !!
แต่แท้ที่จริง ศูนย์วิจัยแห่งนี้ตั้งขึ้นมาเพื่อทำการวิจัย มาม่า โดยเฉพาะ
รัฐบาลสหรัฐฯปกปิดความจริง เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบ กระเทือน ต่อ
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อีกทั้งยังกลัวว่าประชาชนจะคัดค้าน
เนื่องจากเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล
ดังนั้น จึงพยายามสร้างข่าว จานบินลึกลับ และ มนุษย์ต่างดาว
เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ของประชาชน อยู่เนือง เนือง
มีข่าว ว่า กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ สั่งซื้อบะหมี่มาม่า เพื่อการวิจัย
เป็นจำนวนถึง 20 ล้านซอง ในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา
แม้รัฐบาลสหรัฐฯจะปฏิเสธ แต่บริษัทสหพัฒน์ฯมีหลักฐาณอันน่าเชื่อถือ คือ
การจับสลากชิ้นส่วนซองเปล่ามาม่า ในรายการชิงร้อยชิงล้าน ปรากฎว่า
มีนักวิจัย 1 คน ใน AREA 51 โชคดีได้รับสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท
และ อีก 2 คนได้รับเสื้อยืด
ปัจจุบัน มาม่า คือ ศาสตร์ และ ศิลปะชั้นสูง
เป็นที่ยอมรับจาก นา นา ประเทศ โดยปราศจากข้อขัดแย้ง
ทฤษฎี " ต้มมาม่า ให้ลุง-ป้า ชื่นบาน " ได้รับการบรรจุไว้ในหลักสูตรระดับ
ปริญญาเอก ของ มหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก
ในขณะที่รัฐบาลของแอฟกานิสถาน จัดให้แผนพัฒนา มาม่า ฉบับที่ 1
เป็นเรื่องเร่งด่วน ในการฟื้นฟูประเทศ หลังการล่มสลายของกลุ่มทาลีบัน
ศิลปินเอก ของ ประเทศในทวีปยุโรปหลายท่าน
ยกย่อง ลวดลายบนซองเครื่องปรุงมาม่า รสขี้เมาแห้ง ว่า
มีความวิจิตร งดงาม ตระการตา เต็มเปี่ยมด้วยวิญญาณ และความรู้สึก
ที่สัมผัสได้ ยิ่งกว่าภาพเขียน " คืนแห่งดวงดาว " ของ วินเซ็นต์ แวนก๊อก
ส่วนวัยรุ่นของประเทศญี่ปุ่น นิยมการสะสม ซองมาม่า เป็นคอลเล็คชั่น โดยเฉพาะซองมาม่ารสชาเขียว
มีการแลกเปลี่ยน-ซื้อขาย กันอย่างกว้างขวาง พอ พอ กับภาพถ่ายของ นักร้อง วง อาราชิ
ในประเทศเกาหลี มาม่าก็ได้รับความนิยมป็นอย่างมาก ยิ่งเมื่อมาม่าได้ออกรสชาติใหม่เพื่อเอาใจชาวเกาหลี คือ มาม่ารสกิมจิ โดยในตอนหนึ่งของซีรี่ส์อันโด่งดังของเกาหลี เรื่งแดจังโก๊ะ จอมนางแห่งวังหลวง ได้มีการเสนอฉากที่แดจังโก๊ะ กำลังปรุงมาม่า รสกิมจิ เพื่อนำไปให้พระราชาที่กำลังป่วยด้วยโรคประหลาด คือไม่อยากเสวยอะไร ทั้งสิ้น ทำให้ร่างกายทรุดโทรม หมดทางรักษา แต่ทันทีที่แดจังโก๊ะกำลังฉีกซองมาม่า เพื่อจะต้มในน้ำร้อน กลิ่นอันหอมหวนชวนหิวได้ลอยตามลมจากห้องเครื่อง ไปจนถึงพระตำหนักของพระราชา ทำให้พระราชาสามารถลุกขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้เกิดกระแสมาม่าฟีเว่อร์เป็นอย่างมาก
และเมื่อไม่นานมานี้
ได้เกิดเหตุการณ์ช็อคแฟนเพลงชาวเกาหลีและชาวไทย เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งได้แอบลอบวางยา ยูโน หนึ่งในสมาชิกวง ดอง บัง ชิง กิ อันโด่งดัง ซึ่ง หญิงสาวผู้นี้ได้ทำทีมาเป็นแฟนเพลงโดยนำมาม่ารสกิมจิ ผสมกาว
ให้ ยูโน กิน จากการสอบสวนของคุณโปลิส เหตุผลที่เจ้าหล่อนทำไปก็เพราะเกลียดวง ดอง บัง ชิง กิ
ที่มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับมาม่า อีกทั้งเธอยังชอบกินหมี่ซั่วมากกว่ามาม่าอีก ด้วย แม่ไม่ปลื้ม........จบ...
กล่าวได้ว่า บะหมี่มาม่า
มีส่วนทำให้นา นา ประเทศ รู้จัก และ นับถือคนไทยอย่างกว้างขวาง
เยอรมันนี ผลิตรถยนต์เมอร์เซดีส เบ็นซ์ เป็นที่นิยมทั่วโลก
สวิสเซอร์แลนด์ ผลิตนาฬิกา โรเล็กซ์ ที่ทุกคนชื่อถือ
ฝรั่งเศส ผลิตกระเป๋า หลุยส์ วิทตอน ที่นักศึกษาหญิง อยากมีไว้ในครอบครอง
ส่วน สยามประเทศนั้นไซร้ ผลิตลูกชิ้นหมูนายฮั่ง และ บะหมี่มาม่า
ที่มวลมนุษยชาติเลื่อมใส ศรัธทา
พวกเราชาวไทย จงภูมิใจเถิด
มหากาพย์ มาม่า ตอนที่ 5
หากมาม่า ยัง อยู่ยั้งยืนยง
เราก็เหมือนอยู่คง ชีพด้วย
หากมาม่า พินาศลง ไทยอยู่ได้ ฤา
เราก็เหมือน มอดม้วยหมด อดกิน นั่นแล...
ในสมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2
กองทัพแห่งแดนอาทิตย์อุทัย อันเกรียงไกร ภายใต้การบัญชาการรบ
ของนายพล ยามาโมโต้
ยกพลขึ้นบกที่ประเทศไทย มีแผนเคลื่อนทัพเข้าสู่พม่า
เพื่อทะลวงผ่านไปยังอินเดีย เป้าหมายคือ ยึดครองทวีปเอเชีย ทั้งหมด
รัฐบาลไทย ตระหนักดีถึงแสนยานุภาพ ของ กองพัน " โปเกมอน คิขุ "
จำใจยอมให้ญี่ปุ่น ใช้ดินแดนสยามเป็นทางผ่าน เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะทางทหาร
อันอาจนำมาซึ่งความเสียหายอย่างใหญ่หลวง
สาระสำคัญใน " สนธิสัญญาแห่งสายัณห์ " ที่ประเทศไทยตกลงกับญี่ปุ่น
คือ
ฝ่ายญี่ปุ่น จะไม่ทำลายชีวิต ทรัพย์สิน ของประชาชนชาวไทย
และ จะไม่ร้องเพลงเสียงดังหนวกหู เวลาเมาสาเก
ส่วนฝ่ายไทยจะจัดส่ง บะหมี่ มาม่า ให้แก่กองกำลังทหารญี่ปุ่นเป็นเสบียง
จนกว่าการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแคว จะเสร็จสมบูรณ์
ขณะนั้นรัฐบาลไทย เกรงว่า ฝ่ายพันธมิตร ซึ่งนำโดยประเทศอังกฤษ
และ สหรัฐฯ จะเข้าใจผิด คิดว่า ประเทศไทยฝักใฝ่ฝ่ายอักษะ
จึงได้วางแผนอันแยบยล จัดตั้งกลุ่มเสรีไทย ต่อต้านทหารญี่ปุ่นอย่างลับ ลับ
เพื่อให้ฝ่ายพันธมิตรเห็นว่า ประเทศไทยเปล่าเข้าข้างญี่ปุ่น นะจ๊ะ
ผลงานของเสรีไทยที่โด่งดัง คือ การแฝงตัวขึ้นไปบนรถขนเสบียง ที่กำลังจัดส่ง
ไปให้ทหารญี่ปุ่น แล้วแอบเอายาถ่าย ใส่ในซองเครื่องปรุง มาม่า ทุกห่อ
จนทำให้ทหารญี่ปุ่น ขี้แตก ขี้แตน ไปตาม ตาม กัน
เมื่อสงครามจบลง ด้วยความพ่ายแพ้ของญี่ปุ่น และ เยอรมันนี
ทหารผ่านศึกคนหนึ่ง ชื่อโกโบริ ได้นำบะหมี่มาม่า ติดตัวกลับประเทศ
และพยายามคิดหาวิธีทำเส้นบะหมี่เลียนแบบ จนสำเร็จ
แม้ว่ารสชาดจะไม่อร่อยเหมือนมาม่า แต่ก็พอทนกินได้ (( ดีกว่ากินดิน ว่างั้นเหอะ ))
หลังสงครามโลก
ประเทศญี่ปุ่น ต้องตกในสภาวะข้าวยาก หมากแพง ขาดแคลนอาหาร
เนื่องจาก ทรัพยากรของประเทศส่วนหนึ่ง จำเป็นต้องส่งออกไปชดใช้แทนหนี้
ให้กับกลุ่มประเทศพันธมิตร ในฐานะผู้แพ้สงคราม
ผู้คน อดอยาก ล้มตายเป็นจำนวนมาก
บะหมี่ ของ โกโบริ มีส่วนช่วยให้ประชาชนชาวญี่ปุ่น รอดพ้นจากความอดอยาก
กลับมาฟื้นฟูประเทศสู่ความเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจได้ จนถึงทุกวันนี้
โกโบริ เสียชีวิตด้วยโรค คาราโอเกะ (( ร้องไม่วางไมค์ เลยโดนจิ๊กโก๋ตื้บตาย ))
แต่ชื่อเสียง และ ความดีของเขา ยังคงอยู่อยู่ในหัวใจของเด็กเสิร์ฟทุกคน
ชาวญี่ปุ่นจึง เรียกขานเขาว่า " มาม่า ซัง " เพื่อเป็นการระลึกถึงตลอดไป
ในส่วนของความบันเทิง ระดับสากล
มาม่า มีส่วนในการก่อเกิดบทกวี และ ดนตรี มากมาย
เช็คสเปียร์ เคยบอกว่า วรรณกรรม อมตะเรื่อง " โรมิโอ กับ จูเลียต "
เกิดจากแรงบันดาลใจ ในวันที่เขากินมาม่า แล้ว เส้นกระเด็นเข้าตา
บทประพันธ์เรื่องนี้ เป็นผลงานที่เขาภาคภูมิใจมากที่สุด
รองลงมาคือ บทกลอน " มีผัวแล้ว พี่ก็ยังรัก " ที่เขาแต่งให้เมียคนข้างบ้าน
เพลง " เทียน มี มี่ " ขับร้องโดย เติ้ง หลี่ จวิน
เดิมที ชื่อเพลง " เทียน มาม่า " เป็นเพลงที่แต่งจากเรื่องจริง
เนื้อหาของเพลง กล่าวถึงผู้หญิงคนหนึ่ง ที่หลงรักพ่อค้าขายปลาเผาในตลาดสด
แต่ฝ่ายชาย ชอบพออยู่กับแม่ค้าขายไข่ปิ้ง
ภายหลังผู้หญิงคนนั้นอกหัก
จึงตัดสินใจผูกคอตาย ด้วยเส้นบะหมี่มาม่า รสเป็ดพะโล้
บทเพลงนี้โด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
คำกล่าวที่ว่า มีชาวจีนที่ใด ต้อง เติ้ง หลี่จวิน และเสียงเพลง " เทียน มาม่า "
เป็นเรื่องที่ไม่เกินความจริงนัก
ลา มะลิลา...
ขึ้นต้น อะไรก็ได้ แต่ตอนลงท้าย ต้องเป็น มาม่า
จบแล้วนะตาวีร์
Fiction