ยามเมื่อลมพัดหวน (ตอนที่ 5 ) T T
เข้าสู่ตอนที่ 5 อีก 2 วันก็จะสอบเสร็จแล้ว คงได้มานั่งเขียนต่อ
กำลังสนุกเลย เดี๋ยวจะเจอเหตุการณ์อันน่าเศร้า T T
ขอบคุณคร้าบบบ ที่อย่างน้อยก็มีคนมาชมมั่งแหละ อิอิ
นึกว่าจะไม่มีใครมาอ่าน จบเรื่องนี้ ก็คงจะมีเรื่องใหม่อีก
คราวนี้เป็น Action แต่.... ตอนนี้ขอออกไปค้นหาตัวเองก่อนล่ะกัน ช่วงปิดเทอม
_______________________________________________
เสียงโทรศัพท์ทำลายบรรยากาศความเงียบยามเช้า
ฮา...โหล
Hi ปอ ตื่นได้แล้ว ลุกเดี๋ยวนี้เลย ไปอาบน้ำแล้วรีบมาชะ
อารายกานน่ะ ขอนอนอีกต่อดิ พึ่ง 6 โมงเช้าเอง เรียนตั้ง 8 โมง
เออ น้าตื่น ๆ สาอยากเจอปอ นี่ เร็ว ๆ น้า
คร้าบบบบบ เดี๋ยวไปนะ ต่ออีก 5 นาที ขอเวลานอนกลิ้งก่อน
ไม่เอา เสียงหล่อนหนักแน่น ปน งอแงเล็กน้อย ลุกเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นโดนแน่
คร้าบบบบ...บอส คนอารายดุจริง
บ่นอะไร
ปล่าวครับ
เออดี เร็วล่ะ รออยู่หน้าบ้านนะ
สิ้นประโยคสุดท้าย ผมรีบกระโจนจากที่นอน ไปดูที่หน้าต่างทันที
เจ๊ด.... รออยู่จริง ๆ ด้วย
ด้วยความรวดเร็ว เสมือนตอนฝึกภาคสนามของอดีตกองกำลังรักษาดินแดนจึงทำทุกอย่าง(ยกเว้นกินข้าว)เสร็จภายในเวลา 10 นาที เฮ้อ! เหนื่อย
ช้าจริง ๆ
อาว บอส ไมพูดเงี้ยะ เร็วสุด ๆ แล้วนะ ข้าวก็ยังไม่ได้กิน
เออน่าช้าก็คือช้า เร็วไปกัน
คร้าบบบบ
โห! ตามมาคุมแถมใช้รถเราอีก แล้วยังมาบ่น (นี้คือการแอบนินทาใจใจเพราะขืนบอกไปตรง ๆ ตายแน่ ๆ )
รถจอดถึงที่เรียนก่อน 8 นาฬิกา (เล็กน้อย) ซึ่งมันก็เวลาปกติของผมแหละ
นั้น ๆ คู่แว่นเดินมานู้นแล้ว
นี้คือฉายาที่เพื่อนตั้งให้ เพราะใส่แว่นทั้งคู่ และดันทะลึ่งเป็นแฟนกันอีก
ปอ
อะไร
ไมตอบอย่างนี้ล่ะ ไม่เห็นลงครับเลย ไม่เพราะเลยนะ โกรธเหรอที่ตามไปปลุกถึงบ้านอ่ะ
เปล่า ไม่หรอก
เหรอ แน่ใจนะ
แน่สิ
อืม งั้นก็ดี เร็ว ๆ นี้ทำตัวให้ว่างไว้นะ
มีไรเหรอ
เปล่าหรอก สา ขอล่ะกันนะ ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ได้
ปอ ก็ว่างสำหรับสาเสมอแหละ
แหม (เธอเขินนิด ๆ พร้อมกับก้มหน้าเล็กน้อย)
อย่ามาทำปากหวานเลย ให้มันจริงเถอะ
อืม แล้วมันเรื่องอะไรหรอ
ยังไม่บอกหรอก
อีก 2-3 วันถึงจะบอกนะ ขอให้ว่างล่ะกัน
รับทราบครับ
หลังจากเรียนเสร็จและทำภารกิจโดยการไปส่ง เธอที่บ้านแล้ว ผมก็กลับบ้านทันที
ปอ
ครับ
ว่างหรือเปล่า ป้า จะไปเยี่ยมพี่โอ๋ วันอาทิตย์นี้ น่ะไปด้วยกันไหม
ทันทีที่ได้ยินชื่อเขา ผมตอบตกลงทันทีโดยไม่ลังเล
พี่โอ๋เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกับผม ตอนนี้เขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ปี 3 สาเหตุที่ชอบไปหาเขานั้นคือ พี่เขาเป็นคนท่ชอบเล่นเกมส์ และที่ชอบมากที่สุดคือ เขามีฉายาว่า “ บทสรุปเคลื่อนที่ ” เพราะเกมส์ต่าง ๆ เขาลองเล่นมาหมดแล้ว แถมจำสถานที่ต่าง ๆ ได้หมด รวมทั้งทางลับด้วย เลยไม่ต้องพกบทสรุปเลย ดีจริง ๆ
งั้น เตรียมตัวด้วยล่ะ เสาร์ อาทิตย์ นี้เดินทาง
รับทราบครับ
คืนนั้นผมรีบเข้านอนแต่หัวค่ำเพราะว่าต้องเดินทางแต่เช้า แล้วจุดหักเหก็เริ่มปรากฏขึ้นมา
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นตอน ตี 1
ด้วยความงัวเงีย จึงเอามือมาคว้าโทรศัพท์และกดวางเพราะคิดว่าเป็นเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ เพื่อจะลงมาเล่น Ragnarok ชักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ผมไม่รอช้าผมกดวางอีก
เสียงโทรศัพท์เงียบไปเป็นเวลาเกือบ 1 ชั่วโมง แล้วมันก็ดังอีกครั้ง แต่มันเป็นเสียงข้อความ
ผมจึงจำเป็นต้องเปิดมาอ่าน ทั้ง ๆ ที่ยังงัวเงียอยู่
“ ปอ...เป็นอะไรทำไมไม่รับโทรศัพทย์ สา โทรหาตั้ง หลายครั้ง แต่ปอ ไม่รับสายเลย ”
ผมอ่านข้อความจนจบ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ผมรีบรับทันที
ทำไมปอไม่รับสาย
ปอ ขอโทษ ก็นึกว่าเป็นนาฬิกาปลุกที่ปลุกลงมาเล่นเกมส์น่ะ
อืม! ถือว่าครั้งแรก สา ไม่ว่าล่ะกัน แต่วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ว่างหรือเปล่า?
เออ..... คือว่า
เป็นอันว่าไม่ว่างใช้ไหม
เดี๋ยวก่อนสิ
สาวางสายทันที โดยไม่พูดอะไรอีกเลย คืนนั้นผมโทรไปหาเธอทั้ง คืน แต่เธอก็ไม่รับและปิดเครื่องทันที
บอกตามตรงผมไม่รู้หรอกนะ ว่าเธอเป็นอะไร แต่ดูแล้วมันต้องเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับเธออย่างแน่นอน
ผมทำอย่างไรดีล่ะ
สิ่งที่คิดอยู่ในใจตอนนี้ มันสับสนไปหมด
ผมไม่ค่อยได้ไป บ้านพี่โอ๋มากนัก ถ้าบอกตามตรงนั้นผมอยากไปมาก ๆ
แต่เธอสำหรับผมนั้น ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน
เธอบอกผมว่าขอให้ทำตัวห่างไหว
แต่อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ (แม้ไม่ต้องมีปาปิก้า)
นั้น ยังจะเล่นมุขอีก กำลังชีเรียดนะ -*-
แต่เธอไม่บอกว่าจะทำอะไร แต่ให้ทำตัวว่างไว้ บอกตามตรง ว่า สงสัยเหมือนกัน
หลายวันที่ผ่านมานั้น เป็นเวลาเกือบอาทิตย์เต็ม ๆ
สุดท้ายผมก็ไม่ได้ไปบ้านพี่เขา เพราะผมรอเธอเผื่อเธอจะโทรมา
แต่หลายอาทิตย์ที่ผมเฝ้ารอ นั้น
1 นาที เหมือน 1 วัน
1 ชั่วโมงเหมือน 1 ปี
1 วัน ที่ผ่าน ๆ แต่ล่ะครั้งนั้น เหมือนมันเป็นตลอดชีวิตของผม...
แต่ละวันที่ผ่านไปนั้น ผมได้แต่มองโทรศัพท์มือถือ ที่อยู่บนโต๊ะ ผมนั่งมองมัน ทั้งวันและทั้งคืน
ทุกครั้งที่โทรศัพท์ ดังขึ้น ผมจะทิ้งทุกอย่างที่กระทำอยู่ตอนนั้น เพื่อไปรับโทรศัพท์
และหวังในใจว่า จะมีเสียงที่คุ้นเคย ผ่านมาให้ผมได้ยินอีกครั้ง
แต่สุดท้ายมันก็ไม่ใช่
ผมไม่ยกโทษให้ตัวเองแน่ ถ้าการกระทำคืนนั้น เป็นการทำให้ผมเสียเธอไปตลอดชีวิต
ผมไม่เคยคอยใครนานเท่านี้เลย มันทรมาน ทรมานมาก
การเฝ้ารอใครบาง คนทำไมมันนานขนาดนี้ ผมไม่เคยคอยใครขนาดนี้
รอยยิ้มของผมหายไปจากใบหน้า ผมยิ้มไม่ออก ผมได้แต่โทษตัวเองทุกครั้ง
ผมมองลอดไปที่หน้าต่างในตอนเช้า เผื่อว่าจะมีใครคนหนึ่งมาคอยที่หน้าประตูแล้วไปเรียนด้วยกัน
ทุกครั้งที่มองรูปเธอ ผมน้ำตาไหลออก มาแบบไม่มีสาเหตุ
ทำไมนะ ผมได้แต่โทษตนเอง ต่อว่าตนเอง
“ไอ้โง่เอ้ย...ห่วงแต่เล่นเกมส์”
วันนั้นอาจเป็นวันเกิดเธอก็ได้
แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร นั้นก็รู้ได้อย่างเดียวว่าเวลามันย้อนกลับมาไม่ได้แล้ว
ผมพึ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง ว่าเธอมีค่าแค่ไหน
แล้วถ้าเสียเธอไปผมคง ผมคง.........
Fiction