อ่านกันเล่น ๆ รื้อฟื้นความหลัง กับประวัติซีรี่ยส์เกมแส้อาคุมะโจวแดร็กคิวล่า
ประวัติความเป็นมาของเกมอาคุมะโจวแดร็กคิวล่า
เกมแดร็กคิวล่านี้บริษัท KONAMI นั้นได้เป็นผู้ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้เป็นซอฟต์แวร์เกมสำหรับเครื่องฟามิคอม (ฟามิลี่คอมพิวเตอร์) แบบ Disc system (สมัยนั้นเกมนี้ยังใช้แผ่นดิสค์เล่นไม่ได้ใช้ตลับ) เป็นครั้งแรกในปีค.ศ. 1986 และได้ทำการพอร์ตไปลงยังเครื่อง MSX2 (MSX คื่อเครื่องที่ใช้สำหรับเขียนโปรแกรมภาษา Basic สามารถต่อเข้ากับจอโทรทัศน์เพื่อเล่นเกมได้) ในอีก 1 เดือนต่อมา จากนั้นทางบริษัท Konami ก็ได้นำเกมนี้กลับมาทำเป็นแบบตลับเพื่อลงให้กับเครื่องฟามิคอมในปี 1987 พร้อมกับภาคต่อของเกม ซึ่งในสมัยนั้นเกมแดร็กคิวล่าสามารถทำตลาดด้านเกมแอคชั่นได้ดีพอสมควร ทางบริษัท Konami จึงได้สร้างภาคต่อของเกมนี้ออกมาอย่างติดต่อกัน จนกระทั่งปัจจุบันนี้ เกมแดร็กคิวล่า หรือที่บ้านเรารู้จักกันในชื่อของเกมแส้นั้น มีภาครวมออกมาทั้งหมดถึง 23 ภาคแล้วด้วยกัน จึงอาจนับได้ว่าเกมแดร็กคิวล่านี้เป็นอีกหนึ่งซีรี่ยส์เกมที่สร้างชื่อเสียงให้กับบริษัท KONAMI เลยทีเดียว
ประวัติการกำเนิดของแวมไพร์ตัวแรกของโลก
ว่ากันว่าแวมไพร์คนแรก (หรือตัวแรก) นั้นได้ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกเราเป็นเวลากว่า 2000 ปีแล้ว ซึ่งคน ๆ นั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนอื่นไกล แต่เป็นบุคคลที่พวกเราหลายคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เขาก็คือ สาวกผู้ที่ทรยศต่อพระเจ้า ยูดาหรือจูดัส (Judas) นั่นเอง เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นภายหลังจากการเสียชีวิตของพระเยซูโดยฝีมือของพวกทหารโรมันที่จับพระองค์ท่านตรึงไม้กางเขน และนำหอกยาว (ภายหลังถูกเรียกว่าเป็น หอกลองกินุส) ทิ่มแทงพระองค์จนถึงแก่ความตาย ยูดานั้นได้รู้สึกผิดต่อสิ่งที่ตนได้กระทำลงไปจนได้ฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอเพื่อไถ่บาป แต่ทว่าความผิดที่ยูดาได้ก่อเอาไว้นั้นถือเป็นบาปอันมหันต์ที่ไม่อาจลบล้างได้ วิญญาณของยูดาจึงถูกสาปให้ไม่อาจเห็นแสงแห่งดวงอาทิตย์ได้อีกไปตลอดกาล (เป็นสาเหตุให้แวมไพร์แพ้แสงอาทิตย์?) ซึ่งในขณะนั้นเองที่ซาตานได้ถือโอกาสนี้เข้าสิงสู่วิญญาณของยูดา ก่อให้เกิดเป็นปิศาจกระหายเลือดขึ้นมา และนี่ก็คือจุดกำเนิดของแวมไพร์ตัวแรกของโลกนั่นเอง แต่บางตำนานเค้าก็ว่ากันว่า แวมไพร์ตัวแรกของโลก คือลูกของอดัมกับอีฟที่โดนพระเจ้าสาปอยู่เหมือนกัน ซึ่งอันไหนจะเป็นความจริงได้นั้น อันนี้เกล้ากระผมก็สุดที่จะหยั่งรู้ได้เหมือนกันครับ...
นอกจากนี้ยังว่ากันอีกว่า แวมไพร์แต่ละตัวจะมีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป บางคนสามารถแปลงร่างเป็นหมอกหรือค้างคาวได้ บางคนสามารถร่ายเวทมนตร์คาถาได้ บางคนสามารถเดินท่ามกลางแสงอาทิตย์ได้ (หรือที่เรียกว่า Day Walker) รวมไปถึงพลังชีวิตที่เกือบจะเป็นอมตะที่เป็นความสามารถขั้นพื้นฐานของแวมไพร์ ซึ่งความสามารถที่แวมไพร์นั้นมี ซึ่งก็ได้มาจากการได้การเป็นแวมไพร์ของแต่ละคน อย่างการทำพิธีและสัญญากับปิศาจหรือแวมไพร์ด้วยกันเอง การดูดเลือดแวมไพร์หรือมนุษย์คนอื่น ไปจนกระทั่งมีติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด (เป็นแวมไพร์มาตั้งแต่เกิด หรือที่เรียกกันว่า เลือดแท้) จนพวกมันถูกกล่าวขานว่าเป็น "ผู้กินความสามารถ" (Talent Eater) ซึ่งก็คือจะได้ความสามารถมาจากผู้ที่ตนได้ดูดเลือดมานั่นเอง
ประวัติความเป็นมาของเคาท์วลาด แดร็กคิวล่า (VLAD DRACULA)
เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องราวของท่านเคาท์แดร็กคิวล่ากันมาบ้างแล้วจากในนิยายที่แต่งโดยบราม สโตเกอร์ (ชื่อจริง Abraham Stoker) หรือจากในหนังฉบับภาพยนต์ แต่เราได้หารู้ไม่เลยว่าความจริงแล้วท่านเคานท์แดร็กคิวล่านั้นมีตัวตนอยู่จริง ๆ ในสมัยก่อน คือท่านเคาท์ วลาด ดราคูล เซเปส (Vlad Dracul Tepes) ซึ่งคำว่าแดร็กคิวล่านั้นมีความหมายว่า "บุตรแห่งมังกร" ซึ่งทางฝั่งยุโรปนั้นเชื่อว่า มังกร เป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย นอกจากนี้ยังเป็นชื่อบิดาของท่านเคาท์วลาดอีกด้วย. ท่านเคานท์แดร็กคิวล่านั้นเป็นผู้ปกครองมณฑลวอลเลเคีย หรือวาลาเชีย (Walachia) ในยุโรปตะวันออก (ปัจจุบันคือประเทศโรมาเนีย) มณฑลวอลเลเคียแห่งนี้ตั้งอยู่ในระหว่างเทือกเขาทรานซิลเวเนียแอลมป์และแม่น้ำดานูบครับ
ท่านเคาท์แดร็กคิวล่านั้นเป็นคนที่มีนิสัยดุร้ายโหดเหี้ยมและป่าเถื่อนเป็นอย่างมาก ท่านมักจะสั่งลงโทษพวกเชลยศึกหรือคนที่เค้าไม่ชอบหน้าด้วยการนำไปเสียบประจานกับแท่งเหล็กหรือไม้ที่มียอดแหลม นอกจากนี้ท่านยังมีวิธีการกำจัดพวกขอทานหรือคนพิการด้วยการเชิญมาร่วมงานเลี้ยงแล้วปิดประตูขังพวกเขาเหล่านั้น ต่อจากนั้นก็ทำการเผาทั้งเป็น และท่านยังเคยสั่งให้ทำมงกุฏหนามไปเสียบติดที่หัวของเหล่าทูติที่ไม่ยอมถอดผ้าโพกหัวออกในเวลาที่พบท่าน. จวบจนกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้เลยว่าเคาท์แดร็กคิวล่านั้นเสียชีวิตลงเพราะเหตุใด, ที่ไหน และช่วงเวลาใด แต่หลังจากนั้นได้ไม่นานก็เริ่มมีการจัดทำสื่อสิ่งพิมพ์ออกมาประจานความชั่วร้ายของเคาท์แดร็กคิวล่า เป็นแผ่นไม้ที่มีรูปท่านเคาท์แดร็กคิวล่ากำลังดื่มกินเลือดและเนื้อสด ๆ ของผู้ที่ท่านเคยสั่งให้เสียบประจานกับไม้แหลม ก่อให้เกิดความหวาดกลัวเป็นอย่างมากแก่ผู้ที่พบเห็นแผ่นไม้นี้
อย่างไรก็ตาม ในฉบับนิยายหรือภาพยนต์ของหนังเรื่อง DRACULA ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องบางอย่างออกไป และทำการแต่งเนื้อเรื่องบางส่วนขึ้นใหม่อย่างเช่นแดร็กคิวล่าจะนอนอยู่ในโลงศพจนมืด (จากเดิมจะเล่าว่าแดร็กคิวล่าจะปรากฏกายจากหลุมศพ) แล้วคอยดูดเลือดเหล่าสาว ๆ ในยามค่ำคืน (เปลี่ยนจากการดื่มกินเลือดและเนื้อแบบสด ๆ) แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของแดร็กคิวล่าดูเหมือนจะเป็นพลังชีวิตของมันที่เกือบจะเป็นอมตะ แดร็กคิวล่าจัดได้ว่าเป็นแวมไพร์ที่มีพลังในการฟื้นตัวสูงที่สุดในบรรดาแวมไพร์ด้วยกันอย่างเช่นมนุษย์หมาป่า (หรือที่เรียกกันว่า Lycanthropy ไลแกนโธรป - สัตว์กลายพันธุ์) ด้วยความอึดแบบดิบเถื่อนเช่นนี้แหละที่ทำให้แดร็กคิวล่าได้รับขนานนามว่าเป็น "ปิศาจอมตะ" ที่สามารถชุบชีวิตตัวเองได้หลังจากที่ตายไปแล้วทุก ๆ 100 ปี
แต่ถึงแม้แดร็กคิวล่าจะนับได้ว่าเป็นปิศาจที่น่าสะพรึงกลัว แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะมีจุดอ่อนอยู่มากมายเช่นกันอย่างเช่นแพ้แสงอาทิตย์ ไม่ชอบกลิ่นกระเทียมเป็นอย่างมาก อ่อนแอต่อน้ำมนต์หรือกระสุนเงิน ทำให้วิธีการกำจัดแวมไพร์อย่างแดร็กคิวล่าจึงมีอยู่หลากหลายวิธีเช่น ถ้าแสงพระอาทิตย์ส่องถูกตัวมันก็จะกลายเป็นเศษธุลีฝุ่น หรือทำการตอกหมุดลงไปยังหัวใจของมันแล้วแยกหัวใจออกเป็น 5 ส่วนแล้วแยกฝังเอาไว้ในโบสถ์ต่าง ๆ เพื่อไม่ให้มันฟื้นคืนชีพได้อีก
อธิบายเกร็ดความรู้เกี่ยวกับจุดอ่อนของแวมไพร์
ทำไมแวมไพร์ถึงโดนแสงไม่ได้?
-เนื่องมาจากวิญญาณของยูดาที่โดนซาตานเข้าสิงทำให้กลายเป็นแวมไพร์ที่ถูกสาปให้ไม่อาจเห็นแสงจากดวงตะวันได้อีกเป็นครั้งที่สอง แวมไพร์จึงไม่อาจโดนแสงได้? แต่แวมไพร์ที่เดินตอนกลางวันแสก ๆ ได้ก็มีนะ
ทำไมแวมไพร์ถึงไม่ชอบกระเทียม?
-ว่ากันว่ากระเทียมจะไปทำปฏิกิริยาบางอย่างในเลือด หรือไม่ก็กระเทียมมีกลิ่นที่ฉุนมากจนแวมไพร์ทนไม่ไหว? แต่แวมไพร์ที่กินกระเทียมได้ก็มีนะ
ทำไมแวมไพร์ถึงไม่ถูกกับน้ำหรือน้ำมนต์?
-เพราะน้ำมีคุณสมบัติในการชำระล้างสูง และถ้าเป็นน้ำมนต์มันคงจะยิ่งดูขลังกว่าน้ำเปล่าธรรมดาล่ะมั้ง? แต่แวมไพร์ที่ชอบการอาบน้ำเป็นพิเศษก็มีนะ
ทำไมแวมไพร์ถึงแพ้ไม้กางเขน?
-เพราะไม้กางเขนถือเป็นตัวแทนแห่งพลังของพระเจ้าที่ซาตานเกรงกลัว? แต่แวมไพร์ที่ห้อยไม้กางเขนไว้เป็นเครื่องประดับก็มีนะ
ทำไมแวมไพร์ต้องกินน้ำมะเขือเทศแทนการดูดเลือด?
-อันนี้คงเป็นการคิดกันไปเองว่าเพราะน้ำมะเขือเทศมีสีแดงคล้ายสีของเลือด ซึ่งจริง ๆ แล้วถ้าหากแวมไพร์จะต้องกินอะไรซักอย่างแทนการดูดเลือดแล้วล่ะก็ สิ่งนั้นน่าจะเป็นนมมากกว่า เพราะนมมีส่วนประกอบคล้ายเลือดที่สุด ก็น้ำนมมันกลั่นมาจากเลือดนี่นา
เปิดบันทึกตามตำนานอาคุมะโจวแดร็กคิวล่า (ปีในวงเล็บคือปีที่จำหน่ายเกม ส่วนปีหลังวบเล็บคือปีในตัวเกมนะครับ)
อาคุมะโจวแดร็กคิวล่า (FC FANDISC SYSTEM/ปี 1986) ปี ค.ศ.1691
วางจำหน่ายหลัง DISC SYSTEM ออกมาได้ครึ่งปี ถือเป็นภาคที่มีการทำออกมาแพร่หลายมากที่สุดของซีรี่ยส์เกมแดร็กคิวล่า โดยได้มีการทำลงให้กับเครื่องเกมคอนโซลหลากหลายเครื่องรวมไปถึงเครื่องเกมอาเขต (เกมตู้) หรือแม้กระทั่งบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ภาคนี้เนื้อเรื่องดำเนินอยู่ในทวีปยุโรปที่ประเทศทรานซิลเวเนี่ยซึ่งผนึกของแดร็กคิวล่าได้อ่อนกำลังลงอีกครั้ง (ทุก ๆ 100 ปี) ซีม่อน เบลมอนด์ หลานชายของคริสโตเฟอร์จึงต้องตามไปกำจัดแดร็กคิวล่าเพื่อช่วยเซเรน่า (ภาษาอังกฤษเปลี่ยนชื่อเป็น ลินดา) แฟนสาวของเขาที่ถูกแดร็กคิวล่าลักพาตัวไป
อาคุมะโจวแดร็กคิวล่า (MSX2/ปี 1986) ปี ค.ศ.1691
เนื้อเรื่องและระบบโดยพื้นฐานของภาคนี้ส่วนใหญ่จะเหมือนกับภาคของฟามิคอม แต่ตัวสเตจนั้นจะไม่เหมือนกันภาคนี้จึงมีความยากอยู่ในระดับที่สูงกว่า และภาคนี้ยังเป็นภาคแรกที่มีไอเทม "กุญแจ" ปรากฏขึ้นอีกด้วย
แดร็กคิวล่า II โนโรยโนะฟูวอิน (คำสาปแห่งผนึก) (FC ROM CASSET/ปี 1991) ปี ค.ศ.1698
1 ปีผ่านไปหลังจากที่เกมภาคแรกได้รับความสำเร็จพอสมควร ตัวเกมในภาคนี้จึงได้ทำการปรับปรุงให้คล้ายกับเกมแนว RPG โดยมีการเพิ่มในส่วนของการพูดคุยกับชาวเมืองเพื่อหาข้อมูลหรือทำการซื้อไอเทมด้วย ภาคนี้เป็นภาคเดียวที่มีระบบเปลี่ยนจากช่วงกลางวันเป็นกลางคืน โดยช่วงกลางคืนนั้นศัตรูจะเก่งกว่าตอนกลางวัน ภาคนี้จับใจความที่ 7 ปีหลังจากภาคแรก เมื่อซีม่อนได้ล่วงรู้ถึงวิธีการผนึกแดร๊กคิวล่าที่แท้จริงคือจะต้องทำการแยกชิ้นส่วนหัวใจของแดร็กคิวล่าออกเป็น 5 ส่วนเพื่อไม่ให้การทำพิธีชุบชีวิตสำเร็จ
แดร็กคิวล่าเดนเซทสึ (GB/ปี 1989) ปี ค.ศ.1576
ภาคแรกที่ทำลงให้กับเครื่องเกมบอยในเวลาที่ไล่เลี่ยกับที่ตัวเครื่องออกวางตลาด มีรูปแบบในการเล่นที่แตกต่างออกไปจากเดิมคือสามารถเลือกเล่นฉากไหนก่อนก็ได้จากทั้งหมด 4 ฉาก อาวุธแส้มีการพัฒนามากขึ้นคือสามารถปล่อยลูกไฟออกจากแส้ได้ ส่วนเนื้อเรื่องก็เป็นช่วงเวลาหลังจากภาคอาคุมะโจวเดนเซทสึไปเกือบ 100 ปี มนต์ที่ผนึกแดร็กคิวล่าเอาไว้เริ่มคลายอำนาจลง แดร็กคิวล่าจึงได้ออกอาละวาดอีกครั้ง หนนี้จึงเป็นหน้าที่ของคริสโตเฟอร์ เบลมอนด์ผู้มีศักดิ์เป็นหลานของราล์ฟ ออกไล่ล่าท่านเคานท์แดร็กคิวล่า
Games