ว่าด้วยเรื่องของโอตากุ... มันคืออะไรแน่?

คำว่า โอตากุ ที่จริงแล้วความหมายในวงการที่ญี่ปุ่นคืออะไร และแน่ใจแล้วหรือที่อยากเป็นกัน (เห็นหลายๆ คนภูมิใจนี่นะ) บทความนี้อาจมีข้อผิดพลาดอยู่เยอะนะครับ รบกวนท้วงติงเพื่อการแก้ไขด้วย

หากส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความนี้ไปกระทบกระทั่งกับใครเข้า ผมต้องขอโทษด้วยครับ แต่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงจริงๆ เพื่อสาระของเนื้อหา หากเห็นว่าไม่สมควรก็สามารถลบได้เลยนะครับ

ที่จริงผมเคยเอามาลงแล้วรอบนึงนะครับ ก่อนบอร์ดล่มล่ะกระมัง



-ว่าด้วยเรื่องของโอตากุ-



คำว่า โอตาคุ เป็นคำนาม คำๆ นี้แต่เดิมมันแปลว่า บ้าน ครับ

ทีนี้เราลองมองดูใครสักคน ไม่ยอมสุงสิงกับใคร ปฏิเสธการออกไปข้างนอกถ้าไม่จำเป็น เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบอยู่กับบ้าน นั่นล่ะครับคือความหมายในวงการของโอตากุล่ะ มันแปลว่า พวกคลั่งไคล้อะไรสักอย่างแบบสุดๆ จนอยู่กับบ้านเพื่อสิ่งนั้นไงครับ คนเล่นเกมรุ่นเก่าๆ เคยได้ยินคำว่า พวกเฝ้าบ้าน ที่หมายถึงคนที่ไม่ยอมทำอะไรอย่างอื่นนอกจากเอาแต่นั่งอยู่กับที่แล้วรอสวนกลับไหมครับ นั่นล่ะความหมายเดียวกันเลย

ในกรณีนี้ผมจะยกตัวอย่างคำว่า Lolicon (Lolicom) เดิมมาจากคำว่า Lolita Complex เป็นอาการทางจิตชนิดหนึ่งที่ผู้เป็นมักจะเจาะจง "ชอบสาวรุ่นลูกเท่านั้น" เดิมคำนี้เป็นศัพท์บัญญัติโดย ซิกมันด์ ฟรอยด์ มีต้นกำเนิดมาจากนิยาย Lolita ที่โด่งดังและมีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักของชายวัยกลางคนกับเด็กสาวที่เป็นลูกของเพื่อน

ถามว่ามันกลายมาเป็นคำว่า Lolicon (Lolicom) ได้ยังไง คืออย่างนี้ครับ คนญี่ปุ่นมักใช้การเปลี่ยนแปลงศัพท์ของต่างประเทศให้มาเป็นของตนเอง เหมือนคำว่า Personal Computer ที่กลายมาเป็นคำว่า Perscom (ปาโซคอม) ใน Chobits ไงครับ

คำนี้เลยกลายเป็นว่า พวกชอบเด็กสาวน่ารักๆ ตัวเล็กๆ อายุไม่เกิน 11 ขวบครับ พูดให้ถูกก็คือ มันเป็นศัพท์แสลงเฉพาะกลุ่มเท่านั้น คนกลุ่มอื่นมาได้ยินอาจเกาหัวแกรกๆ แล้วก็ไม่สนใจอะไรก็เป็นได้



...กลับมาเรื่องของ Otaku คำๆ นี้ก็ประสบกับชะตากรรมเช่นเดียวกัน คือ กลายเป็นศัพท์แสลงเฉพาะกลุ่มไป ในกรณีทั่วๆ ไป มันจะหมายความว่า พวกบ้าการ์ตูน ครับ ในประเทศไทยนั้นคำๆ นี้มีความหมายเท่านี้จริงๆ โอตากุนั้นที่จริงมันหมายถึง ผู้คลั่งไคล้อะไรสักอย่างแบบสุดๆ เท่านั้นล่ะครับ เช่น คุณคลั่งหมากรุกญี่ปุ่น คลั่งดารา บ้างาน คลั่งเกม หรืออะไรก็ตามที่ทำให้คุณหมดความสนใจในชีวิตแล้วเอาแต่เก็บตัวอยู่กับบ้าน สิ่งเหล่านี้เรืยกว่า โอตากุ ทั้งนั้นครับ



...แต่สำหรับวงการในญี่ปุ่นมันมีอะไรมากกว่านี้ครับ เรื่องจากนี้ไปอาจฟังดูรุนแรงสักหน่อยนะครับ แต่ผมจำเป็นต้องพูดเพื่อสาระของเนื้อหา

ที่จริงมันแปลได้ง่ายๆ เลยว่า "อ้ายคลั่ง" ครับ

เราต้องไม่ลืมว่าโอตากุที่มีอาการหนักมากๆ นั้นเกิดจากอะไรนะครับ คำตอบคือ การ์ตูนสาวน้อยที่มีความน่ารักเป็นจุดขาย หรือเกมจีบสาวที่มีการโต้ตอบระหว่างผู้เล่นแบบเสมือนจริง เราต้องไม่ลืมว่า วรรณกรรม (คือมันก็ครือๆ กันล่ะ) นั้นเป็นภาพสะท้อนของสังคม สังคมญี่ปุ่นในปัจจุบันนั้นเป็นสังคมที่มีแต่ งาน งาน งาน ขาดการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเพศตรงข้าม (นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมญี่ปุ่นถึงปล่อยให้จำหน่ายสื่อลามกได้อย่างถูกกฎหมาบ ขอแค่เซนเซอร์ "เจ้านั่น" ทิ้งไปเท่านั้น - ก็เพื่อเป็นตัวปลดปล่อยแรงขับทางเพศของสังคมญี่ปุ่น ) ดังนั้นผู้คนบางคนจึงอาจจะเก็บกดและต้องการหาทางออก บางคนก็ไม่ได้หล่ออะไร จึงขาดความมั่นใจในการคุยกับเพศตรงข้าม หรือไม่ก็ไม่มีจุดเด่นสักอย่าง จึงสามารถใช้สิ่งเหล่านี้เป็นที่ปลดปล่อยได้ เคยสังเกตไหมครับว่าตัวเอกเกมจำพวกนี้หรือแม้แต่การ์ตูนดังเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับหอพักและเด็กซิ่ว มักเป็นเด็กหนุ่ม 17-20 ที่ไม่มีจุดเด่นอะไรสักอย่างเหมือนกัน หัวไม่ดี สอบไม่ติด บลาๆ ถามว่าเป็นไปเพื่ออะไรนอกจากกลุมเป้าหมายที่ทางผู้เขียนหรือผู้ผลิตต้องการจะเจาะแล้ว...

...ก็เพื่อให้สวมบทบาทลงไปง่ายๆ ไงครับ

ถ้าพระเอกเด่นหมดมันก็ไม่มีทางเป็นเราไปได้น่ะซี...

สำหรับคนทั่วไปที่ไม่มีปัญหาอะไรมาเล่นมันก็ไม่มีอะไร เล่นเสร็จแล้วก็ผ่านไปเท่านั้น แต่ถ้าคนที่มาเล่นนั้นเป็นคนที่ไม่อะไรในชีวิตเลยสักอย่างล่ะครับ ถ้าไม่ใช่ว่าแฟนก็ไม่มี ก็อาจไม่หล่อ ไม่อ้วนตุ๊ต๊ะก็ไม่มีจุดเด่นให้พอเป็นที่สนใจของเพศตรงข้ามเลย มีดีก็แต่การเรียนไม่ก็เพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรืออาจไม่มีเลย...

...สุดท้ายสิ่งที่เขาต้องพึ่ง คือ จินตนาการ เขาสามารถเป็นหนึ่งได้ในโลกแห่งนี้ มีแฟนน่ารักได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการมันเป็นจริงได้ ณ ที่แห่งนี้ แล้วเขาจะสนโลกแห่งความจริงไปไย ดังนั้นสิ่งที่เรามีก็คือที่แห่งนี้เท่านั้น เขาจึงละทิ้งโลกภายนอก สภาพกาย และอุทิศตัวแด่โลกแห่งความฝันที่อยู่ตรงหน้านั้นแทน... หรือบางทีอาจข้ามขั้นเอาสิ่งที่ว่ามาปฏิบัติในโลกแห่งความเป็นจริงด้วย คล้ายกับแนวทางของลัทธิแบบหนึ่งจะยกตัวอย่างให้ฟังนะครับ



ใครที่เคยอ่านเรื่องล้างเดนทรชน จะมีตอนนึงที่กล่าวถึงคดีเด็กหญิง A ครับ จำได้ไหมเอ่ย ถ้าใครไม่เคยอ่าน มันจะเกี่ยวกับที่มีเด็กชายคนหนึ่งคลั่งไคล้สิ่งที่เรียกว่าหญิง A มากจนเกินขนาดครับ

เรื่องมันเริ่มที่ว่ามีคนพบเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินเปล่าเปลือยมีเลือดเกรอะกรังอยู่บนถนน ก็เลยแจ้งตำรวจ จับตัวมาสอบถามก็ได้ความว่า ไม่รู้ชื่อตัวเอง อยู่กับแม่ และหลังจากที่ไปค้นบ้านของเด็กคนนี้ก็พบที่ๆ รกกว่าส้วม ไม่น่าจะมีคนอาศัยอยู่ได้ และ... มีหัวกระโหลกคนอยู่ในตู้เย็นพร้อมสุนัขอีก 1 ตัวนอนอยู่ข้างๆ



"หนูเป็นคนเอาไปให้มันกินเองแหละ เพราะแม่เน่าไปเรื่อยๆ ไม่รู้จะทำยังไงดี"

"นี่ หนูจะต้องถูกประหารใช่ไหม"

"ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ ออกมาเดินข้างนอกก็จะดีหรอก..."



ทางตำรวจใช้สายตากะเกณฑ์ดูก็พบว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่น่าจะมีอายุเกิน 14 ปี และพยายามปิดบังข่าวกับสื่อมวลชนอย่างเต็มที่ แต่มันกลับกลายเป็นว่า เป็นการปล่อยให้สื่อมวลชนเอาไปตีความกันต่างๆ นาๆ



...และไม่นานก็มีพวกคลั่งไคล้หญิง A อย่างรุนแรงเกิดขึ้น รวมทั้งมีคนแอบอ้างตั้งเวบไซด์หญิง เอ กลายเป็นกระแสทางสังคมอีก มีการเลียนแบบปรากฏไปทั่ว

...จะเห็นได้ว่าอิทธิพลของสื่อนี่มันช่างยิ่งใหญ่เสียจริงๆ



ไม่นานก็มีเด็กชายคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรในชีวิตเริ่มคลั่งไคล้หญิง เอ เริ่มที่เขาแช็ทติดต่อตัวปลอมผ่านทางเว็บไซท์ที่ความจริงเป็นนักข่าวที่ต้องการปลุกกระแสหาเรื่องหญิง เอ มาเขียน



A: "แม่เน่าไปเรื่อยๆ ฉันไม่ได้ผิดสักหน่อย"

A: "ถ้าเวลาหยุดอยู่ได้ก็คงดี"

ชาย: "งั้นฉันจะลองเห็น เห็นในสิ่งที่เธอเห็นอยู่"



ประจวบกับก่อนหน้านั้นมีนิตยาสารฉบับหนึ่งตีพิมพ์ข้อความโจมตีหญิง เอ อย่างรุนแรง เด็กชายคนนี้จึงตัดสินใจฆ่าเจ้าของนิตยาสารนั่น แล้วเขียนข้อความ A ด้วยเลือด



กลายเป็นคดีฆาตกรรม เอ



ต่อมาเขาก็เล่นงานคนเขียนบทความโจมตีหญิง เอ คราวนี้ดูมีแบบแผนขึ้นมาก จนตำรวจเริ่มแน่ใจว่าฆาตกรเป็นคนเดียวกัน



edit: มีต่อนะครับ อยู่ reply ที่ 2 ของหน้าแรกน่ะครับ พอดีบทความมันใหญ่เกินไปน่ะครับ

- Edit by Rugal(18 พ.ค. 2548-17:13:54)
Miscellaneous

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา