เอามะพร้าวห้าวมาขายสวน FFVII : The maiden who travel the planet (Thai ฉบับแปลเองคับ)

The Maiden who Travels the Planet

Written by Benny Matsuyama

Published in the FFVII Ultimania Omega book.



แปลเป็นอังกฤษที่ http://xthost.info/ffwebnovel/



ลงใน Skunwat ไปล่ะ พึ่งนึกได้ว่าลืมลงในนี้อ่ะ รวดเดียวจบเลยนะขะรับ



ใครที่อ่าน ver ญี่ปุ่น ตรงไหนผมแปลผิด บอกด้วยนะคับ จะเอาไปแก้ให้สมบูรณ์ก่อนลง Blog น่ะ



แหะๆ อายสุดๆ บทที่สามหายเฉย เอามาแปะให้ตรงนี้ล่ะครับ



บทที่ 3



แอริธไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วบนนั้น อาจจะนานหลายวันหลังจากเจอเจสซี่กับพวก หรืออาจจะผ่านไปแค่แป๊บเดียว



เธอสงสัยว่าพวกเขาจะรักษาความเจ็บปวดนั้นด้วยตัวเองยังไง เหมือนที่เธอกำลังถามตัวเองอยู่ เธอเดินทางอยู่ใต้โลก แหวกว่ายไปตามไลฟ์สตรีมภายในทะเลมาโค



ตอนที่เธอเจอดวงวิญญาณดวงใหม่ เธอถึงกับต้องกลั้นหายใจ



เงาของท่อเหล็กปรากฎขึ้นมาจากฝ้าแสง เมื่อเธอเห็นว่ามันคือแขนกล เธอคิดว่าแบร์เร็ตเสียชีวิตแล้ว แอริธนึกถึงมาร์รีน เธอแน่ใจว่ามาร์รีนหนีออกมาจากมิดการ์ได้พร้อมกับเอลไมร่าแม่ของเธอ



“มาร์รีน!”



ความคิดของแอริธขยายตัวออกไปถึงวิญญาณดวงนั้น ปรากฎเต็มเป็นร่างชายคนหนึ่งมีแขนเป็นปืน แต่เป็นแขนซ้าย ปืนนั้นดูน่ากลัวเหมือนของจริงมาก และชายคนนั้นก็มีสีแดงย้อมไปทั่ว



“คุณคือ...”



“สาวน้อย...เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน? ทำไมเธอรู้ชื่อของมาร์รีน?”



“เราเคยเจอกันมาแล้ว คุณไดน์”



เขาคือไดน์ ผู้ปกครองคุกโคเรล ดินแดนแห่งการเนรเทศที่เต็มไปด้วยฝุ่นทรายและขยะ เขาเคยเป็นเพื่อนสนิทของแบร์เร็ต หลังจากที่ชินระบุกยึดหมู่บ้าน ความสิ้นหวังทำให้เขาบ้าคลั่ง เขาทำร้ายและฆ่าคนมากมาย



“อา ใช่แล้ว เธอคือเด็กสาวที่อยู่กับแบร์เร็ต นี่หมายความว่าเธอก็ตายด้วยเหรอ แย่จังนะ”



เพราะไม่เชื่อสิ่งที่เห็น ไดน์เริ่มหัวเราะ “ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าหลังจากฆ่าคนมามากมาย ฉันจะมายืนอยู่ที่เดียวกับเด็กสาวบริสุทธิ์อย่างเธอ โลกนี้มันเหลวไหลแท้ๆ ดวงดาวนี้เป็นอะไรที่น่าเบื่อชะมัด ทุกอย่างน่าจะหายไปให้หมดซะ”



“คุณพูดอะไรของคุณน่ะ?”



แอริธยืนจ้องไดน์



“คุณไม่ห่วงมาร์รีนเลยเหรอ”



“ใครห่วง สาวน้อย เธอ...”



“แอริธ”



“เฮ้ๆ เธอแข็งแกร่งทีเดียว แขนซ้ายของฉันยังเป็นเหมือนตอนมีชีวิตอยู่นะ เอาล่ะ ฉันจะเรียกชื่อเธอก็ได้ เธอก็ได้ยินแล้วว่าตอนนั้นฉันพูดว่าอะไร ที่ฉันพูดกับแบร์เร็ตไปน่ะ ฉันอยากจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ฉันอยากจะเอามาร์รีนมาอยู่กับฉันด้วยเหมือนกัน”



“คุณโกหก คุณแค่ขู่เท่านั้นแหละ”



“ที่นี่ฉันโกหกไม่ได้นี่ ใช่มั๊ย? ฉันคิดอยู่เสมอว่าต้องการพูดอย่างนั้นเพื่อยั่วให้แบร์เร็ตสู้กับฉันและได้รับการสั่งสอนซะ”



ขณะเดียวกัน ไดน์หัวเราะดังขึ้นเพราะเขาต้องจ่ายมันด้วยร่างกายที่เหลือ “ฉันขอบคุณแบร์เร็ตนะ ในที่สุดฉันก็มารวมกับโลก ที่ฉันอยากจะทำลาย ฉันไม่อยากจะจบชีวิตตัวเองหรอก ฉันทิ้งให้พวกคนไร้ค่าหวาดกลัว ให้อยู่ที่คุกนั่นเพื่อเป็นการปลดปล่อยและทำให้พวกนั้นมีความสุขนะ”



“.....”



“ตอนนี้เธอเห็นแล้ว แอริธ” ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคือชายที่ช่วยเหลือไม่ได้ ดวงวิญญาณที่แตกสลายที่ดวงดาวไม่ยอมรับ ดวงดาวที่ภรรยาของฉัน เอลีนอร์ได้กลับคืนไปแล้วก่อนนี้แล้ว และฉันก็มอบให้แบร์เร็ตดูแลมาร์รีน ไม่ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น มันก็ไม่มีความหมายสำหรับฉันอีกต่อไป”



“....”



แอริธไม่มีคำพูดออกมา ไดน์หัวเราะชอบใจที่เขาทำให้เด็กสาวตอบโต้ไม่ได้ แต่แล้วเขาก็รู้สึกไม่สนุกและสังเกตว่าแอริธเอาแต่จ้องเขาอย่างไม่ลดละ เขาพบว่าไม่ได้ทำให้เด็กสาวตอบโต้ไม่ได้ แต่ประกายตาสีเขียวของเธอกลับทำให้เขาสงบลง



“คุณมันไร้ค่า”



“เธอว่าอะไรนะ?”



“ฉันพูดอีกครั้งก็ได้ คุณมันไร้ค่า คุณไม่กล้าจะกลับไปเริ่มต้นใหม่ คุณมัวแต่กลิ้งไปมาในที่แบบนี้เพราะมันง่ายสำหรับคุณ”



แอริธจ้องมองไดน์ไม่กระพริบตา เธอก้าวเข้าไปหาเขา ความกดดันจากแอริธทำให้ไดน์ถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว เขายกปืนขึ้นปิดหน้าของตัวเอง



“แบร์เร็ตเองก็ต้องมีแขนเป็นปืน เขาพูดว่าจะต้องทำลายชินระเพื่อล้างแค้น นั่นทำให้มือของเขาต้องเปื้อนเลือด แต่เขาก็รู้ตัวเองดี หนำซ้ำยังแบกภาระใหญ่ เขาพยายามจะช่วยดวงดาว เขาพยายามปกป้องโลกที่มาร์รีนอาศัยอยู่โดยไม่ยอมหนี”



“...ที่เปลี่ยนไปได้อย่างนั้นก็แค่กำลังของคนโง่แหละ”



“เพราะแบร์เร็ตเป็นคนพิเศษแต่คุณไม่ใช่งั้นเหรอ?”



ไดน์ครางออกมา เขาตอบคำถามแอริธไม่ได้ เขารู้สึกตัวแล้ว สิ่งที่เขาเกลียดที่สุด เขาลืมตัวเองอยู่ตลอดเวลาและทำให้เขาลืมว่าตัวเองเป็นใคร แต่แอริธเป็นคนทำลายหมอกแห่งความบ้าคลั่งที่ปกคลุมอยู่ทั้งหมด กำแพงในใจเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ



“ตัวของฉันอาบเลือดของคนที่ฉันฆ่า แล้วมันฝังลึกอยู่ในใจของฉัน เธอเห็นรึเปล่า? พวกเขาเกาะติดฉันตลอดเวลา ถ้าฉันกลับไป ฉันจะเอาพวกเขาไปด้วย”



หมอกสีแดงปกคลุมรอบๆ ตัวไดน์และเริ่มหนาขึ้น ตลอดสี่ปีนับแต่เมืองโคเรลถูกทำลาย เขาไม่เคยสนใจว่าเขาและแขนซ้ายปืนของเขาสร้างความเกลียดชังมากขึ้นเพียงใด ตอนนี้มันจึงชุ่มโชกไปด้วยเลือดของคนที่เขาฆ่า และบาปที่เขาก่อมัดเขาไว้อย่างแน่นหนาจนเขายอมแพ้



“ฉันจะกลับไปเริ่มใหม่ได้ยังไง? เท่าที่ทำได้ตอนนี้คืออยู่ในกำแพงที่ทำให้ฉันลืมทุกอย่าง ที่ฉันทำได้คือเกลียดทุกๆอย่างแล้วทำให้ตัวเองเป็นบ้า ฉันทำผิดเรอะ!?”



“คุณผิด”



แอริธไม่ได้บังคับแต่กลับกัน เธอเข้าไปหาเขาอย่างนุ่มนวล ยื่นมือออกไปแตะผนังเลือดที่ห่อหุ้มตัวเขา



“เลือดพวกนี้คือสิ่งที่คุณสร้างขึ้นเองจากความรู้สึกผิด คนที่คุณฆ่าน่ะกลับไปยังไลฟ์สตรีมตั้งนานแล้ว คุณลืมสิ่งที่คุณทำไม่ได้แต่ ไม่มีเหตุผลนี่ว่าทำไมคุณจะเริ่มต้นใหม่ไม่ได้ ฉันรับรอง”



“....”



จุดที่แอริธแตะนั้น ผนังเลือดกลายเป็นแผ่นบางๆ ลอกออกและปลิวจากไป แขนซ้ายของไดน์เริ่มเลือนหายไป



“...ฉันจะสามารถรวมกับดวงดาวได้ซักวันหนึ่งใช่ไหม?”



“ฉันแน่ใจว่าคุณทำได้”



“ถ้ามาร์รีนสิ้นอายุขัยข้างบนนั่นและลงมาที่นี่ ฉันจะออกมาต้อนรับเธอเป็นส่วนหนึ่งของดวงดาว...?”



แอริธเงยหน้าขึ้นมองหน้าของไดน์และยิ้มให้



“เพราะว่าคุณจะกลับไปเริ่มใหม่ ทุกอย่างจะเรียบร้อยแน่”



ใบหน้าของไดน์สงบลง ดูแตกต่างจากใบหน้าที่แอริธเคยเห็นตอนที่อยู่ในคุกโคเรล นี่คือใบหน้าที่แท้จริงของคนๆหนึ่งที่ซื่อสัตย์ต่อความรักที่มีให้กับครอบครัว และเมืองที่เขาอาศัย



เขาไม่อาจจะกลับไปสู่ช่วงเวลาแสนสงบสุขตอนที่เขาเหนื่อยแต่สนุกกับการทำเหมืองแร่ก่อนโศกนาฎกรรมนั้นจะเริ่มขึ้น ไดน์กับแอริธทราบดี แม้กระนั้น หัวใจของคนยังสามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ พวกเขายืนขึ้นและเผชิญหน้ากับความทรงจำที่แสนเจ็บปวด ถ้าหากว่าทำไม่ได้นั่นหมายถึงว่าโลกนี้คงจะเหลวไหล



“ฉันทำอะไรได้บ้างที่นี่? ไม่ใช่ ฉันต้องทำอะไรที่นี่ ฉันคงต้องคิดถึงคนที่ฉันฆ่าไปในอดีต จนกว่าจะถึงวันที่ฉันกลับสู่ดวงดาวได้”



“ใช่ เป็นความคิดที่ดี”



“แอริธ ฉันขอโทษที่แกล้งเธอ ฉันดีใจที่ได้เจอเธอนะ”



“คุณไม่ได้แกล้งฉันแย่ซักเท่าไหร่หรอก”



“เธอเป็นคนที่มีจิตใจแข็งแกร่งมาก”



นั่นเป็นครั้งแรกที่ไดน์ยิ้มออกมาจากใจจริง และร่างของเขาจางหายไปอย่างเงียบๆ ปืนที่แขนซ้ายของเขาหายไปแล้ว



“หลังจากตายและพบกับสิ่งต่างๆมากมาย ในที่สุดฉันก็เลิกเกลียดแบร์เร็ตกับมาร์รีนได้ ขอให้ฉันได้ขอบคุณ...”



ก่อนที่เขาจะจมหายไปในไลฟ์สตรีม แอริธเห็นสิ่งหนึ่ง



เธอเห็นส่วนหนึ่งของพลังงานมาโคสร้างเป็นทางมุ่งตรงมายังไดน์และโอบรอบตัวเขาคล้ายกับมีชีวิต ใบหน้าของไดน์ประหลาดใจ พูดออกมาด้วยความสงสัย



“เอลีนอร์?”



หลังจากนั้น แอริธเริ่มออกเดินทางอีกครั้งหนึ่ง
Anime

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา