ยามเมื่อลมพัดหวน ตอนที่ 7 + (ตอน8)จุดเปลี่ยน + (ตอน9)การจากลา + (ตอน10)จบแล้ว

ยามเมื่อลมพัดหวน (ตอนที่ 7 )



แสงอาทิตย์สาดส่องลอดหน้าต่างมาในตอนเช้า

เสียงโทรศัพย์ดังขึ้นทำลายความเงียบ

บนที่นอนปรากฏมือหนึ่งขึ้นมาคว้าโทรศัพย์และกดปิดทันที ก่อนที่จะนอนต่อ

ความเงียบกลับเข้ามาอีกครั้ง

แต่..........

เจ้าของโทรศัพย์ต้องรีบลุกขึ้นมาจากเตียงและโทรกลับทันที

เออ สา ขอโทษนะ โทษๆๆๆ

ผมนึกว่าตั้งนาฬิกาปลุกไว้น่ะ

แหม...ไม่เป็นไรหรอกสาไม่โกรธหรอก(กัดฟันพูด ย้ำ กัดฟันพูด) แต่จำไว้

อาว สา งอนแล้วเหรอ ขอโทษนา น๊า น้า นา นะ

อืม ก็ได้ งั้นต้องทำทัณย์บน

ครับ

แล้วสาอยู่ไหนเนี่ย

อยู่หน้าบ้านไง

จริงดิ ไหน ๆ ไม่เห็นเจอเลย

หน้าบ้านสาไง ฮิฮิ

อาวชะงั้น โธ่ - - นึกว่าหน้าบ้านเรา

ก็มันวันหยุดนี่ ไม่ต้องเรียน ไม่ต้องเรียน

งั้น.......

งั้น.......( ผมพูดตาม สา เหมือนจะรู้อยู่ในใจ)

ไปเที่ยวกันเถอะ (ผมกับสาพูดออกมาพร้อมกัน เหมือนรู้กันอยู่ก่อนแล้ว)

ok (ผมพูดต่อ) งั้นไปดูหนังกัน

ไม่อาวววว สาจะไปทะเล

อืม ๆ ทะเลก็ได้ไปกัน

ตอนสาย ๆ มารับด้วยนะจ๊ะ หนูปอ

ครับผม

10 โมงเช้า ผมมารอที่หน้าบ้าน สา ทันที

สา เดินออกมาจากบ้านด้วยชุดกระโปงยาวสีขาว เสื้อสีฟ้า และคลุมด้วยเสื่อแขนยาวสีขาวอีกทีหนึ่ง

แต่ก่อนไปทะเลนั้น ผมกับเธอ ก็ขับรถเล่นไปตามสถานที่ต่าง ๆ ที่เราคุ้นเคย

ตั้งแต่ โรงหนังที่เราไปเดทครั้งแรก สวนสาธารณะ ที่เราไปนั่งเล่นกัน หลังเลิกเรียน

สวนสนุก และ อะไรต่อมิอะไรทั้งหลายที่เราได้เคยไปด้วยกัน

และรายการสุดท้าย คือ ทะเล ซึ่งกว่าจะถึงมันก็เย็นมากแล้ว

เราสองคนนั้น ดูพระอาทิตย์ตกดิน เธอนั่งลงข้าง ๆ ผม

โดยมีไหล่ผม เป็นหมอนให้เธอซบ

สามีความสุขนะที่ได้กลับมาเจอภาพเก่า ๆ อีกครั้ง

ผมก็ดีใจเหมือนกัน

จริงเหรอ สาหันหน้ามามองผม

ผมหันหน้ามามองเธอบ้าง

เราสองคนจ้องหน้ากัน แม้จะเป็นเพียงช่วงสั้น ๆ

แต่ตาทั้งสองคู่ที่จ้องกันนั้น มันช่างยาวนานเหลือเกิน

สา.....

ปอ....

สา มีสิวขึ้นหนึ่งเม็ดนะ

ความฮา ทำลายบรรยากาศ

สาเงียบไปพักใหญ่ ก่อนที่จะ

ปอบ้า... สิ้นเสียงคำพูด ของสา ผมก็วิ่งไปที่ริมหาดทันที

สาวิ่งไล่ ตาม ปอ อยากหนีนะ

เราสองคนวิ่งไล่กันตรงริมหาด สาดน้ำใส่กันอย่างสนุดสนาน ก่อนที่เวลาจะมืดค่ำ

ผมก็ไปส่งเธอที่บ้าน ที่หน้าบ้านเธอนั้น เธอหันมาและพูดด้วยประโยคสั้น ๆ ว่า

เหมือนเดิมนะ

รับทราบครับ

บายค่ะ

บายครับ



ผมโทรหาเธอทันทีเมื่อถึงบ้าน

ช่างเป็นบรรยากาศที่คุ้นเคยและคิดถึงจริง ๆ

ปอ... สาเอ่ยขึ้น

อยากให้เป็นแบบนี้ตลอดไปจัง สา รัก ปอนะ

คำพูดประโยคสุดท้ายก่อนการโทรสิ้นสุดลงด้วยคำว่า ราตรีสวัสดิ์

ผมคิดในใจ

ทำไมคำพูดนี้ มันทำให้ผมรู้สึกแปลก ๆ เหมือนมันเป็นรางยังไงไม่รู้

เพราะ เธอไม่เคยบอกประโยคนี้กลับผม ทุกครั้งที่คุยโทรศัพย์

หรือว่า ...





----------------------------------




ยามเมื่อลมพัดหวน (ตอนที่ 8 ) จุดเปลี่ยน

ขอโทษนะครับ คือ ผมรู้ว่าห้ามใช้คำหยาบ ผมก็ต้องเปลี่ยนใหม่เพื่อให้ลง ฟิค ได้มันอาจจะแปลก หู ก็ขออภัยล่ะกัน - -

_________________________________________



1 อาทิตย์หลังจากที่เธอกลับมานั้น เป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุด

จนกระทั้งคืนหนึ่ง

หลังจากที่เราคุยโทรศัพย์กันเสร็จ ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนเหมือนทุกครั้ง

แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม เสียงโทรศัพย์ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

ผม รับโทรศัพย์ทันที โดยที่ไม่ได้ดูเบอร์ว่าป็นเบอร์สาหรือเปล่า

ว่าไง สา พึ่งวางไปไม่ใช่หรอ คิดถึงล่ะสิ



" คิดถึงบ้านบิดาคุณสิ นี้เราเอง ไม่ใช่แฟนนาย "

" อาว.. ว่าไงครับ แหมไม่เจอตั้งนาน "

" เออ แล้วนายเป็นไงสบายดี "

" เออ เราสบายดีน่ะ "

" เฮ้ย วันนี้วันอะไรจำได้เปล่า เหมือนเดิมนะ "

" เฮ้ย เราวางมือแล้ว เพราะยังไงนายก็แพ้เรา "

" อาว พูดหมา ๆ อย่างนี้ งั้นพรุ่งนี้ตอนเที่ยงคืน ที่เดิม พวกเราจะคอยนะเว้ย "

" เออ ได้แล้วเจอกัน

"บอกก่อนนคราวนี้เราไม่แพ้แน่ "

สิ้นประโยค เขาก็วางสายทันที

นั้นคือเพื่อนผม เล่ามาก็นานแล้ว แต่ไม่ได้เล่างานอดิเรกเลย

คืน ผมแข่งรถมอเตอร์ไซร์ครับ

โดยใช่รถผมนี้แหละ ไอ้สองสูบ น่ะครับ

ความจริงกลุ่มผมนั้นสลายไปนานแล้วเหมือนกัน

เพราะเขาจับพวกซิ่งรถตอนกลางคืน

ผมก็รู้เหมือนกันว่ามันไม่ดี ซึ่งผมก็วางมือไปแล้ว

แต่ทำไงได้ ผมเป็นคนที่ชอบความเร็วมานานแล้ว พอรู้ว่าจะแข่งก็เลยตอบตกลงทันที

ค่ำคืนนั้น ผม ออกจากบ้านไปตามที่นัดหมายไว้

ผมไม่ได้บอกสา เกี่ยวกับเรื่องนี้ และการไปครั้งนี้เป็นความลับที่ไม่อยากให้เธอรู้

ตอนกลางวันนั้น ผมเป็นคนที่เรื่อยเปื่อนธรรมดา ๆ ไม่มีอะไรโดดเด็น นอกจากมีแฟนเด่น

แต่กลางคือนก็เป็นอีกคนหนึ่ง (เหมือนยูกิ เลย มีด้านมืดกับสว่าง อิอิ )

ผมไปถึงจุดนัดหมาย คือ ตอนเที่ยงคืนเป๊ะ

อืม แก ยังคงตรงเวลาเหมือนเดิม (เพื่อนผมพูด )

ยังไงผมก็คือผมล่ะะ ฮะฮะ

ดีงั้นมาแข่งกันเลยล่ะกัน ไอ้ปอ

ได้ ๆ

การแข่งขันเริ่มขึ้น ท่ามกลางกองเชียร์ที่มาดูกันมากมาย (ประมาณ 10 คน )

สัญญาณสั่งเริ่ม ผม ก็ขับพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

หน้าปัดบอกอัตราความเร็วตอนนี้ เข้าที่ 200 แล้ว

เพื่อนผมก็โชว์ความสามารถ ของรถตนเอง โดยการขับตามประกบผมข้าง ๆ

เร็วเหมือนกันนี้หว่า ผมเอยขึ้น

เออ เราบอกแล้วว่า เราไม่เหมือนเดิมแล้ว เพื่อนผมยิ้มด้วยความภาคภูมิใจในรถของมัน

แต่.....

เพื่อนผมมองด้วยสีหน้างงในคำพูดผม

บ๊าย บาย

ผมแซงมันอย่างไม่ติดฝุ่น ไกล เรื่อย ๆ ๆ

ผมชนะมันอีกครั้งหนึ่ง

ก็ผมไม่ได้วางมือจริง ๆ นี้หน่า ผมบอกแล้วว่า ผมชอบความเร็ว

ถึงผม ไม่แข่งแต่ก็บางครั้งผม ก็ซิ่งเล่นอย่างนี้แหละ

รถผม ก็ไม่ได้ไม่ดูแล ผมดูแลมันทุกครั้งแหละ สภาพเลยยังดีอยู่

และเมื่อผมกับเพื่อนขับกลับมาที่จุดเริ่มต้นนั้น

ก็.............





----------------------------------




ยามเมื่อลมพัดหวน (ตอนที่ 9 ) การจากลา



เสียงของความวุ่นวาย ดังมาจากจุดเริ่มต้น

บัดนี้ตำรวจได้เข้ามาจับ พวกแก็งนักซิ่งทั้งหลายแหล่

ผมกับเพื่อนหันหน้าเข้าหากัน ก่อนที่จะพยักหน้าเหมือนรู้กันทุกครั้ง

ผม ขับรถหนีทันที เนื่องจากสถานที่แข่งนั้นเป็นสถานทีอันคุ้นเคย

แม้ผม จะไม่ค่อยได้มา แต่ช่องทางหนีต่าง ๆ ผมก็ยังรู้เหมือนเดิม

และ ผมก็กลับมาบ้าน พร้อมทั้งทำตัวปกติเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้นเลย สักครั้ง

วันรุ่งขึ้นเป็นวันเปิดเรียน สา มารอผมที่บ้านเหมือนเคย

เราสองคนทำตัวเหมือนปกติ

จนกระทั้งตอนเลิกเรียน

วันนี้ พ่อ ของสามาหาถึงที่เรียน

" อาว พ่อ ทำไมวันนี้มาทำไมค่ะ "

พ่อของสา หันมามองที่ผมด้วยท่าทีเย็นชา ก่อนที่จะหันไปคุยกับลูกสาวของเขา

" วันนี้พ่อมา รับลูกน่ะ มีเรื่องคุยนิดหน่อยน่ะ "

" ไปคุยที่บ้านก็ได้นี่ค่ะ "

" ไม่ได้ ค้องคุยเดี๋ยวนี้ คงไม่ว่านะ ปอ " (พ่อสาหันมาทางผมด้วยสีหน้าเหมือนเดิม)

" เออ ได้ครับ "

" งั้น สาไปก่อนนะ ปอ แล้วอย่าลืมโทรมานะ "

" ครับ "

ผม เริ่มมีรางสังหรแปลก แล้ว ว่าเหมือนการไปครั้งนี้นั้น จะไม่ได้เจอเธออีก

และในที่สุด คืนนั้นเธอก็ไม่ได้โทรมาหาผมเลย

รุ่งเช้า เราเจอกันที่โรงเรียน แต่เธอไปรออยู่ที่โรงเรียนก่อน โดยที่ไม่ได้มารอที่หน้าบ้านผม

ผมเดินเข้าไปคุยกับเธอ เธอก็คุยด้วย

แต่ เป็นการคุยแบบถามคำตอบคำ

และวันนี้ เธอก็เอ่ยคำนั้นออกมา

เธอเดินเข้ามาหาผมและพูดว่า

" ปอ "

อะไร ผมตอบกลับทันที

" เราคงมาได้แค่นี้แหละ "

ผมตกใจในคำพูด และเธอก็พูดต่อทันที " เราเลิกกันนะ "

ผมตกใจในคำพูดนั้น ใบหน้าเริ่มชา และไม่เข้าใจใจความหมาย

" ทำไม ล่ะสา " ผมถามทันที เผื่อเธอจะยิ้มออกมาและบ่งบอกว่าเธอโกหก

แต่ไม่เลยเธอไม่ยิ้มสีหน้าเธอบ่งบอกว่า นี้เป็นการพูดจริง

เธอไม่ตอบผม และเดินจากไป

อย่างไม่มีวันกลับ........



----------------------------------




ยามเมื่อลมพัดหวน (ตอนที่ 10 ) จบแล้ว



เฮ้ย....จบชะที เหนื่อย ดีนะปิดเทอม ต่อไปนี้ก็ไม่มีอะไรค้างคาแล้วครับ

จะได้ไป่นหนังสือ เตรียมตัวก่อนเปิดเทอม กะว่าจะขยันมั่งแล้วครับ

( สู้เพื่อแม่ ) อิอิ ขอบคุณครับที่เป็นกำลังใจให้จนจบ ถึงมันไม่ค่อย แฮบปี้ แต่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็มีความสุขแล้ว



/me นอนอ่านหนังสือ ขลุก ๆ กลิ้งไป กลิ้งมา

___________________________________________________



3 ปี ต่อมา เหตุการณ์วันนั้น สร้างความสะเทือนใจเป็นอย่างมาก

และ หลังจากนั้น ผมกลับมาที่เดิมอีกครั้ง โดยที่ผมได้เจอเธออีกครั้งหนึ่ง

เธอ เข้ามาทักผม เหมือนเคย เหมือน สาม ปี ที่ผ่านมานั้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ผมทำใจได้แล้ว แต่ก็ยังคิดถึงเธออยู่

สามปีที่ผ่านมานี้ เธอเล่าความจริงให้ฟัง

ตอนที่เธอไปกับพ่อนั้น

พ่อเธอเป็นคนดำเนินแผนการทั้งหมด

เพราะอย่างที่รู้กันว่าพ่อเธอเป็นตำรวจยศสูงมาก และเหตุการณ์วันที่ผมแข่งรถนั้น

ลูกน้องของพ่อเธอ เห็นผมอยู่ในที่เกิดเหตุ แม้จะจับไม่ทัน แต่ก็จำรถได้

แถม กล้องนักข่าวได้บันทึกภาพอย่างชัดเจนที่สุด

พ่อของเธอจึงสั่งให้เธอเลิกกับผมทันที

แม้เธอจะเจ็บปวดเพียงใดแต่ก็ต้องทำตาม

ทันทีที่รู้ความจริง ผม กลับไม่โกรธเธอเลย

แต่กลับรู้สึกสงสารเธอ

ผมเข้าใจเพราะคนที่ผิดนั้น คือ ผม เอง

ที่ผมแข่งรถ แม้จะวางมือไปแล้วก็ตาม

แต่ผมไม่ว่าเธอหรอก

แต่ก็ดีใจที่สามปีมานี้ เธอไม่ได้ลืมผมเลย แต่ก็ยังคอยติดตามข่าวของผมตลอก แม้ผมจะไม่ได้โทรหาเธอก็ตาม

2 ปี ต่อมามีอยู่สิ่งหนึ่งที่ตลอด 5 ปี นั้น เธอทำมาตลอดนั้น คือการโทรมาอวยพรวันเกิดผมทุก ปี

แม้ว่าผมจะไม่เคยโทรหาเธอเลยก็ตาม

ปัจจุบัน...

หลังจากวันเกิดผม เธอโทรมาอวยพรวันเกิดผม แล้วเมื่อมารู้สึกตัวอีกทีมันก็เช้าแล้ว

ผมนั่งอยู่ที่เตียง โดยที่มือกำโทรศัพย์ไว้อย่างนั้น ผมยิ้มน้อย ๆ ก่อนที่จะหยิบมันขึ้นมา

และ กดไปที่เจ้าของเบอร์ที่ดทรมาอวยพรวันเกิด

" ว่าไง เสียงใส ๆ ดังขึ้น "

ผมยิ้มน้อย ๆ และ กล่าวสั้น ๆ ว่า " ขอบคุณนะ "





----------------------------------

แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่ความรู้สึกดีดี ก็ยังคงอยู่ และมิตรภาพก็ยังคงอยู่ตลอดไป



รักแท้ดูแลไม่ได้



ความรักของเธอ...เสียงที่บอกฉันว่าเธอห่วงใย

มือนั้นของเธอ...ที่แตะหน้าผากฉันวันที่ฉันไม่สบาย

ทุก ๆ ฉาก ทุกตอน ไม่เคยจางหาย

แม้จะผ่านเนิ่นนานเท่าไร

และทุกฉากทุกตอนนั้นคอยตอบย้ำ

สิ่งที่ฉันเป็นตั้งแต่เสียเธอไป

ว่าฉันเป็นคนโง่เหนือใคร ๆ

มีรักแท้อยู่ดูแลไม่ได้

จะรู้ค่ามันก็สายเกินไป

ปวดร้าวคิดอยากย้อนเรื่องราวแค่ไหน ได้แต่ฝัน

ต่อจนเหมือนเดิม รูปเมื่อก่อนนั้นที่มันขาดไป

ต่อทางของเรา

จะต่อได้อีกไหม หรือว่าฉันต้องทำใจ

ทุก ๆ ฉาก ทุกตอน ไม่เคยจางหาย

แม้จะผ่านเนิ่นนานเท่าไร

และทุกฉากทุกตอนนั้นคอยตอบย้ำ

สิ่งที่ฉันเป็นตั้งแต่เสียเธอไป

ว่าฉันเป็นคนโง่เหนือใคร ๆ

มีรักแท้อยู่ดูแลไม่ได้

จะรู้ค่ามันก็สายเกินไป

ปวดร้าวคิดอยากย้อนเรื่องราวแค่ไหน ได้แต่ฝัน

บอกหน่อยที่ไหน พอจะมี ประตูให้ฉันย้อนไปคืนวัน

ที่ฉันมีเธออยู่ จะขอดูแลอีกครั้ง

ฉันเป็นคนโง่เหนือใคร ๆ

มีรักแท้อยู่ดูแลไม่ได้

จะรู้ค่ามันก็สายเกินไป

ปวดร้าวคิดอยากย้อนเรื่องราวแค่ไหน ได้แต่ฝัน
Fiction

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา