ไปดูมาซะแล้ว THE PASSION OF THE CHRIST
ต้องออกตัวก่อนว่าผมมิใช่คริสเตียนแต่อย่างใด แต่ไปดูหนังเรื่องนี้ด้วยความอยากรู้จริง ๆ ว่ามีอะไรดีถึงได้ทำรายได้เยอะแยะปานนั้น(มากกว่า 300 ล้านเหรียญ ทั้งๆ ที่ใช้ทุนสร้างแค่ราว ๆ 30 ล้านเหรียญ)
หนังเปิดตัวมาด้วยฉากที่ทำให้ผมงงเล็กน้อยว่า "คนชุดดำ" เป็นใคร ก่อนที่จะเริ่มเรื่องต่อโดยดำเนินเรื่องตามคัมภีร์ไบเบิล(ชนิดเป๊ะ ๆ เหมือนเดี๊ยะ) ก่อนที่หนังจะเข้าสู่ฉากที่ว่าด้วยการทารุณกรรมต่อพระเยซู และก็จบลงที่ว่า...แค่นี้แหละ ผมไม่ชอบเล่าเรื่องให้ใครฟัง แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากที่เรา ๆ ท่าน ๆ รู้กันหรอก
ผมต้องยอมรับเลยว่า Mel Gibson เก่งเป็นบ้าเลยที่ทำออกมาได้ขนาดนี้ เมื่อครั้ง BRAVE HEART นั้น ผมรู้สึกว่าหนังยังไม่น่าได้ออสการ์สักเท่าไหร่ เพราะว่าเรื่อง BRAVE HEART นั้นยังไม่"ดี"พอที่จะได้ออสการ์ไป(โดยเฉพาะถ้าเทียบกับหนังของปีก่อน ๆ)เพียงแต่ถือเป็นโชคดีของเขาที่ปีนั้นหาหนังดีได้ยากพอ ๆ กับงมเข็มเลย ผลบุญนี้จึงส่งให้เขาได้ออสการ์ไป ว่ากันง่าย ๆ ก็คือ ผมว่าฝีมือแกยังไม่ถึงชั้นนั่นแหละ
แต่พอมาเรื่องนี้ต้องยอมรับเลย เขาดึงจุดเด่นของหนังในฉากที่พระเยซูต้องถูกทรมานออกมาได้ถึงอารมณ์มาก ๆ เขาทำออกมาให้ผมรู้สึกว่า"เหมือนกับอยู่ร่วมในเหตุการณ์นั้นด้วย"(จริง ๆ ไม่พูดเล่น) แทบจะทำให้อยากจะไปโบสถ์ในวันรุ่งขึ้นเลยแหละ ตัวหนังเองก็"ตรึง"และเครียดมาก(แต่น่าติดตาม) แถมเพลงประกอบก็ยังส่งให้หนังเรื่องนี้"ทรงพลัง"มากยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยแนวแบบโกธิค ฟังดูแล้วทรมานใจมากเลย
แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า ใครที่จะไปดูหนังเรื่องนี้ ต้องรับได้กับความโหดร้ายของหนังนะครับ เพราะเรื่องนี้ทารุณพระเยซูกันได้โหดมาก ๆ (ไม่ใช่แหวะชวนสยองแต่อย่างใด แต่โหดร้ายมากจริง ๆ) ชนิดที่ว่า เด็ก สตรีมีครรภ์ คนชรา และผู้เป็นโรคหัวใจ ถ้าใจไม่แข็งพอ แนะให้ดูเรื่อง LES TRIPLETTES DE BELLEVILLE ดีกว่านะครับ จรรโลงใจกว่ามาก(ข่าวบอกว่ามีคนหัวใจวายซี๊ม่องเท่งขณะดูเรื่อง THE PASSION...ไปแล้วเน้อ)
และสำหรับใครที่จะไปดูเรื่องนี้ ขอแนะนำให้ลองหาคัมภีร์ไบเบิลมาอ่านก่อนจะดีกว่านะครับ(อ่านเฉพาะตอนท้าย ๆ นะอย่าอ่านทั้งเล่ม ไม่งั้นอดดูหนังไม่รู้ด้วยนะ)เพราะมันจะทำให้คุณดูรู้เรื่องมากยิ่งขึ้นหรือเอาเรื่อง Benhur มาดูก็ได้(จะพอกล้อมแกล้มไปได้) แต่ถ้าไม่สะดวกทั้ง 2 วิธี แถวหน้าโรงหนังมีตั้งไว้ให้คุณอ่านครับ(แล้วไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะ)
สำหรับเรา ๆ ท่าน ๆ ที่นับถือศาสนาพุทธ(หรือศาสนาอื่น ๆ ที่มิใช่คริสต์) ผมขอแนะนำให้ดูหนังเรื่องนี้ในฐานะ"หนังที่ดี"
สำหรับชาวคริสเตียนทั้งหลาย ถ้าไม่ดูเรื่องนี้ อย่าบอกว่าท่านเป็นคริสเตียนครับ
อ้อ หนังเรื่องนี้ไม่ยาวมากนะครับ(สั้นกว่า HELLBOY อีก) ทีแรกเราก็นึกว่ายาว 3 ชั่วโมงซะอีก
...
อนึ่ง หนังเรื่องนี้โดนแบนไม่ให้ฉายที่อิสราเอล ด้วยเหตุผลว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมกับพระเยซู แต่จริง ๆ เขารู้กันทั้งโลกแหละว่า แบนเพราะเรื่องนี้"ยิว"เป็นคนเลว
อนึ่ง(อีกที) หนังเรื่องนี้ก็เกือบโดนแบนไม่ให้ฉายที่เมืองไทยเหมือนกัน(ไม่ทราบเหตุผล) ก่อนที่แจ้งว่าฉายจำกัดโรง แต่สุดท้ายเขาก็ฉายตรึม(นัยว่าเงินไม่เข้าใครออกใคร)
แต่มันน่าน้อยใจที่ว่า ตอนผมไปดูน่ะ"คนเต็มโรงเลย"แถมดูหน้าแต่ละคนนี่ โห ลูกเล็กเด็กแดง อากงอาม่า ลุงป้าน้าอา ยกกันมาเพียบ(ไม่รู้เหรอว่ามันติดเรท) ประเทศไทยเรามีคนนับถือศาสนาพุทธ(น่าจะ)ราว ๆ 70% ส่วนอีก(น่าจะ) 30 เปอร์เซ็นต์ก็ปน ๆ กันไป แต่หนังเกี่ยวกับศาสนาคริสต์กับมีคนดูเต็มโรงตั้งแต่สัปดาห์แรก แต่ในราว ๆ 100% ของคนไทย กลับมีส่วนมากที่ไม่ยอมไปดูหนังของคนไทยแท้ ๆ (เพื่อคนไทยแท้ ๆ)อย่าง"โหมโรง"ซะนี่
อนึ่ง รายได้ปิดตัวของโหมโรงอยู่ที่ราว ๆ 60 ล้านบาท(มิใช่เหรียญ) รวมค่าลิขสิทธิ์ที่ฝรั่งตาน้ำข้าวซื้อไปอีกราว ๆ 8 ล้าน ก็ได้ 68 ล้าน...แต่ทุนสร้างเรื่องนี้นั้น...50ล้านบาท(มิใช่เหรียญ) โธ่ เราอุตส่าห์ดูตั้ง 3 รอบแน่ะ ยังได้แค่นี้เองง่ะ
แต่ถึงหนังเรื่องนี้จะดูแล้วเครียดแค่ไหน แต่พอกลับบ้านมาเปิดช่อง 7 เจอ My Sassy Girl ก็หายเป็นปลิดทิ้ง(ชอบม๊ากค่ะ)
ชิออนเซนเซย์(คุณครูชิออน)
--------------------------------------------------
รักเอวาจังมากที่สุด รักมากกว่าสิ่งใด แต่ยิ่งรักเอวาจังมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแอบปันใจไปให้โคโนะจังมากขึ้นเท่านั้น
Miscellaneous