ม้าจริงๆเป็นอย่างไร
คัดลอกมาจากต่วย'ตูน ปักษ์หลัง เดือนมกราคม ๒๕๔๘ คอลัมน์สุภาพบุรุษ
หัสคดีเรื่องแรกของนามประพันธ์"ฮิวเมอริสต์" ลงพิมพ์ในหนังสือ"สุภาพบุรุษ" เล่ม๑ ปักษ์แรก วันที่๑มิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๒
ท่านคงจะได้ยินผู้กล่าวถึงม้ากันอยู่บ้างแล้ว แต่ข้าพเจ้าคิดว่าบางท่านจะยังไม่เคยเห็นม้าจริงๆ คงจะเคยเห็นแต่ม้าที่ใช้นั่งเรียนหนังสือตามโรงเรียนเท่านั้น ข้าพเจ้าได้เคยศึกษาเรื่องม้ามามากแล้ว จึงยินดีเผยแผ่ให้เป็นประโยชน์แก่ท่านบ้าง
ม้าเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง ซึ่งตามหนังสือเอนไซโคลพีเดียกล่าวว่า จัดอยู่ในพวกเปอริสโสแดกไตลา มีเท้า ๔ เท้า และหาง ๑ หาง แต่หลายเส้น ในครั้งโบราณสัตว์ม้านี้มีขนาดเท่าหมาเท่านั้นเอง และมีเล็บแหลมคล้ายแมว เพราะเหตุดังนี้ม้าโบราณจึงดุร้ายนัก ด้วยอ้ายม้ามันไปไม่ได้เร็วเหมือนดังสมัยนี้ และยังซ้ำข่วนได้เหมือนแมวด้วย
คนโบราณไม่มีเงินใช้อย่างเดียวกับเราๆเวลานี้เหมือนกัน แต่ไม่ใช่ด้วยเหตุเดียวกัน คนโบราณไม่มีเงินเพราะไม่มีเอาจริงๆ สำหรับพวกเราไม่มีเงินเพราะคนอื่นเขาเอาไปมีกันเสียหมด คนโบราณใช้เอาของต่างๆแลกเปลี่ยนกัน เช่นเอาหินเหล็กไฟ หอก ขวานหิน หนังสัตว์ ไปแลกอาหารหรือเครื่องใช้ต่างๆเป็นต้น ท่านลองนึกดูก็จะเห็นได้ง่ายว่ามันน่าเกิดโทโสสักเพียงไร ที่จะหอบเอาของต่างๆขี่ม้า (ซึ่งขณะนั้นตัวเท่าหมาและมีเล็บเหมือนแมว) ไปจ่ายตลาด
ม้าเป็นสัตว์ขยันขันแข็งมาก ถึงแม้ท่านจะนึกว่าไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นได้ เมื่อทราบว่าม้ากินแต่เพียงหญ้าเย็นๆดื่มน้ำเย็นๆ และนอนตลอดคืนบนพื้นดินแทนนอนเตียงก็ดี
เจ้าของม้ามักจะไม่ใส่ส้นยางที่ตีนของมันอย่างที่เราใส่ส้นรองเท้า ทั้งนี้เพราะเหตุว่า เมื่อม้าตายแล้ว เขาย่อมเอาตีนมันไปทำเยลลี ถ้าใส่ส้นยางไว้จะลำบากการกินอยู่สักหน่อย
ม้าที่ดีควรจะต้องมีหลังยาวๆเพื่อจะนั่งได้หลายๆคน เราอาจรู้อายุของม้าได้ด้วยฟันของมัน ถ้าท่านต้องการทราบอายุของม้าตัวใดตัวหนึ่ง ให้ท่านถามคนเลี้ยงดู เมื่อเขาบอกว่าเท่าไรแล้ว ให้เอาจำนวนฟันของมันบวกเข้า ก็จะทราบอายุที่แท้จริงของม้าตัวนั้น เป็นการสะดวกที่จะทำบุญวันเกิดของมันได้โดยถูกต้อง
ในการเลี้ยงม้าจำต้องใช้ความระวังใส่ใจเป็นพิเศษ มันไม่เหมือนแมว ซึ่งชำระกายของมันด้วยตนเองไม่ได้ ท่านจะต้องหวีสะสางให้มัน ม้าบางตัวอาจยกตีนขึ้นเช็กแฮนด์กับท่านได้ และบางตัวอาจยกตีนวางไว้ที่กลางหลังหรือสีข้างหรือหลังเท้าของท่านได้ ม้าชนิดที่กล่าวทีหลังนี้มีน้ำหนักราวๆ ๕๐ ตันทีเดียว
ประโยชน์ที่แท้จริงของม้านั้นคือในสมัยโบราณใช้เป็นบุรุษไปรษณีย์ เรียกว่า "ม้าเร็ว" และใช้เป็นคนทำงานต่างๆก็ได้ เรียกว่า "ม้าใช้" ในสมัยกลางใช้ลากรถส่งนมสด และในสมัยใหม่นี้ใช้ขี่
ทุกคนควรจะหัดขี่ม้าเสียให้เป็น คนที่หัดใหม่ๆนั้นมีข้อจะต้องระวังอยู่อย่างหนึ่งคือ อย่าไปขี่เอาลาเข้า สัตว์ลานี้รูปร่างเหมือนม้าทุกอย่าง ผิดกันแต่เสียงร้องและกลิ่นตัวเท่านั้น
เคล็ดสำคัญของการขี่ม้านั้นคือ ต้องคร่อมหลังมัน แล้วเอาเท้าขวาไว้ทางข้างขวาและเท้าซ้ายไว้ทางซ้ายของมัน หรือถ้าท่านจะกลับเปลี่ยนข้างเสียก็ได้ แต่อย่าให้นานนัก
พวกละครสัตว์ไม่ขี่โดยวิธีนี้ เขาใช้วิธีเอาเท้าวางบนหูของมันเบาๆวิธีนี้ม้าโดยมากไม่ใคร่ยอมให้ทำโดยง่ายนัก
ก่อนที่จะขี่ ท่านต้องวางอานบนหลังมัน ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้ม้าหลังด้านซึ่งจะเกิดจากการเสียดสีกระทบกระแทก สิ่งที่ยากที่สุดก็คือการขึ้นไปนั่งบนอาน ม้าเป็นสัตว์ละเอียดถี่ถ้วน จึงมีน้อยตัวนักที่จะยอมคุกเข่าให้ท่านขึ้นไปโดยสะดวก ท่านจะต้องเอาเท้าข้างหนึ่งสอดเข้าไปในโกลน แล้วพยายามป่ายปีนขึ้นไป การทำเช่นนี้เป็นเครื่องหมายให้ม้าออกวิ่ง บางคราวบางครั้งท่านอาจไปถึงที่ที่ตั้งใจจะไปได้ โดยวิธีใช้เท้าข้างเดียวกระโดดบนดินตามม้า ซึ่งมีใจกรุณาพาเท้าของท่านไปข้างหนึ่ง
เพื่อให้เป็นการง่ายขึ้น ท่านควรใช้วิธีกระโดดโดยแรงให้ตัวลอยสูง แล้วฝึกม้าให้คอยรับท่าน วิธีนี้เป็นวิธีง่ายมาก ไม่ต้องปีนป่าย แต่ม้าบางตัวออกจะติดตลกอยู่สักหน่อย ที่บางทีจะไม่เอาหลังรับท่าน แกล้งปล่อยให้ตกดินเสียเพื่อจะดูว่าหัวหรือก้อย
เอาเป็นว่าท่านหัดขึ้นหลังมันได้คล่องแคล่วแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ม้าไม่ชอบอย่างเอก มันจะต้องพยายามจัดการให้ท่านลงเสีย ณ กำแพงแรกถึง หรือต้นไม้ที่ใกล้ที่สุด นอกจากท่านจะดึงบังเหียนของมันไว้ให้มั่นคง ท่านจะถือท้ายม้าได้โดยสายบังเหียนนี้ การถือท้ายนั้นท่านไม่จำเป็นต้องรู้วิธีหรือหัดให้คล่องแคล่วก็ได้ เพราะย่อมจะไม่ไปในทางที่ท่านต้องการจะให้มันไป เมื่อท่านขี่มันได้แล้ว หนทางที่มันจะไปนั้นมันรู้แต่ผู้เดียว
การทำมันออกวิ่ง ให้ท่านบีบเข่าทั้งสองเข่าที่ข้างของมัน แต่ถ้าเป็นม้าที่เคยลากรถส่งนมแล้ว มันจะออกเดินแต่เมื่อได้ยินเสียงปิดประตู ท่านจึงจำเป็นต้องเอาประตูติดมือไปไว้คอยปิดใหม้มันได้ยิน ๑ บานด้วย
โดยมากเวลาที่มันออกวิ่งนั้นมักจะออกอย่างลูกโป่งหลุดมือ และในใจของมันหวังจะให้ท่านอยู่เบื้องหลัง ส่วนมันจะไปก่อน การที่มันทำเช่นนี้มันจะสมประสงค์โดยเหตุผลเก้าในสิบประการ
ขณะที่อยู่บนหลังมันนั้น ท่านจะรู้สึกเหมือนดั่งว่ามันมีขาตั้ง ๑๓-๑๔ ขา ซึ่งต่างก็มีส่วนยาวมากน้อยกว่ากันทั้งสิ้น เมื่อท่านขี่มันไปได้สัก ๒-๓ อึดใจแล้ว ท่านก็ต้องให้ใครคนหนึ่งจัดการจับม้าที่กำลังวิ่งอยู่ และท่านก็ต้องจับตัวท่านเองให้ลุกขึ้นจากพื้นดิน แล้วปัดฝุ่นให้เรียบร้อย ต่อจากนั้นจะขึ้นรถรางหรือจะเกินกระโผลกกระเผลกกลับบ้านก็ได้
วิธีที่ดีที่สุดที่จะขี่ม้านั้นคือ ให้ท่านยืมม้าโยกจากบุตรชายท่าน แต่ถ้ามันไม่เร็วทันใจ ก็ให้รอจนกว่าจะมีโอกาสขี่ม้าเวียนได้
ลงผิดหมวด...-_-; คัดลอกมาแทบทุกตัวอักษรเลยครับ
Miscellaneous