สงครามครั้งสุดท้าย ตอนที่ 3
หลังจากที่เอลิต้าได้ลงจากยานขนส่ง สิ่งแรกที่เธอเห็นคือ ภาพลานกว้างมาก ๆ ที่มีแต่ถนนขนาดใหญ่มากทางหนึ่ง ไกลออกไปก็มีบ้านคนค่อนข้างแออัดนิดหน่อย พอหันหลังก็มีอาคารขนาดใหญ่อยู่2หลัง หลังแรกที่อยู่ทางซ้าย เป็นอาคารสีเขียวแก่ และหลังที่2 เป็นอาคารสีเทที่ดูใหญ่และหรูกว่าเชื่อมติดกันในระหว่างทางเดินและระหว่างอาคารบางจุด เป็นทางเดินที่โปร่งใสยกเว้นพื้นที่เป็นคอนกรีด และมีโรงขนาดใหญ่ที่ข้างอาคารแรกที่มีเครื่องบินเจ็ตขนาดใหญ่จอดอยู่ เป็นเครื่องบินลำเดียวกันกับที่บินมาช่วยใว้ และอีกหลายลำ รวมทั้งรถถังขนาดต่าง ๆ ที่มีอยู่หลายคัน และมีรถ2คันแล่นมาหา เป็นรถเครนขนาดเล็กกับรถกระบะขนาดกลาง แต่ทั้ง2คันนั้นไม่มีคนขับ และรถกระบะยื่นหน้าจอออกมาจากที่นั่งคนขับออกมา หน้าจอแสดงผลโกดังและห้องที่ว่างอยู่
"เราจะนำยานของท่านลาบอบไปเก็บที่โกดังครับ ท่านโปรดเลือกหมายเลขที่ต้องการด้วยครับ"
"โกดังหมายเลข3ห้องที่2029 อ้อ แล้วก็ช่วยติดต่อหน่วยซ่อมบำรุงหน่อย รู้สึกว่าระบบหักเลี้ยวจะมีปัญหานิดหน่อยนะ"
"ได้ครับ แล้วจะดำเนินการทันทีครับ"แล้วรถก็ได้หย่อนเครนลง แล้วมีหุ่นยนต์ขนาดเล็ก เป็นหุ่นยนต์แมงมุมมาล็อคสายโซ่ที่มาจากเครนกับยานของลาบอบ จากนั้นก็ยกยานมาเก็บที่รถกระบะและได้ขนย้ายออกไปที่โกดัง
"นี่ลาบอบ นั่นรถของเธอไม่ใช่หรือ ทำไมถึงให้เจ้าพวกนั้นเก็บไปหละ"
"เป็นกฦอีกข้อหนึ่งของเมืองน่ะที่ว่าไม่ให้พวกทหารและนักรบพกอาวุธเดินไปมาในเมืองไงล่ะ โดยเฉพาะกับJetนั่นมันมีความเร็วที่ไม่เหมาะกับการใช้ในเมืองเลยแม้แต่น้อย และอณุญาตให้ใช้อาวุธเฉพาะกับปืนขนาดเบาเท่านั้นเอง แต่ต้องมีการอนุมัติให้ใช้ในกรณีพิเศษอีก แต่ว่าตอนนี้เราไปที่ศุนย์บัญชาการทหารตะวันออกก่อนเพราะต้องทำเรื่องลงทะเบียนให้เธอก่อน"แล้วลาบอบได้ไปที่อาคารสีเขียวกับเอลิต้า
ข้างในอาคารนั้นกว้างมาก และมีเหล่าทหารเดินกันเป็นกลุ่ม บ้างกำลังคุยกับครอบครัว บ้างกำลังนั่งรออยู่ และลาบอบได้ตรงไปยังโต๊ะที่เขียนใว้ว่า Operaterที่มีทหารในเครื่องแบบสีเขียวเข้มอยู่
"สวัสดีครับท่าน ท่านต้องการอะไรครับ"
"ชั้นต้องการเอกสารการลงทะเบียนคนเข้าเมืองชั่วคราวของเอลฟ์ตนนี้" เขาชี้ไปที่เอลิต้า "และขอติดต่อผู้บัญชาการหน่อยเรื่องด่วนมากถึงที่สุด"
"ได้ครับ เชิญท่านสุภาพสตรีได้เลย"ทหารคนนั้นหยิบคอมพิวเตอร์มาแผ่นหนึ่งมา แต่ทว่า
"เอ่อ เราใช้ไม่เป็นหรอกนะ"
"ไม่เป็นไรครับ ผมจะจัดการให้เองครับ เพียงท่านลงชื่อ เมืองที่สังกัดอยู่ และท่านสแกนลายนิ้วมือก็พอแล้วครับท่านเอลฟ์"
"ได้เลยเราชื่อเอลิต้า จากเมืองมิดแลนที่อยู่ไกลออกไปทางเหนือหน่อยน่ะ แล้วเรื่องอายุคงไม่ต้องบอกนะ"
"ครับ ไม่จำเป็น เพราะเมืองของท่านก็มีระบบการบันทึกที่คล้ายกัน แต่ช้าหน่อยเพราะค่อนข้างล้าหลังหน่อย อ้อ ขอลายนิ้วมือทั้ง10ด้วยลงที่หน้าจอนี้ด้วยครับ"และเขาได้ยื่นกระดานสแกนลายนิ้วมือแล้วลองเข้าไปลงทะเบียน ตรวจเครือข่ายที่หมู้บ้านของเธอ "ทุกอย่างเรียบร้อย ผมจะให้ทหารคนหนึ่งมาเป็น"
"ไม่ต้อง"ลาบอบพูดแทรก "เดียวชั้นจะเป็นเอง"
"ก็ได้ครับท่าน โปรด เอ่อ สแกนเพียงข้างเดียวก็พอครับท่าน"
แล้วลาบอบได้ยกมือซ้ายมาสแกนทันที
"ช่วยต่อสายทีถึงท่านผ.บ.หน่อย"
"ได้ครับท่าน"แล้วสักพักก็มีหน้าจอกับกล้องได้ออกมาจากเพดาน และได้ฉายภาพคนแก่คนหนึ่ง เขามีลักษณะที่มีหนวดดกสีเทา ผมยาวเรียบอยู่สีเทา
"ลาบอบ มีอะไรเกิดขึ้นกัน"
"ท่านครับ เอลฟ์ที่ชื่อเอลิต้าที่มากับผมได้พบฐานทัพของพวกรุกรานที่พิกัดXX.xxกับYY.yyครับแล้วผมคิดว่าเราควรที่จะโจมตีอย่างเร่งด่วนครับท่าน"
"แล้วข้อมูลที่กล่าวมาเชื่อได้มั้ย"
"ครับ เพราะผมเห็นเธอกำลังตกอยู่ในอันตรายระหว่างที่กำลังทำการสำรวจอยู่ครับท่าน และเธอก็มีข้อมูลเกี่ยวกับพิกัดและการบันทึกรวมถึงการแทรกแทรงการสื่อสารที่รายงานจากอลิสด้วยครับเดี๋ยวผมจะฝากใว้กับเจ้าหน้าที่คนนี้ครับ"
ผบ.ก็ได้เงียบไปแล้วได้พูดว่า "เดี๋ยวขอประชุมทั้ง4หน่วยก่อนว่าจะทำการอย่างไรในอีกราว1ชั่วโมงข้างหน้า ถ้ามีการตัดสินใจอย่างไรเดียวจะรายงานมาอีกทีแล้วกัน"
"ครับท่าน"แล้วหน้าจอก็ได้ดับ แล้วลาบอบได้พูดกับเอลิต้าว่า "เอลิต้า เธอช่วยวางบันทึกทุกอย่างเกี่ยวกับการสำรวจนะ" แล้วเอลิต้าได้หยิบแผนที่ กล้อง และบันทึกการเดินทางอีก2-3เล่มให้ทหารที่ประจำอยู่ที่เคาร์เตอร์ ส่วนลาบอบได้ถอดแว่นออก ปลดสายกงจักรและได้พูดว่า "อลิส ช่วยจัดการทีสิ" ที่ไหล่ของลาบอบได้เปิดช่องสำหรับเสียบคอมออกมา และเจ้าหน้าที่ก็ได้เสียบสายเพื่อส่งผ่านข้อมูลที่ลาบอบได้ไปสำรวจมา และเจ้าหน้าที่ได้ยื่นโทรศัพท์มือถือขนาดเล็กให้ลาบอบ
"นี่ ทำไมเธอยังพกโทรศัพท์ติดตัวอยู่หละ"เอลิต้าได้ถามมา
"คือเสียงที่อลิสติดต่อมามักจะดังมาก เลยต้องใช้ไอ้นี่แทนน่ะ"
"และมาสเตอร์ก็ไม่อยากจะเป็นจุดเด่นอีกด้วยนะ"อลิสแทรกมา
"ใช่ แล้วโปรดเงียบไปเลย ตอนนี้ช่วยตามฉันมาหน่อยสิ เดี๋ยวรอพักที่ห้องรอพักก่อนที่ชั้น10 ก่อน"
"ทำไมล่ะ"เอลิต้าถามมา
"คือ ชั้นต้องเปลี่ยนเครื่องแบบหน่อยน่ะ เพราะว่าสภาพแบบนี้เดินในเมืองมันไม่ค่อยสะดวกน่ะ"
"อือ ก็ได้"เอลิต้าก็ตามลาบอบไปขึ้นลิฟต์ ลาบอบกดที่ชั้น10
"เธอนี่แปลกนะ"ลาบอบได้ถามเอลิต้า
"ทำไมเหรอ"
"ก็เอลฟ์ที่เคยเจอมักพูดภาษาโบราณจนน่าขำแต่เธอกลับพูดภาษาปัจจุบัน ฟังแล้วมันยังไงก็ไม่รู้สิ"
"อ่าว เธอทำไมสังเกตช้าจัง"
"เปล่า ก็สังเกตตั้งนานแล้ว แต่ไม่อยากถามน่ะ"
"เอ่อคือ เราที่มาใหม่ ๆ น่ะ การพูดยังข้อนข้างโบราณเพราะว่าการเข้าประตูมิติน่ะ นอกจากจะผ่านแล้ว ยังสามารถเรียนรู้ภาษามนุษย์ได้ แต่ว่าตอนแรกยังไม่ค่อยสัมฤทฐิผลมากนัก ยิ่งโลกมนุษย์พูดได้หลายภาษาอีก เลยค่อนข้างที่จะลำบากหน่อย แต่ต่อมาจึงเริ่มพัฒนาขึ้นแต่ก็ยังมีติดอยู่บ้างน่ะ"
"งั้นรึ"
"แล้วอีกอย่างเราก็ถูกเยาะเย้ยจากมนุษย์ด้วย เลยอายที่จะพูดน่ะ"
"เป็นแบบนี้เองรึ โทดทีที่ถามนะ"
"ไม่เป็นไร"
กิ้ง เสียงลิฟต์หยุดลงแล้ว ลาบอบได้ออกมาแล้วนำทางไปที่ห้อง จากนั้นก็เปิดประตูห้อง เป็นห้องพักง่าย ๆ ที่ดูคล้ายกับห้องนั่งเล่นเท่านั้นเอง
"เอาละ ขอตัวก่อนนะ เดี๋ยวมานะ"
30นาทีต่อมา ลาบอบได้ออกมาพร้อมชุดสีเขียวทั้งตัว เป็นชุดแขนยาวกับขายาว มีดาวติดที่บ่าหลายดวงอันเป็นการบอกว่าเขานั้นมียศสูงมาก และตามตัวเขาก็มีกลิ่นหอมเหมือนเพิ่งอาบน้ำมา
กริ้ง เสียงโทรศัพท์ดังมาจากโทรศัพท์มือถือแล้วลาบอบรับสาย
"ใช่ มาถึงแล้ว ...เออ ว่าไงนะ ..........งั้นก็ได้ ก็คิดว่ากำลังไปหาอยู่พอดีเลย......หา เออเออ ได้มาพอสมควรแหละเดี๋ยวค่อยไป แค่นี้แหละ"แล้วเขาก็เก็บโทรศัพท์แล้วก็พูดกับเอลิต้าว่า "เธออยากลองไปที่ศูนย์วิจัยหน่อยมั้ย"
"ไปทำไมล่ะ"
"เอ่อ ก็ ไปพบกับผู้ที่ทำแขนนี้ให้กับฉันน่ะสิ"
"ไปพบกับแดดดี้เหรอ"อลิสแทรกมา
"ใช่ เอาล่ะ ไปกันเถอะ"
Fiction