เรื่องผีๆ "ผีลวงตา..น่ากั๊วน่ากัว" แต่งจากเรื่องจริง!!!!
**เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถูกเสริมแต่งมาจากเรื่องจริงไม่เหมาะสำหรับสตรีมีครรภ์และคนเป็นโรคหัวใจ**
เรื่องมันก็มีอยู่ว่า....
ชายคนนึงกำลังนั่งง่วนกับการตัดเล็บเท้าที่พื้นปลายเตียงของเขาในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ โดยที่เขานั่งหันหน้าไปทางโต๊ะทำงาน
ซ้ายมือของเขาคือปลายเตียงที่ชี้มาพอดีและด้านหลังเป็นตู้เสื้อผ้า เขาใช้เวลาพยายามตัดเล็บที่ขบบริเวณหัวแม่เท้ามานานอย่างขะมักเขม้นแล้วในที่สุดมันก็ออกมาได้สำเร็จ
และขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นเพื่อยืดหลังพร้อมกับความสบายที่หัวแม่เท้านั่นเองที่เหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวนี้ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
หลังจากเขายืดตัวคลายกล้ามเนื้อที่หลังมองไปเห็นตู้เสื้อผ้าข้างหน้า
เขาก็ก้มหน้าก้มตาตัดเล็บอื่นต่อ....... "เอ๊ะ ตู้เสื้อผ้าหรอ"
ชายคนนั้นหยุดตัดเล็บทันทีแล้วหลับตานึก "กูนั่งหันหน้าไปทางโต๊ะทำงานไม่ใช่หรอ"
ชายคนนั้นลืมตาดูอีกครั้ง "เฮ้ย! ตู้เสื้อผ้าจิงๆด้วย มันมาอยู่ตรงหน้าได้ไงวะ"
ชายคนนั้นตกใจมาก เขารีบหันหลังกลับไปดูด้านหลังทันทีเพื่อดูว่าโต๊ะทำงานอยู่ที่ไหนเผื่อว่าเขาจะสับสนจำผิดไปเอง
"บ้าน่า! ทางนี้ก็ตู้เสื้อผ้า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย!" เขาไม่ได้รู้สึกไปเองจริงๆ ตู้เสื้อผ้าตู้เดิมวกกลับมาตั้งอยู่ข้างหลังเขาราวกับมันมีวิชาเทเลพอตก็ไม่ปาน
เขาหลับตาลงทันที ตอนนี้ความกลัวเริ่มเข้าเกาะกุมจิตใจของชายหนุ่ม "โธ่เว้ย! โดนเข้ากับตัวจนได้กุ ชอบดูถูกผีดีนัก ไหนบอกว่าไม่มีจิงหรอก"
เขาหอบอย่างหนัก เหงื่อออกเหมือนกับก๊อกแตก หยดเหงื่อบนใบหน้าไหลย้อย หัวสมองสับสนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีให้พ้นจากสภาพนี้
เขาพยายามรวบรวมความกล้าลืมตามองดูภาพที่ไม่น่าเป็นไปได้ข้างหน้าเขาข้างหน้าช้าๆอีกครั้ง แล้วก็ปรากฏภาพเดิมคือตู้เสื้อผ้ามาตั้งอยู่ข้างหน้าเขา
ครั้งนี้เขาลืมตาดูอยู่นานกว่าทุกครั้งก่อนที่จะปิดตาลงอีกเขาจึงสังเกตได้ว่าตู้เสื้อผ้านั้นอยู่ในสภาพตะแคงข้างซ้าย
แต่สิ่งที่สังเกตเห็นนั่นไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย ความกลัวยังคงเกาะแน่นที่หัวใจ ทั่วร่างของเขาเย็นยะเยือกสั่นสะท้านเช่นเดียวกับไอศครีมฮาเก้นดาส
ชายหนุ่มข่มใจตัวเองทำใจดีสู้เสือ "ใจเย็นๆซี่ปัญหาทุกอย่างต้องมีทางแก้" เขาลุกขึ้นยืน พร้อมกับทุบกระปุกที่เก็บออมสติและความกล้าที่สะสมมานานในใจเอาออกมาใช้
ก่อนที่จะลืมตาขึ้นสู้กับตู้เสื้อผ้าอีก คราวนี้เขาไม่หนี ชายหนุ่มตั้งใจจะสู้กับสิ่งที่เขาเผชิญหน้าอยู่ "ต่อให้เป็นสิงโตหิวกูก็ไม่กลัวโว้ย(เสียงสั่น)"
เขาใช้แรงกายและใจทั้งหมด พยายามหลับตาอีกหลายครั้งโดยเปลี่ยนทิศทางไปเรื่อยๆก่อนจะลืมตา เผื่อว่าอาจจะหลุดจากอำนาจต้องสาปของสิ่งลี้ลับนี้
มองบนเพดาน หมุนตัวกลับ เดินหน้า และอีกทุกรูปแบบของการมอง
"แฮ่กๆๆ ไม่ได้ผลเลยนี่กุต้องมองเห็นตู้เสื้อผ้าไปตลอดชีวิตหรอเนี่ย ม่ายอ่ายอ่ายอ่ายอ่าย(ร้องเป็นเสียงแอคโค่)"
ขณะที่จักระทั่วร่างกำลังถูกรีดเร้นมาใช้จนเกือบหมดเขาเลือกที่จะเดิมพันกับวิธีสุดท้ายคือการตั้งตู้เสื้อผ้าขึ้นมาให้อยู่ในแนวที่ถูกต้องของมัน
แต่ว่าเขาไม่สามารถจะร่นระยะห่างระหว่างเขากับมันได้ไม่ว่าจะเดินเข้าไปสักกี่ก้าวก็ตาม
เขาจึงใช้วิธีเอียงคอไปทางเดียวกับตู้เสื้อผ้า ชายหนุ่มเกร็งคอเพื่อที่จะเอียงด้านข้างซึ่งควรจะง่ายอย่างกับปอกกล้วยจนเส้นเอ็นปูดโปน
คอของเขาไม่ยอมขยับ มันไร้ความรู้สึกเช่นเดียวกับหิน เขาจึงใช้มือสองข้างช่วยจับหัวเอียง ปราณเฮือกสุดท้ายถูกส่งไปยังแขนทั้งสอง หัวของเขาค่อยๆเอียงอย่างช้าๆ ทีละน้อยๆ แล้ว.....
เขาก็เอียงคอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจากหมอนที่ตะกี้เขานอนหลับตะแคงขวาอยู่ หน้าของเขาหันไปทางตู้เสื้อผ้า..
"อ้อ ตะกี้กูฝันหรอแต่เสือกลืมตาขึ้นมามองตู้เสื้อผ้าจิงๆ ไม่ว่าจะลุกจะนั่งหันไปทางไหนในความฝัน แต่แค่เฉพาะลืมตาขึ้นมาตอนนอนจิงๆ ข้างหน้ามันก็ต้องเห็นแต่ตู้เสื้อผ้าอยู่แล้ว"
(-_-") ชายหนุ่มได้ดวงตาเห็นธรรม ส่ายหน้าสำนึกในความติงต๊องของตัวเองที่กึ่งหลับกึ่งตื่นแล้วแยกไม่ออกระหว่างความจิงกะความฝัน
เขาหลับตาลงอีกครั้งในท่านอนหงายด้วยความโล่งใจพร้อมกับเข้าสู่ดินแดนสนธยาแห่งความฝันอีกครั้ง แล้วเขาก็เห็น...
โต๊ะทำงาน.......
จบดีกว่าเนอะ
ใครอ่านแอบขำแอบยิ้มแอบสมน้ำหน้า แล้วไม่เม้นไว้ขอให้โดนผีลวงตาแสกเฟอร์นิเจอร์เข้าตาเอ้อ (-/\-)
ปล.คนค้นพบไอ้ผีตัวนี้ก็ครือกระผมเองแหละ 5555 เป็นเรื่องจริงประมาณ 80% ได้ใครเคยเจอไอ้ผีตัวนี้อีกมาบอกกันมั่งเน้อ
Miscellaneous