สงครามครั้งสุดท้าย ตอนที่1(ส่วนที่เหลือ)

เนื่องจาก 1เขียนลองดูก่อน

2 กะหน้ากระดาษพลาด

3 คุณpingแนะว่าสั้นไป

4 เรากลัวท่านจะหาไม่เจอ

เราจึงตั้งเป็นส่วนที่เหลือ

ชายคนนั้นเขาแต่งชุดที่ดูแล้วแทบจะเป็นพวกใช้อาวุธไกลเพราะเขาสวมเกราะแค่บาง ๆ เท่านั้นเอง แต่ว่าแขนซ้ายนั้นกลับดูล่ำและแขนขวาที่เป็นจักกลมีขนาดที่เล็กกว่าเล็กน้อย แต่ว่าเพรียวได้รูป เขามีซองที่ใว้สำหรับเก็บกงจักรถึง2ซองด้วยกันที่เอวข้างขวากับกล่องโลหะที่อยู่ข้างซ้าย ส่วนใบหน้าที่ดูเรียวยาวแต่ทว่ามีรอยดาบกากบาทที่แก้มซ้าย แต่เขาใส่แว่นประหลาด เป็นเหมือนหน้ากากสำหรับปิดตามากกว่าและมีเส้นขีดเป็นแนวนอน(ถ้านึกไม่ออกกรุณานึกถึงแว่นของไซคลอบจากX Men)และผมยาวสีดำที่ยาวถึงไหล่



ระหว่างที่เขาเดินมาแว่นนั้นได้เลื่อนไปอยู่บนหน้าผากแทน เขามีตาสีน้ำตาลอ่อน ๆ แต่ทว่ายังดูดีกว่าที่จะใส่แว่นนั้นมากกว่าและท่าเดินของเขาก็นับว่าประหลาด เพราะว่าแขนซ้ายโยกไปตามจังหวะขา แต่แขนขวากลับนิ่งสงบ และเขาพึมพำอะไรกับแขนขวาของเขา



"นี่เอลป์น้อย เป็นยังไงมั่ง"เขาถามเอลป์สาว



"นี่ หมายความว่าอะไรของเธอกัน เอลป์น้อยที่ว่า"เธอตะโกนใส่เขา



"อ๋อ ก็เป็นคำผสมระหว่างเอลป์กับสาวน้อยไง"เขาตอบกวนๆ



"หนอยแน่แต่ก็ขอบใจนะที่เธอช่วยเราเอาใว้ แต่ว่า ช่วยหน่อยได้มั้ย"แล้วเธอยื่นแขนขวามา แต่เขากลับใช้มือซ้ายช่วยเธอ



"นี่ ปกติเขาใช้แขนขวาไม่ใช่รึ"เธอถามขณะที่ยื่นแขนอีกข้างหนึ่ง



"แล้วเธอคิดว่าเธอจะใช้แขนขวาไหมล่ะถ้ามีคนที่มีแขนจักลแบบนี้น่ะ"เขาตอบออกมาพร้อมทั้งดึงตัวเอลป์ขึ้นมา



"เออ มันก็จริงอย่างที่เจ้าว่า" เธอพูดขณะที่กำลังปัดฝุ่นที่ชุดเอลป์โบราณอยู่



"ใช่ม้า แต่ว่าช่วยหันไปทางอื่นหน่อยได้ป่ะ"เขาพูดพลางกำลังหยิบมีดอยู่



"เดี๋ยว เธอจะทำอะไรกัน อย่านึกว่าเธอช่วยเราแล้วเธอจะทำอะไรกับข้าก็ได้"เอลป์พยายามจะหนี



"พูดอะไรกันเธอกัน ดูละครสมัยก่อนสงครามมากไปรึเปล่าเนี่ย ที่ฉันหยิบมีดมาเพื่อที่จะเอาอวัยวะจากพวกนี้ต่างหากเล่า"



"หา งั้นรึ แต่ว่าเอาไปทำไมกัน"เธอถามพร้อมกับหันหลังไป



"อ๋อ ก็ไอ้พวกด็อกทั้งหลายมันเคยคิดค้นสรรพคุณของพวกนี้น่ะ รู้สึกว่ากระดูกสันหลังของเซเรี่ยนจะเป็นยาอะไรซักอย่างนี่แหละ กับตับของมันอีก เห็นบอกว่ายิ่งมีประโยชน์อีก"เขาพูดขึ้นมา



หลังจากนั้นเอล์ปได้ยินเสียงมีดแทงดังหลายครั้ง(ขอแนะนำอย่าอ่านหลังทานข้าวหรือก่อนซักครึ่งชั่วโมง) เป็นเสียงมีดที่กำลังชำแหละกระดูกเอย เฉาะเนื้อเอย คว้านเอาอวัยวะต่าง ๆ เสียงเลือดสาดกระเซ็งเป็นจังหวะสม่ำเสมอจนเธอไม่อาจเห็นได้ว่าสภาพศพหลังชำแหละเป็นอย่างไร



"เอ รู้สึกว่าตับของออร์คจะมีสรรพคุณช่วยในการกระตุ้นร่างกายด้วยนี่น่า"เขาพูดขึ้นหลังจากที่เขากำลังเก็บกระดูกสันหลังกับตับลงในโหลแก้วที่มีน้ำเพาะเชื้อเต็มไปหมด ซึ่งเอลป์แอบชำเลืองมองและเธอก็ตั้งคำถามว่าเขาเอามาจากไหนกัน เธอได้ยินเหมือนเสียงเลื่อยกำลังตัดหนังอะไรสักอย่าง("ชิหนังของออร์คหนามากเลย ขนาดกระสูนทั่วไปยังยิงไม่เข้าเลย"เสียงชายคนนั้นบ่นมา)แล้วเธอก็ถามว่า "นี่เธอไม่รู้สึกขยะแขยงหน่อยหรือ"



"เปล่า ก็ตอนแรกหรอกนะ โอ้ เจอแร่Mในตัวออร์คด้วยแฮะ"



"เห แร่M หมายถึงแร่เวทมนต์เหรอ"เธอหันมาถาม



"ใช่แล้ว ทีนี้ก็ไม่ต้องไปซื้อแร่มาใส่แขนสักทีเฮ่อ ประหยัดได้หลายซิน(เงินสกุลใหม่ที่คิดขึ้นในสงครามเขียนว่าSin)"



"แล้วทำไมถึงเรียกว่าแร่Mหละ"เธอถามเขา



"ก็ตอนแรกที่เรียกเพราะว่ามันใช้แทนพลังงานได้หลายอย่างในสมัยก่อนนะ เลยเรียกว่ามิราเคิลที่แปลว่าปฏิหารก่อนที่จะเกิดหายนะเข้าให้น่ะ แต่พวกเราชาวมนุษย์เรียกว่าแบบนี้กันจนชินหูไปแล้วไง แต่ตอนนี้เรารู้วิธีใช้อย่างถูกต้องแล้วนะ"เขาเสริมเมื่อเห็นหน้าเอลป์ก่อนที่จะเก็บทุกอย่างใส่ในโหลแก้ว ทันใดนั้นเขาก็เก็บมันใว้ในหีบที่วางอยู่บนพื้น



เธอไม่รู้ว่ามันมาจากไหนจนกระทั้งมันหดลงจนเหลือขนาดเท่ากล่องเหล็กขนาดเล็ก



"กล่องต่างมิติน่ะ" ชายผู้นั้นตอบออกมา "เป็นกล่องที่สร้างโดยอารยธรรมของมนุษย์ดั้งเดิมบวกกับเวทมนต์ของเหล่าเอลป์ที่สถาบันวิจัยในเมืองของฉันเอง เป็นกล่องที่สร้างมิติจำลองที่สามารถบรรจุของตามที่เราสั่งได้เช่น"เขากดปุ่มที่ด้านบนพร้อมพูดว่า "หมวดเครื่องดื่ม" กล่องนั้นขยายใหญ่และเปิดออก มีเครื่องดื่มกระป๋องทั้งหลาย เขาหยิบกระป๋องสีน้ำเงินวึ่งเขียนใว้ว่า ''เพิ่มพลังเวท"ก่อนที่จะส่งให้เธอและหยิบขวดน้ำอัดลมด้วยมือซ้ายก่อนที่จะใช้มือขวาเปิดกระป่องด้วยข้อต่อที่ข้อมือ



"ขอบใจนะ" เธอดื่มมัน แล้วเธอก็รู้สึกว่ามีพลังเพิ่มขึ้นมา



"โทดทีนะที่แนะนำตัวช้าน่ะ เราชื่อเอลิต้า แล้วเธอล่ะ"เอลป์สาวได้เอ่ยออกมา



"เอ่อ เราชื่อว่าลาบอบ"เขาพูดโดยลากเสียงลายาวหน่อย



"งั้นเหรอ"เอลิต้าพูดมา "แต่แปลกนะเพราะเราเคยเรียนมาว่าประเทศของเธอมักจะตั้งชื่อที่ดีกว่านี้น่ะ"



"นั่นมันยุคเก่าแล้วเอลิต้า สมัยนี้คงตลกดีนะที่ว่ามีชื่อบุณทิ้งมั่ง มีชื่อสมชายมั่ง แต่ว่ยังไงฉันก็ไม่ค่อยชอบชื่อนี้เท่าใหร่หรอก"



"ทำไมล่ะ" เอลิต้าได้ถามคำถามต้องห้ามออกมา



"ก็เพราะว่าชื่อของมาสเตอร์น่ะหากเขียนด้วยอักษรไทยจะอ่านได้อีกแบบน่ะสิคะ"เสียงหนึ่งดังมาจากลาบอบ เธองงว่าต้นตอของเสียงนั้นดังมาจากไหน



"เฮ้ย อลิส ฉันบอกให้เงียบไงเล่า"ลาบอบตะโกนใส่แขนขวาของเขา



"เฮ้ย แขนกลพูดได้"เธอตะโกนด้วยความตกใจ



"จะเรียกแบบนั้นก็ถือว่าถูกต้องนะคะ ฉันA.I. นัมเบอร์35หรือเรียกว่าAliceเป็นA.I.ประจำแขนกลนัมเบอร์BT13และเป็นแขนเทียมของมาสเตอร์ค่ะ"แขนกลเอ้ยอลิสพูดออกมา



"ว้าว นี่หรือวิญาณเทียมที่มนุษย์สร้างขึ้นน่ะ"เอลิต้าได้ตะโกนด้วยความดีใจ"แต่ว่าที่ว่าอ่านได้อีกแบบหมายความว่าอะไรเหรอ"



"เฮ้ย อย่าถามแบบน้านนะ"ลาบอบตะโกนใส่เอลิต้า



"เพราะมันอ่านได้อีกอย่างว่า ลาบ-อบไงคะ"อลิสตอบออกมา "เป็นอาหารประจำภาคอีสานในสมัยก่อนน่ะ เป็นอาหารที่ขึ้นชื่อได้ว่าอร่อยที่สุดอย่างหนึ่งเลยค่ะ "



เอลิต้าได้แต่หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า"คงอร่อยดีเนาะ"



"เออ เชิญหัวเราะไปเถอะแล้วเธอทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ"



เพราะว่าเธอรีบหนีมาก บวกกับเจอเรื่องประหลาดใจเธอจึงลืมไปหมดแล้วเธอได้ตะโกนว่า "ตายแล้ว ลืมไปได้ไงกันเราลาดตระเวณกับมนุษย์คนอื่นนี่น่า แล้วเราพบฐานทัพลับของออร์คที่เอ่อ"เธอเปิดแผนที่ดิจิตอล"พิกัดXX.xxกับYY.yyนี่น่าแล้วกำลังจะกลับหมู่บ้าน แต่ว่าถูกออร์คไล่ล่าเลยหลงทาง"



"ชิ ว่าแต่หมู่บ้านเธอไกลมากรึเปล่า"ลาบอบได้ถามขึ้นมา



"ก็พอไกลมากเลย หมู่บ้าชื่อ มิดแลนด์น่ะ"เธอตอบอย่างกังวล



"โห ไกลมากเลย เธอมีเครื่องมือสื่อสารรึเปล่า"เขาถามมา



"ไม่เลย"เธอตอบ



"มาสเตอร์ ต่อให้เครื่องมือสื่อสารดีแค่ไหน ก็ติดต่อไม่ได้หรอก แถวนี้มีแจมมิ่งมากเกินไปค่ะ"อลิสตอบออกมา



"งั้นเองงี้ เธอไปที่เมือง เอเรียก่อนไหม เมืองของฉันเอง ที่นั่นสามารถติดต่อได้ทุกหมู่บ้านเลย"ลาบอบเสนอมา



"อื้อ"เอลิต้าตอบตกลง



Fiction

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา