เรื่องเล่าในมุมดีๆ
ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์ถล่ม 6 จังหวัดแวผมจะตามข่าวจากเน็ตไปเรื่อยๆเพื่อให้ทันเหตุการณ์ ได้เห็นความร่วมแรงร่วมใจกันของคนไทยแล้วก็รู้สึกปลื้มใจที่อย่างน้อยเมื่อมีภัยคนไทย(หลายคน)ก็ไม่ทิ้งกันและเดินหน้าเข้าไปช่วยดังจะเห้นได้ตามสื่อต่างๆ และนี้ก็เป็นกระทู้ใน Mthai.com ที่ผมอ่านแล้วประทับใจ (อันอื่นก็ประทับใจนะ) แล้วนำมาให้คนที่ยังไม่ได้อ่านได้อ่านกันครับ
เรื่องเล่าในมุมดีๆ จากอาสาสมัครที่วัดย่านยาว
10 วันของผมที่วัดย่านยาว จ.พังงา ผมมีหลายอย่างที่อยากจะเล่าเรื่องถึงสิ่งๆดีๆที่เกิดขึ้นตลอดเวลาที่นี่ ที่ใครหลายคนยังไม่รู้ ลองอ่านดูนะครับ แล้วจะรู้ว่า ในความเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ มีสิ่งดีๆที่เราและผมเองก็คาดไม่ถึง
ผมเป็นอาสาสมัครที่เข้าไปช่วยงานในพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม ของปี 2547 กับเพื่อนนักศึกษาในมหาลัยเดียวกัน วันแรกที่ผมไปถึงสนามบินภูเก็ต และนั่งรถจากภูเก็ตมาที่วัดย่านยาว อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา กว่า 100 กิโลเมตร คุณจะเห็นสภาพความเสียหายที่ทำให้ผมรู้สึกว่า มันคือหายนะจริงๆ ยิ่งเมื่อมาถึงที่วัดย่านยาว วันนั้นวุ่นวายมากๆ มีแต่ภาพที่แย่ๆ คนมาตามญาติ คนนั่งร้องไห้เมื่อเห็นรูปศพที่ติดบอร์ดเป็นญาติตัวเอง ทุกอย่างดูแย่ ดูวุ่นวายไปหมด
เมื่อไปถึงแล้ว พวกเราก้ไปดูๆว่าจะทำอะไรได้บ้าง มีประกาศว่าต้องการอาสาสมัครที่ทำงานเกี่ยวกับศพ และเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งบอกว่า "ไหวมั้ยน้อง" ด้วยความที่ไม่อยากเสียฟอร์ม ผมก็เลยรับงานนี้(แบบไม่เต็มใจเท่าไหร่) ผมก็ไปเปลี่ยนชุด เป็นชุดหมีอวกาศ ที่คนที่นั่นเค้าเรียกกัน ร้อนสุดๆเลยคับ จากนั้นเราก็จัดทีมกัน แล้วผมก็ได้อยู่แผนกพลิกศพ คือดูรายละเอีดทุกอย่างเกี่ยวกับศพ แล้วจดไว้ ต้องมีการยกศพพลิกเพื่อดูรายละเอียดทุกส่วนเลย แต่ผมว่าน่าจะเรียกแผนกนี้ใหม่ เป็น แก้ผ้าศพ คงง่ายต่อการเข้าใจในหน้าที่ของผมมากกว่า.......เมื่อเข้าไปแล้ว ผมเห็นมีหลายคนวิ่งออกมาอ๊วก หรือไม่ก็มีอาการแปลกๆ เช่น คนถ่ายรูปในทีมผม มือเค้าอ่อนจนกดชัตเตอร์ไม่ลง คุณหมอพรทิพย์ก็เดินสวนไปสวนมา ผมยังแอบภูมิใจเล็กๆว่า อย่างเราก็ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับคุณหมอเบอร์ 1 ของประเทศด้วย อิอิ
ทุกคนทำงานเหมือนไม่เหน็ดเหนื่อย แต่จริงๆแล้วมันล้าและหดหู่มาก คืนแรก พวกผมถูกจัดหาที่นอนให้อย่างน่าประทับใจเหลือเกิน คือ ตู้คอนเทนเนอร์ แล้วมันก็อยู่หน้าวัด แล้วในวัด มีศพที่อืดๆได้ที่อยู่เป็นพัน อืมม ไม่เป็นไร นอนกันหลายคน พวกเราก็ผูกมิตรกับอาสาสมัครคนอื่นๆ เลยรู้ว่า ทุกคนมาจากหลายที่ หลายสถาบันมาก ทั้งจากธรรมศาสตร์ พระจอมเกล้าทั้ง3 เกษตร ศิลปากร ม.กรุงเทพ และสถาบันอื่นๆเช่นแพทย์พระมงกุฏ รามา ทำให้ผมเห็นถึงน้ำใจดีๆของเด็กรุ่นใหม่ที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นคนของชาติ คืนนั้นเราคุยกันเรื่องพระ ว่าพระไปไหน เพราะเราต้องการที่ยึดเหนี่ยว แต่ปรากฏว่า พระวัดย่านยาว ท่านออกธุดงค์ไปหมดแล้ว แต่ยังมีบางรูปที่ทนอยู่ และท่านนี่แหละ เอาพระมาแจกคนละองค์ พร้อมปลุกเสกตั้งชื่อรุ่นว่า พระรอดรุ่นสึนามิ (ฮากันเข้าไป) วันต่อมาพวเราจึงได้ติดเหรียญกล้าหาญนี้เข้าไปทำงานกับศพต่อ
ที่นอนของเราก็เจ๋งมาก ทำจากโลงศพที่กองหน้าวัด ปูด้วยผ้าดิบใหม่ๆ ขอเน้นว่า ใหม่ๆ เพราะเราไม่ค่อยชอบน้ำเหลือง เจอมาทั้งวันแล้ว วิธีนี้เป็นไอเดียของพี่คนหนึ่ง ชื่อพี่เล็ก หญิงคนนี้เธอสามารถแบกโลงเปล่าคนเดียวได้ เธอแบกมาแล้วจัดที่นอนให้เรา เรียงกันเป็นระเบียบในตู้คอนเทนเนอร์ ติดแอร์เย็นเฉียบ สุดยอด พี่เล็กบอกว่าได้ไอเดียมาจากเจ้าหน้าที่ที่เอาโลงมาเป็นโต๊ะทำงาน โต๊ะวางคอมอีกที
อาหารที่นี่เราก็กินอิ่ม 3 มื้อ บางทีก็ 5 มื้อถ้ากินลง คือมีอาหารตลอด ข้าวกล่องที่ชาวบ้านร่วมกันบริจาค ขนม น้ำ ไอติม ผลไม้พร้อม แต่ติดอยู่อย่างเดียว ใครจะไปกินลงวะ ในเมื่อศพมันเริ่มมีหนอนแล้ว... ยิ่งวันไหนมีข้าวขาหมูหรือข้าวหมูแดงนะ อ่า...เหมือนมาก เหมือนเนื้อที่อยู่ข้างในเลยยยย พวกเราเลยกลายเป็นมังสวิรัติกันซะงั้น
พวกเราแบกศพ ยกศพ หั่นศพ เจี๋ยนศพ กันอยู่อย่างนั้น จนลืมวันลืมคืน นึกได้อีกที อ้าว ปีใหม่แล้วเหรอเนี่ย ก็เคาท์ดาวน์กับสภาพศพอืดๆนับร้อยนับพัน เพราะวันนั้น ศพเข้ามาเยอะมาก
หลายวันผ่านไป ดูเหมือนไม่มีอะไรดีขึ้น แต่มันแย่ลงด้วยซ้ำ สภาพศพที่เข้ามา ยิ่งหลายวัน สภาพยิ่งแย่ หนอนมันตัวโตขึ้นทุกวันๆ คนเริ่มเครียด ญาติที่มาตามหาศพก็เครียด หมอก็เครียด อาสาสมัครก็เครียด ไทยเครียด ฝรั่งเครียด ญี่ปุ่นเครียด ช่างไม้เครียด ทหารเครียด มองไปทางไหนก็ไม่มีอะไรจรรโลงใจ แต่เมื่อไหร่ที่เรามองเห็นคนทำงานในนั้น มันรู้สึกประทับใจ ที่ทุกคนทำอย่างเหน็ดเหนื่อยโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำเพื่อใคร รู้แต่ว่า ทำให้ดีที่สุด แม้คนที่ทำอะไรไม่ได้เลยก็มายกน้ำ แบกของ หาข้าวหาปลาให้เรากิน แม้กระทั่งคนที่เอาดอกไม้มาให้พวกเราแล้วบอกว่าไม่รู้จะช่วยอะไร มาให้กำลังใจละกัน แค่นี้ก็ดีใจแล้ว มันเป็นภาพที่หาดูไม่ได้แล้ว การทำงานของที่นี่มีทุกแผนก แม้แต่แผนกซับหน้าด้วยซ้ำ ที่คอยซับหน้าพวกเราเพราะมือเราเปื้อนเลือดน้ำเหลืองต่างๆ เอาเป็นว่า ทุกคนช่วยได้ทุกอย่างเท่าที่ช่วยได้ละกัน สุดยอดจริงๆ
ที่ผมประทับใจมากๆอีกอย่างคือ คนในพื้นที่ ที่ดีกับพวกเรามากๆ พวกอาสาสมัครที่ไปส่วนใหญ่เอาเสื้อผ้าไปไม่เกิน 3 ชุด พวกเราซักผ้าที่ไหนก็ไม่ได้ เค้าเลยให้ไปเอาเสื้อผ้าที่เค้าบริจาคมากองในวัดมาใส่ ตลกดีนะ ผมเจอเสื้อผ้าที่บ้านผมบริจาคมาด้วย แต่ในความอนาถาของเหล่าอาสาสมัคร มียายแก่ๆคนนึง บ้านแกอยู่แถวๆนั้น ถือตะกร้าผ้ามาแล้วบอกว่า ยายไม่มีแรงจะช่วยอะไร เดี๋ยวยายซักผ้าให้ทุกคนนะ แกพูดแล้วร้องไห้ แกคงตื้นตันใจที่แกได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือน่ะ น่าประทับใจจริงๆ แกก็ซักผ้าเป็นกองทุกวันเลย แกชื่อยายพึง น่ารักมากคับคุณยายคนนี้ แกก็เสียลูกสาวไปกับคลื่นสึนามินี้ด้วย
ไม่ใช่แค่นั้น บางคนเค้าก็ให้อาสาสมัครไปนอนบ้านเค้าได้ บางคนก็ทำขนมมาให้ มีเด็กคนหนึ่ง อายุประมาณ 5-6 ขวบอ่ะ เอาเงินมาให้ผม 5 บาท ผมก็งงว่าทำไม แต่เค้าไม่พูด เค้าอายแล้วก็วิ่งหนีไป ผมเลยคิดว่า เค้าคงอยากบริจาคมั้ง น่ารักดี
ท่ามกลางความเหนื่อยล้า ของอาสาสมัคร มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำงานหนักมากแต่ดูเหมือนไม่เหน็ดเหนื่อย คุณหมอพรทิพย์ครับ จะมีใครดีอย่างเค้าอีก ผมรู้ว่าเค้าเหนื่อย แต่เค้ายังยิ้มกับทุกคน และยังดีกับพวกเราทุกคน แถมยังแอบให้เบอร์พวกเราไว้เพื่อนัดทานอาหารกันหลังเสร็จงาน และยังบอกว่า ถ้าพวกเรามีอะไรให้หมอช่วย หมอยินดีช่วย เพราะวันนี้พวกเราช่วยหมอได้มาก สุดยอดครับ ฮีโร่ของผม ผมภูมิใจจริงๆที่ในชีวิตผมได้มาเจอคนที่สุดยอดอย่างคุณหมอ
วันนี้ผมกลับมาแล้ว แต่งานที่นั่นยังไม่จบ คุณหมอยังคงเหนื่อยต่อ คุณยายพึงยังคงต้องซักผ้ากองโตไปอีก คนตายก็ตายไป คนอยู่ก็ต้องดำเนินชีวิตต่อ ผมเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ผมดีใจที่ได้เห็นสิ่งดีๆที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน อยากฝากบอกอาสาสมัครทุกคน นี่เป็นประสบการณ์ที่เราต้องไม่ลืมที่จะเล่าให้ลูกให้หลานฟัง เพราะสิ่งนี้ คือสิ่งดีที่สุดแม้มันจะอยู่บนความเลวร้ายที่สุดก็ตาม ผมยังระลึกถึงทุกคนครับ
คุณหมอพรทิพย์ สุดยอดฮีโร่คนใหม่ของผม
หมอฮิ้ว ที่แม้จะเหนื่อย แต่ยังสร้างสีสันได้ท่ามกลางศพนับร้อย(สาวๆมีกำลังใจเพราะหมอนะ)
ยายพึง ถ้าไม่มียาย เราเน่าเหมือนศพแน่
พี่เหมียว ทีมเสื้อเหลือง ที่นวดและผ่อนคลายความเมื่อยล้าให้เรา
พี่ๆที่คอยเสริฟน้ำหน้าเต้นท์เหลือง
พี่เล็ก แบกโลงแล้วยังล้างห้องน้ำอีก
พี่โต เจ้าของบ้านที่ผมไปอาบน้ำ
น้องแก้ว สาวแก่นจากธรรมศาสตร์
น้องปิ๊ก น้องเคน น้องเอ็ม น้องเต้ สี่หนุ่มจากม.กรุงเทพ นายแน่มาก ที่จัดการทุกอย่างได้ และนายเอาชนะพวกฝรั่งมันได้ด้วยสมอง (ประเทศชาติต้องการคนอย่างพวกนาย)
รุ่นน้องจากเกษตรศาสตร์ทุกคน
และอาสาสมัครที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน พวกนายคือสุดยอด
โดย : โชค
อีเมล์ : [email protected]
วันที่ : 2005-01-11 03:04:41
ผมอ่านแล้วก็คิดนะว่าถ้ามีเหตุการณ์คล้ายๆอย่างนี้อีก(แต่ไม่อยากให้เกิดหรอก) ว่าจะไปลงแรงกับเขามั่งคราวนี้ได้แต่ส่งสิ่งของ เงินทองไปช่วย แล้วทุกท่านว่ากันยังไงครับ
Miscellaneous