Evangeline.A.K.McDowell and Skin Winamp 2nd

คำเตือน : โปรดอ่านข้อความก่อนโหลด skin ทุกครั้งนะคะ

คำแนะนำ : เพื่อเป็นการถนอมสายตาควรนั่งห่างจากหน้าจอประมาณ 1 ช่วงแขน และควรพักสายตาทุก ๆ 1 ชั่วโมงนะคะ



Shion : ไหน ๆ ฝนก็ตกแล้ว ขอเอาฟิกน้องสาวมาลงส่งท้ายหน่อยแล้วกัน

เมฆสีดำสนิทลอยอยู่อีกฟากหนึ่งของท้องฟ้า วันนี้ฝนคงจะตก ผมเฝ้ามองเมฆดำค่อย ๆ เคลื่อนตัวมาช้า ๆ สายลมในวันนี้พัดแรงกว่าปรกติ ผมไม่ชอบเลย มันทำให้เสียงของสายลมเปลี่ยนไป... ไม่ชอบจริง ๆ

"อ๊ะ ฝนจะตกแล้ว ต้องรีบไปเก็บผ้าก่อนล่ะ"

วันไหนที่มีเมฆดำบนท้องฟ้า ผมมักจะได้ยินคำพูดนี้เสมอ เมื่อเหลียวมองไป ที่ราวตากผ้าตอนนี้ มีเพียงผ้าห่มและผ้าปูที่นอนของผมแค่ 2 ผืนเท่านั้น หากเป็นแต่ก่อนคงไม่มีเพียงแค่นี้แน่ ราวตากผ้าที่เต็มไปด้วยผ้าห่มและผ้าปูที่นอนสีขาวมากมาย มีสายลมพัดมาให้มันปลิวไสว ตอนนี้ผมคิดถึงภาพเหล่านั้นเหลือเกิน

หากปล่อยให้ผ้าที่ตากไว้จนแห้งแล้วต้องมาเปียกฝน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ผมเอื้อมมือไปสัมผัสกับผ้าห่ม กลิ่นแดดจาง ๆ ลอยเข้าจมูกผม แล้วสายลมก็พัดมา

"อ๊า ลมแรงจัง พี่ชายช่วยหน่อยสิคะ"

สำหรับผ้าผืนใหญ่ เวลาโดนลมพัดก็มักจะเก็บลำบากเสมอ ผมก็เลยต้องช่วยพวกเธอเก็บผ้าอยู่เสมอ และบางที...สำหรับผู้หญิงแล้ว สายลมที่พัดหยอกล้อแรง ๆ แบบนี้ อาจไม่เป็นที่ชื่นชอบมากนัก

"ลมบ้า" ผมแอบหัวเราะเมื่อได้ยินเธอพูดแบบนี้

"บางครั้ง ลมมันก็หยอกเราเล่นแบบนี้แหละ"

"เมื่อกี้พี่ชายเห็นสินะคะ" เธอชำเลืองมองถามด้วยใบหน้าที่ผมก็ดูไม่ออกว่าเธอโกรธหรือเขินกันแน่

"หือ เห็นอะไรหรือ?"

"อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่อง ก็เมื่อกี้พี่ชายแอบมองอยู่นี่นา"

"ฮะ ฮะ ฮะ ไม่เห็นหรอกสีขาวนั่นน่ะนะ"

"พี่ชาย!!! แอบมองจริง ๆ ด้วย!!! คนลามก!!!"

"ฮะ ฮะ ฮะ"

"บ้า บ้า บ้า พี่ชายลามกที่สุดเลย!!!" น้องสาวผมเข้ามาทุบผมเป็นการแก้เขิน

...แต่ตอนนี้...ที่นี่มีผมอยู่คนเดียวเท่านั้น เพียงลำพัง ผมอดนึกถึงอดีตไม่ได้ ผมเหม่อมองผ้าห่มที่ตากไว้ แล้วเอื้อมมือไปกอดผ้าห่มนั้น ว่างเปล่า...หลังผ้าห่มไม่มีใครยืนอยู่ เป็นเพียงผมที่เพ้อฝันไปเอง...เท่านั้น ผมหลับตาลงแล้วกอดผ้าห่มนั้นไว้ในอ้อมแขน ผมได้แค่รำพึงรำพันถึงชื่อของพวกเธอ ผมทำได้แค่นั้น สายลมพัดมาอีกแล้ว แต่ยังคงไม่มีเสียงแห่งความรู้สึกของพวกเธอ มีแต่เสียงลมอันเกรี้ยวกราดที่ผมไม่ชอบเอาเสียเลย...

บางทีอาจเป็นเพราะผมอยู่ที่สูงก็ได้ ลมจึงพัดมาแรง บางทีถ้าอยู่ข้างล่าง เสียงของสายลมอาจจะดีกว่านี้ก็ได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว ผมก็เก็บผ้าห่มกับผ้าปูที่นอนเข้าบ้านทันที

---

ผมวิ่งผ่านถนน ผ่านต้นไม้ ผ่านตัวเมือง ผ่านผู้คนมากมาย จนมาถึงท่าเรือ ผมยืนหอบเล็กน้อยก่อนที่จะหลับตาลงแล้วเงี่ยหูฟัง สายลมพัดมาแล้ว พัดผ่านใบหน้าผม พัดผ่านร่างผม พัดผ่านหูผม แล้วพัดผ่านไปด้านหลังผม... แต่ผมไม่ได้ยินเสียงของพวกเธอเลย ทำไมกัน...

ครืนนนนน

เสียงฟ้าร้องดังมา ผมพึ่งสังเกตเห็นว่าเมฆดำลอยมาปกคลุมเต็มท้องฟ้าแล้ว

---

ฝนตกลงมาแล้ว ผมยืนหลบสายฝนอยู่ใต้หอนาฬิกา แม้ฝนจะตกไม่หนักมากนัก แต่เพราะผมวิ่งฝ่าฝนมาทำให้เสื้อผมเปียกโชกจนหมด ตอนนี้ผมคงได้แต่รอให้ฝนหยุดตกเท่านั้น ผมมองผ่านเข้าไปในตัวเมือง ผู้คนมากมายเดินกางร่มอยู่ในตัวเมือง คงมีผมคนเดียวมั้งที่ออกมาโดยไม่ได้เอาร่มมาด้วย บ้าดีแท้ ๆ

"ฮิ ฮิ ฮิ ร่มของหนูมีรูปคุณสิงโตด้วยล่ะ" คำพูดนี้ทำให้ผมตกใจเล็กน้อย เป็นเสียงของเด็กคนหนึ่งกำลังพูดกับแม่ของเธอ

ผมอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ร่มบนท้องถนน ร่มสีต่าง ๆ มากมาย ผมนึกถึงร่มคันหนึ่งขึ้นมา ร่มที่น้องสาวของผมมีติดตัวเสมอเวลาออกมาข้างนอก ตอนนี้ร่มคันนั้นยังทำหน้าที่ของมันอยู่หรือเปล่านะ เสียงเม็ดฝนกระทบพื้นยังคงดังเข้าหูผมอยู่เรื่อย ๆ ขณะที่ตัวผมกำลังหลงอยู่กับภาพของอดีตที่กำลังผ่านหัวผมไปอย่างช้า ๆ

---

ฝนหยุดตกแล้ว หลังจากที่ปล่อยให้ผมยืนเหม่ออยู่นาน ผมคงต้องกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียที

---

ฟ้าหลังฝน ผมยืนมองท้องฟ้าระหว่างทางกลับบ้าน เมฆดำหายไปหมดแล้ว แต่ร่องรอยของสายฝนยังคงอยู่บนพื้น

"อ๊า บนพื้นมีแต่บ่อน้ำเต็มไปหมด รองเท้าหนูจะเลอะไหมคะ" เสียงของเด็กน้อยเจ้าของร่มคุณสิงโตนั่นเอง

"ถ้าเดินไปดี ๆ ก็ไม่เลอะหรอกจ๊ะ" แม่ของเธอตอบ

"ฮิ ฮิ จริงด้วยสินะ อ๊ะ คุณแม่คะ ดูสิมีกบด้วย" เด็กน้อยพูดพรางชี้ให้แม่เธอดู

"กบตัวนั้นจะเป็นเจ้าชายเหมือนในนิทานไหมคะ"

"อืม แม่ก็ไม่รู้หรอกนะ แล้วถ้ากบตัวนั้นเป็นเจ้าชายจริง แล้วมาขอให้ลูกเป็นเจ้าหญิงลูกจะเอาไหมจ๊ะ"

"ไม่เอาหรอกค่ะ หนูอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ดีกว่า"

"หึ หึ งั้นก็กลับได้แล้วล่ะจ๊ะ เดี๋ยวจะเย็นซะก่อนนะ"

บังเอิญหรือเปล่านะที่ผมได้ยินแม่ลูกคู่นี้พูดกัน ผมรู้สึกขำตัวเองเล็กน้อย คำพูดของเด็กคนนั้นคล้ายกับคำพูดของน้องสาวผมเลย

---

ผมเหม่อมองไปบนท้องทะเล...ตอนนี้พวกเธอกำลังทำอะไรอยู่นะ...

เงาดำบางอย่างมาช่วยบดบังแสงแดดให้ผม ผมหันกลับไปมองด้านหลัง ...ไม่มีใคร ผมแหงนหน้ามองท้องฟ้า เงาของก้อนเมฆนั่นเอง ใช่แล้ว พวกเธอก็เคยมารับผมหลังฝนตก

ฝนหยุดตกแล้ว...ผมกำลังเดินกลับบ้าน เงาดำบางอย่างช่วยบดบังแสงแดดให้ผม ผมหันกลับไปมองด้านหลัง น้องสาวของผมเอง น้องสาวของผมแอบมากางร่มให้ผมจากด้านหลัง

"เฮะ เฮะ เห็นว่าฝนตกเลยกะว่าจะเอาร่มมารับพี่ชายซักหน่อย แต่ฝนดันหยุดตกก่อนซะได้ แย่จัง"

"ขอบใจนะ แต่คราวหลังไม่ต้องมารับก็ได้นะ ลำบากเปล่า ๆ "

"ไม่ค่ะ ไม่ลำบากเลยค่ะ แต่ถ้าพี่ชายต้องตากฝนก็ลำบากแย่สิคะ"

"ห่วงตัวเองก่อนเถอะ เอาร่มมาแท้ ๆ แต่ไหงกลับเปียกโชกได้เนี่ย"

"แฮะ แฮะ คือว่า รีบไปหน่อยน่ะคะ เลยรีบวิ่งออกมาโดยที่ยังกางร่มไม่เสร็จ ก็เลย..."

"ใส่นี่ซะสิ" ผมถอดเสื้อนอกออกแล้วยื่นให้

"ฮิ ฮิ ขอบคุณมากค่ะพี่ชาย ว้าว เสื้อของพี่ชายนี่ตัวใหญ่จังเลย"

"รีบกลับเถอะ เดี๋ยวจะเป็นหวัดซะก่อน"

"ค่ะ แต่...ถึงจะเป็นหวัด แต่ถ้ามีพี่ชายคอยเฝ้าอยู่ข้าง ๆ ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ"

...ผมยังคงยืนมองไปยังด้านหลัง ไม่มีใครเดินมาสักคน บนถนนนี้มีผมยืนอยู่เพียงคนเดียว ...ลำพัง ...อ้างว้าง ไม่มีใครมารับผมอีกแล้ว ผมกับพวกเธออยู่ห่างกันไกลแสนไกล ไกลแสนไกล

ผมหันกลับมาทางเดิม คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะยืนรอ เพราะมันไม่มีทางเป็นจริงได้อีกแล้ว

"กลับบ้านเถอะ" ผมบอกกับตัวเอง แล้วเริ่มก้าวเท้าไป

แต่เพียงไม่กี่ก้าว ผมก็หันกลับไปมองทางด้านหลังใหม่ ...ไม่มีใครเหมือนเดิม ผมหันกลับมา ...น้ำตาผมไหลออกมา ทั้งที่รู้ว่าไม่ว่าจะหันกลับไปมองซักกี่ครั้ง จะยืนรอนานสักเพียงใด พวกเธอก็ไม่สามารถมาได้ ...ที่นี่ไม่มีพวกเธออีกแล้ว สิ่งที่ผมหวังเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงได้อีกแล้ว ไม่มีใครอยู่เคียงข้างผมอีกแล้ว...

ผมเช็ดน้ำตาออกแล้วเริ่มก้าวเดินอีกครั้ง อย่างโดดเดี่ยว

ท่ามกลางความโศรกเศร้า...สายลมก็ได้พัดมา ผมหยุดเดินในทันที

"แฮะ แฮะ พวกเรามารับแล้วค่ะ พี่ชาย"

ผมได้ยินแล้ว

"ดูสิ เปียกไปหมดเลย ถ้าไม่รีบกลับเดี๋ยวจะเป็นหวัดนะคะพี่ชาย"

เสียงของสายลม... เสียงของพวกเธอ... ไม่ผิดแน่ ผมได้ยินแล้ว

"แต่ไม่เป็นไรหรอก ถึงพี่ชายจะเป็นหวัด พวกเราก็จะช่วยดูแลเองค่ะ"

ในที่สุดสายลมก็ช่วยพัดเอาเสียงแห่งความรู้สึกของพวกเธอมาแล้ว น้ำตาผมไหลออกมาอีกครั้ง ผมต้องรีบเช็ดออก... ผมไม่อยากให้พวกเธอรู้ว่าผมร้องไห้

"ทุกคน ขอบคุณมากนะ" ผมอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา แล้วสายลมก็พัดเอาคำตอบมาให้ผม

"อ๊ะ ดูสิพี่ชาย ที่บ้านของพวกเรามีรุ้งกินน้ำด้วย พวกเราวิ่งไปให้ถึงรุ้งกินน้ำเถอะ"

ผมมองไปที่บ้าน มีรุ้งกินน้ำอยู่ที่บ้านจริง ๆ ด้วย

ผมยิ้มอีกครั้ง ไม่ว่าจะห่างกันแค่ไหน แต่ผมก็เชื่อ ...เชื่อว่ายามที่ผมเศร้า ความรู้สึกของพวกเธอจะสื่อมาถึงผมได้เสมอ ตลอดไป...

"อย่ามัวแต่เหม่อสิคะพี่ชาย ไม่งั้นไม่รอนะคะ"



บนสายรุ้งนั้น...อาจจะมีความฝันของผมอยู่ก็ได้

Shion ไม่ใช่ผู้วิเศษ เป็นเพียงผู้ชาย ที่ใจมั่นรักเธอ















หนังเรื่อง "โหมโรง" ดีมาก ๆ จริง ๆ นะค่ะ(ใครว่าไม่ดี พี่ shion ยินดีออกค่าตั๋วคืนให้ครึ่งนึง)

บอกเล่า 90 ค่ะ

หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไม พี่ shion ถึงเลิกบ้า sispri ได้ คำตอบอยู่ที่ภาพข้างล่างแล้วค่ะ



เพียงแค่นี้ ทั้งร่างกายและจิตใจของพี่ shion ก็เป็นของเอวาจังแล้วค่ะ



ตั้งแต่พี่ shion ได้หนังสือเล่มนี้มา ก็เอาแต่บ่นว่า "ทำไมภาพ Asuka 120% ถึงมีไม่ครบเนี่ย"



wing คุง พี่ shion ฝากขอบคุณมาก ๆ สำหรับเพลงนี้ค่ะ "ชื่อเพลงมันช่างไพเราะอะไรอย่างนี้เนี่ย"

--------------------------------------------------



/me พี่ shion บอกกับน้องสาวว่า "I know we must say goodbye. We must say goodbye."

/me พี่ shion พูดเสมอว่า "รักเอวาจังมากที่สุด รักมากกว่าสิ่งใด แต่ยิ่งรักเอวาจังมาเท่าไหร่ ก็ยิ่งแอบปันใจไปให้โคโนกะจังมากขึ้นเท่านั้น"
Miscellaneous

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา