FF : OWS Chapter 1-2 Thai Version

จับไก่ครั้งที่ 1 แก้ชื่อ เลวี เป็น รูวี ตามต้นฉบับภาษาญี่ปุ่น



On a Way to a Smile

Episode 1-2 (Published, 10.09.05)

By Kazushige Nojima

Translated from Japan by vilaeth

Translated from English by pladoog



“ชินระเป็นคนทำใช่มั๊ย?”



“ใช่” รีฟเบือนหน้าออกไปทางอื่น เหมือนไม่อยากให้เดนเซลเห็นสีหน้าของตัวเอง



“ถ้าเธอแค้น เธอจะแก้แค้นที่ผมก็ได้นะ”



เดนเซลส่ายหน้า



วันรุ่งขึ้น เดนเซลนอนอยู่ในบ้านใหม่ เขาหลับบนที่นอนอันหนึ่ง ไม่รู้ว่ามาจากไหน ข้างๆ มีขนมปังกับกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งวางอยู่



“ฉันไปทำธุระ ถ้าเสร็จแล้วจะแวะมาหาเธอ อย่าไปไหนไกลนัก ทุกคนกำลังบ้าคลั่ง ข้างนอกอันตรายมาก ที่สำคัญที่สุด ระวังไม่สบายแล้วเธอจะดูแลตัวเองไม่ได้ ปล. ฉันยืมที่นอนมาจากบ้านข้างๆ เอาไปส่งคืนด้วย, อาคัม”



ทีวีฉายภาพข่าวการระเบิดของ Sector 7 วนซ้ำไปมา ชินระคัมพานีประกาศว่าสถานการณ์ปลอดภัยแล้ว เดนเซลไม่เข้าใจว่าทำไมพวกนั้นถึงพูดได้ว่าปลอดภัย ทั้งที่พ่อแม่ของเขาไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย



“ฉันคิดว่าความปลอดภัยคือทุกๆคนอยู่ได้อย่างมีความสุข” เขาคิด “ฉันสงสัยว่าจะรวมถึงฉันด้วยหรือเปล่า?” เดนเซลพยายามกินขนมปัง แต่แค่กัดเข้าไปคำแรก เขาก็ต้องถ่มมันทิ้งด้วยความโมโห เดนเซลขว้างขนมปังไปโดนทีวีเต็มแรง แล้ววิ่งออกจากบ้านไป



ข้างนอกเงียบสงัด เขาเดินออกมา เห็นตึกสำนักงานชินระที่ตั้งเด่นใจกลางเมืองมิดการ์ ความหวังของเขาวูบขึ้นมา บางทีพ่ออาจจะพาแม่ไปที่ตึกนั้น ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างยังวุ่นวาย หาคนที่ว่างๆ พอจะคุยด้วยไม่ได้เลย แต่ที่นี่เป็นเขตที่อยู่อาศัยของพนักงานชินระ น่าจะมีใครซักคนรู้จักพ่อบ้าง เขายังไม่รู้วิธีคุยกับผู้ใหญ่ดีนัก แต่ก็ตัดสินใจว่าจะลองดู



ครั้งแรก เขาไปที่บ้านหลังแรกทางขวามือ กดกริ่ง ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาลองบิดลูกบิดประตู ประตูไม่ได้ล็อค “สวัสดี?” เดนเซลรออึดใจหนึ่ง แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น รู้สึกว่าอาคัมจะยืมที่นอนมาจากบ้านหลังนี้น่ะแหละ อาจจะไม่ใช่แค่ยืมมาแบบไม่ถาม แค่ขโมยมาต่างหาก? นี่อาจจะเป็นวิธีการเอาตัวรอดตอนนี้ ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา แม้แต่ต้องเป็นขโมย?



บ้านหลังซ้ายมือ, อีกหลังที่อยู่อีกฟากของถนน, อีกหลังที่ถัดออกไปอีก ก็ไม่มีใครอยู่เหมือนกัน เดนเซลเดินตรวจดูบ้านแถวนั้นอีกซักพัก บ้านส่วนใหญ่มีเลขที่บอกไว้ (เหมือนว่าจะมีเจ้าของแต่พร้อมใจกันอพยพไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว)



ไม่มีใครเลย พ่อเขาคงไม่อยู่ที่บริษัท ถ้าเขาอยู่ที่นั่นจริง ก็คงจะมาที่นี่แล้ว และถ้าพ่อไม่ได้อยู่ที่นั่น แม่ก็คงไม่อยู่เหมือนกัน



ตอนที่เขาเดินสำรวจไปเรื่อยๆ พร้อมกับความหวังที่ริบหรี่ลง เดนเซลก็รู้สึกตัวว่าเขาหลงทาง เขาจำไม่ได้ว่าเดินมาไกลจากจุดเดิมเท่าไหร่ น้ำตาเริ่มรื้นออกมาจากขอบตา แต่ในตอนนั้นความรู้สึกโกรธก่อตัวขึ้นรุนแรงกว่าความเศร้า ความโกรธที่มีต่ออวาแลนซ์กับโลกเฮงซวยใบนี้ เขาหยุดเดินและนั่งลง แต่กลับนั่งทับบางสิ่งบางอย่าง เป็นเรือเหาะของเล่นของชินระ เด็กบางคนคงทิ้งมันไว้ เขาทวีความโกรธมากขึ้น เดนเซลหยิบมันขึ้นมาแล้วขว้างออกไปสุดแรง



“ฉันเกลียด เกลียดทุกๆ อย่าง!”



เสียงกระจกแตกดังขึ้น ไม่นานก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนออกมา



“ใครน่ะ!?”



ตอนแรกเดนเซลไม่แน่ใจว่าเสียงนั้นดังมาจากทางไหน แต่ต่อมาเขาเห็นหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเดินออกมาจากบ้านที่อยู่ตรงหน้าเขา แต่เดนเซลกะอายุของเธอไม่ถูก



“เธอเป็นคนทำเหรอ!?” ผู้หญิงคนนั้นถาม มือส่ายเรือเหาะของเล่นไปมา



เดนเซลผงกหัว



“ทำไมเธอถึง....” หญิงกลางคนชะงักกลางคัน “เธอร้องไห้ทำไม?”



เดนเซลส่ายหน้าปฏิเสธ แต่เขาซ่อนน้ำตาไม่ได้



“บ้านเธออยู่ที่ไหน?”



เดนเซลพยายามนึกคำตอบ แต่นึกไม่ออก เขาร้องไห้หนักกว่าเดิม



หน้าของหญิงชราอ่อนโยนลง “เข้ามาข้างในก่อนสิ”



ภายในบ้านของรูวี (Levy) เต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่น แตกต่างจากบ้านของเดนเซลสิ้นเชิง ผนังประดับด้วยรูปดอกไม้ โซฟากับเบาะนั่งก็ประดับด้วยรูปดอกไม้ แม้ว่าจะเป็นด้วยดอกไม้ปลอม แต่ก็รู้สึกอบอุ่น และดูดี เดนเซลนั่งบนโซฟามองรูวีที่กำลังเอาถุงพลาสติกคลุมกระจกที่แตก



“ฉันจะให้ลูกชายฉันซ่อมมันตอนที่เขากลับมา ไม่เป็นไรมากหรอก”



“ผมขอโทษฮะ คุณรูวี…”



“ถ้าไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องขึ้น ก่อนหน้านี้ฉันคงขยุ้มคอเธอ แล้วพาไปหาพ่อแม่เธอแล้วล่ะ”



“แม่กับพ่อผม เขา...”



“อย่าบอกนะว่าเขาวิ่งหนีทิ้งเธอไปน่ะ?”



“พวกเขาอยู่ที่ Sector 7 ฮะ”



รูวีชะงัก เธอเดินมานั่งลงข้างๆ เดนเซล เธอกอดเขาไว้แน่น



เมื่อเดนเซลเริ่มสงบลง รูวีก็พูดขึ้น “ฉันจะเธอไปส่งบ้าน” พวกเขาจูงมือกันเดินไป เดนเซลเลิกจับมือแม่ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ เพราะมันทำให้เขาดูเป็นคนอ่อนแอ แต่ในตอนนี้เขาไม่ปฏิเสธมัน



เจ้าหน้าที่ชินระบางส่วนยังคงประจำการอยู่ที่สำนักงานเพื่อควบคุมสถานการณ์ พวกเขาให้ครอบครัวอพยพไปจูนอน (Junon) หรือไม่ก็ คอสต้าเดอโซล (Costa Del Sol) แล้ว รูวีอธิบายให้เดนเซลฟังขณะที่เดินไปด้วยกัน ถ้าเธออพยพ เธอก็ต้องอยู่ตัวคนเดียว เธอจะรู้สึกดีกว่าถ้ายังอยู่ที่บ้าน ในที่สุดทั้งคู่ก็มาถึงบ้านของเดนเซล



“ขอบคุณฮะ คุณรูวี ผมขอโทษด้วย เรื่องหน้าต่าง”



รูวีพยักหน้าเงียบๆ เดนเซลไปที่ประตู เขามองเข้าไปข้างใน



“เธอคิดจะทำอะไรต่อไป อาศัยในบ้านว่างๆ หลังนี้นะเหรอ?” รูวีถามขึ้น “ไปบ้านฉันดีกว่า ฉันไม่ถือหรอก”



นับแต่นั้น เดนเซลจึงอาศัยอยู่กับรูวี



นับตั้งแต่เตาปฏิกรณ์มาโคหมายเลข 1 ระเบิด รูวีเชื่อว่าเหตุการณ์จะรุนแรงขึ้น ดังนั้นเธอจึงกักตุนอาหารเอาไว้ ห้องเก็บของในสวนหลังบ้านเต็มไปด้วยเครื่องกระป๋องและถุงอาหาร “เธอรู้มั๊ย มีคำพูดเก่าแก่อยู่ว่า จงเตรียมพร้อมกับสิ่งที่แย่กว่า และเธอจะไม่เสียใจ”



วันหนึ่งของลูวีดูยุ่งมาก เธอทำความสะอาดในบ้าน ทำความสะอาดรอบๆ บ้าน เตรียมอาหาร เย็บผ้า เดนเซลช่วยเธอทุกอย่างยกเว้นเย็บผ้า พวกเขาอ่านหนังสือก่อนนอน รูวีอ่านหนังสือไม่ค่อยออก พอเดนเซลถามเรื่องที่เขาสงสัย เธอมักจะตอบว่า “ฉันไม่รู้เหมือนกัน” เธอบอกว่าหนังสือนี้เป็นของลูกชาย เดนเซลคิดว่าเธอกำลังศึกษางานที่ลูกชายของเธอทำผ่านหนังสือพวกนี้ เธออ่านหนังสือพวกนี้มามากกว่า 5 ปีแล้ว “อ่านหนังสือช่วยให้หลับง่ายนะ” เธอหัวเราะ



รูวีให้เดนเซลยืมอ่านหนังสือภาพสัตว์ประหลาด บอกให้เขาหัดอ่านเพราะว่าอ่านง่าย ลูกชายเธอก็อ่านหนังสือเล่มนี้ตอนอายุพอๆ กับเดนเซล หนังสือมีภาพของสัตว์ประหลาดและคำอธิบายข้างใน กับคำเตือนที่บอกแบบเดียวกันทุกๆหน้าของหนังสือ “ถ้าหากเจอสัตว์ประหลาด ให้วิ่งหนีไปหาผู้ปกครอง”



“ถ้าฉันต้องไปเจอสัตว์ประหลาด ฉันคิดว่าควรจะวิ่งไปหาคุณรูวี” เดนเซลคิดในใจ แต่คุณรูวีดูไม่เหมือนคนที่จะสู้สัตว์ประหลาดได้ บางทีฉันอาจจะทำด้วยตัวเอง ฉันอยากจะลองดู บางทีฉันอาจจะชนะ อืมม์..ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องการคนช่วย บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่พ่อแม่คิดว่าฉันดูแลตัวเองได้



****



แสงแดดแรงขึ้น เหงื่อเดนเซลซึมออกมา



“ฟู่...ร้อนจังนะครับวันนี้ คุณคิดว่าไง?” รีฟหันไปพูดกับจอห์นนี่ “เราขอน้ำได้ไหมครับ?”



เดนเซลดึงผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดเหงื่อของเขา



“ลายสวยดีนะครับ” รีฟทัก “ออกแนวผู้หญิงๆ หน่อย คิดยังงั้นมั๊ย?”



“ผมว่ามันใช่เลย” เดนเซลตอบ จ้องมองผ้าเช็ดหน้า



****



เช้าวันหนึ่ง รูวีเอาเสื้อเชิ้ตมาให้เขา “ใส่ซะสิ ฉันทำให้เธอ แต่ฉันมีผ้าแค่ลายเดียว” เสื้อสีขาวเต็มไปด้วยดอกสีชมพู ถ้าเป็นตอนปกติ เดนเซลไม่มีทางใส่มันแน่ๆ แต่ตอนนี้เดนเซลสวมเสื้อตัวนั้นด้วยความดีใจ



“ฉันเหลือผ้าอีกนิดหน่อย ก็เลยทำนี่ให้เธอด้วย เอาไปด้วยสิ” รูวีอวดผ้าเช็ดหน้าลายเดียวกับเสื้อ เธอคงเหลือผ้าเยอะแน่ๆ เพราะทำมาตั้งครึ่งโหล เดนเซลเอาแค่ผืนเดียว พับแล้วเก็บไว้ในกระเป๋าหลังกางเกง



“เอาล่ะ...” รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของรูวี “ฉันขออะไรซักอย่างสิ...?”



เดนเซลกลั้นหายใจรอฟังรูวี ในหัวของเขานึกว่าเธอกำลังจะพูดคำ 2 คำที่เขากลัวที่สุด : “ออกไป” เธอคงไม่พูดอย่างนั้นหรอกมั๊ง? เขาคิดว่าร่างของเขาเริ่มสั่น



“เราออกไปข้างนอกกันเถอะ?” เธอพูด รูวีเดินออกไปในสวนหลังบ้าน เดนเซลตัวสั่น แต่เขาก็เดินตามออกไปโดยดี เขาเดินเหยียบพื้นดินแฉะๆ แล้วหยุดอยู่ข้างๆ รูวี เธอกำลังมองขึ้นไปบนฟ้า เดนเซลเงยหน้ามองตามขึ้นไป เขามองเห็นรอยมืดๆ เปื้อนท้องฟ้าเหมือนลางบอกเหตุ รอยสีดำตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้า และสีขาวของเมฆอย่างชัดเจน แสนจะมืดหม่นและเศร้าสร้อย



“ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร” รูวีพูดขึ้น “คนเขาเรียกกันว่า “เมเทโอ (Meteor)” เห็นว่ามันกำลังใกล้เข้ามาและจะเข้าชนดาวดวงนี้ และจะเป็นจุดจบของทุกสิ่งทุกอย่าง” รูวีเอาน้ำกระป๋องมาจากห้องเก็บของ ยื่นให้เดนเซลกระป๋องหนึ่ง “ลองนึกดูสิว่าเธอจะป้องกันตัวจากของแบบนี้ได้ยังไง?”



วันนั้นรูวีไม่ได้ทำความสะอาด หรือเย็บผ้า เธอกำลังนั่งคิดอะไรซักอย่างอยู่ที่โซฟา



ซักพักดูเหมือนว่าเธอจะนึกอะไรออกและโทรศัพท์หาใครบางคน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครรับสาย เธอคงโทรหาลูกชาย เดนเซลทำความสะอาดบ้านคนเดียว ในใจคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเมเทโอตกลงมา เดนเซลคล้ายมีเรื่องอยากจะถามกับรูวี แต่เขาก็ไม่ได้พูดออกมา



ตกค่ำของวันนั้น รูวีก็กลับมาเป็นปกติ เธอเริ่มทำความสะอาด “เดนเซล เธอทำความสะอาดไม่ได้เรื่องเลย ใครเป็นคนสั่งสอนเธอกันนะ?” นั่นแหละ รูวีกลับมาเป็นคนเดิมแล้ว



ตอนกลางคืน พวกเขานั่งอ่านหนังสือด้วยกัน ขณะที่ตายังอ่านหนังสืออยู่นั้น วีก็พูดขึ้นมาว่า “เดนเซล ฉันจะรอจุดจบอยู่ที่นี่ ถ้าดาวดวงนี้กำลังจะถูกลาย ไม่มีประโยชน์ว่าเธออยู่ที่ไหน ก็จะพบกับจุดจบเหมือนกัน แต่ถ้าเธออยากจะทำอะไร ถ้ากำลังอยากจะไปไหน เธอเอาอาหารในบ้านไปด้วยก็ได้ฉันไม่ว่า ถึงแม้ว่าเธอจะยังเป็นแค่เด็ก แต่ก็มีสิทธิ์จะเลือกว่าจะพบจุดจบที่ใด”



เดนเซลใช้ความคิดอย่างหนักเมื่อได้ยินอย่างนั้นในที่สุดเขาก็ถามสิ่งที่เขาคิดมาตลอดทั้งวัน “ผมอยู่ที่นี่ได้ไหมฮะ?”



รูวีเงยหน้าขึ้นจากหนังสือ มองเดนเซล เธอยิ้ม
Anime

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา