Lunae’s Fairy Tale : Gundam SEED ฉบับตำนานอัศวินโต๊ะกลม(แต่งให้โลลิคนเดียว)
อธิบาย
ด้วยความเป็นห่วงตัวประกันที่Lolichaelผู้น่ารักยึดไว้ เลยรีบเข็นเรื่องนี้ออกมา(เผอิญอ่านจบระหว่างนั่งDefragต่างหาก ทำแล้วไม่เห็นดีขึ้นเลย CD & A drive ทำท่าจะให้สวดสลุตอยู่แล้ว แม้แต่แผ่นโปรแกรมยังอ่านมะได้TT_TT)
อีกอย่างเคยสัญญากับHikaru=Metalliumไว้แล้วว่าจะเขียนเรื่องนี้ให้ ไหนๆไม่มีกะใจจะแต่งJu-On2ต่อก็ทำเรื่องนี้ก่อนแล้วกัน
แต่บอกก่อนว่ายังไงก็ไม่ทิ้งconceptเดิม "นางร้ายก็ต้องเป็นนางร้ายอยู่วันยังค่ำเจ้าค่ะ!"
[font size=4 color=orange]Lunae’s Fairy Tale : Gundam SEED de la Table Ronde[/font]
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...
สมัยที่สหราชอาณาจักรอังกฤษยังไม่เป็นปึกแผ่น แบ่งแยกออกเป็นบริเทนใหญ่ บริเทนน้อย และแคว้นเวลส์อยู่นั้น มีกษัตริย์ผู้ปกครองอาณาบริเวณทั่วทั้งเกาะอังกฤษพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า King Athrun Zala…
หลังจากขึ้นครองราชย์เพราะเป็นผู้เดียวที่ขับGundam Justice อาวุธคู่บ้านคู่เมืองได้นั้น ภารกิจแรกคือการไปช่วยพระราชาแห่งดินแดนหนึ่งรบพุ่งกับศัตรู เมื่อกษัตริย์อัสรันได้ชัยชนะกลับมา ก็ทรงอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงLacus Clyneแห่งอาณาจักรนั้น และทั้งสองก็ครองรักกันอย่างมีความสุข พร้อมการแผ่ขยายอาณาเขตออกไปมากมาย
วันหนึ่ง…
ระหว่างที่พระราชาและพระราชินีเสด็จประพาสป่าในอาณาจักรของตนอย่างกะหนุงกะหนิง ก็มีอัศวินรูปงามนัยน์ตาสีม่วงปรากฏกาย และจุมพิตหลังมือพระราชินีลาคัสต่อหน้าต่อตาพระราชา พร้อมทูลขอเป็นมือปืนในซุ้ม เอ้ย! เป็นอัศวินในราชสำนักของกษัตริย์อัสรัน
ด้วยความขุ่นเคืองที่อัศวินนิรนามบังอาจแตะต้องภรรยาสุดที่รักก่อนขออนุญาต พระราชาอัสรันจึงตั้งเงื่อนไขให้ออกเดินทางไปช่วยอัศวินKruze จากเทพธิดาFllayผู้ชั่วร้าย ในหุบเขาไม่คืนกลับ และปลดปล่อยปราสาทอาร์ชแองเจิลของท่านหญิงฝาแฝด มาริวและนาตาลี จากพ่อมดอัสราเอล และอัศวินโฉดทั้งสามสำเร็จก่อน
อัศวินผู้เรียกขานตนเองว่า Kira Yamato ขับGundam Freedom อาวุธที่พระราชินีลาคัสประทานของรางวัลในความรูปงาม ออกเดินทางในทันที…
อัศวินหนุ่มผู้ตกหลุมรักพระราชินีลาคัสตั้งแต่แรกพบ และพระราชินีก็หวั่นไหวเมื่อสบดวงตาสีม่วงสดคู่นั้นเช่นกัน เดินทางไปจัดการพ่อมดและอัศวินผู้ชั่วร้ายทั้งสามที่ครอบครอง Forbidden Gundam, Raider Gundam, และ Calamity Gundam เป็นอันดับแรกอย่างง่ายดาย และปราสาทอาร์ชแองเจิลอันมืดมนก็กลับมาสดใสดังเดิม...
จากนั้นก็ออกเดินทางต่อไปยังหุบเขาไม่คืนกลับ ที่พำนักของเทพธิดาเฟลย์ผู้มีใจอิจฉาริษยาสตรีที่ได้รับความรักอันซื่อสัตย์จากอัศวิน จึงล่อลวงชายเหล่านั้นมายังวิมาน และวางเขตอาคมให้ผู้ไม่ซื่อสัตย์ในรักจะไม่สามารถกลับออกไปได้ ที่ผ่านมาจึงไม่มีชายใดรอดกับดักของนางได้เลย
เมื่ออัศวินคิระเดินทางเข้าสู่หุบเขาไม่คืนกลับ เทพธิดาเฟลย์ก็รู้สึกหลงรักในตัวชายหนุ่มทันที จึงต้อนรับขับสู้อย่างดี แม้อัศวินหนุ่มจะสัมผัสได้ถึงจุดประสงค์ชั่วร้ายในดวงตาของเทพธิดา ก็ยอมรับคำเชิญร่วมโต๊ะอาหารอย่างกล้าหาญด้วยความระแวดระวังเต็มที่ ตลอดเวลาที่รับประทานอาหารเลิศรสกันสองต่อสองนั้น เทพธิดาเฟลย์พยายามวางหลุมพรางหลอกล่อให้เจ้าชายแห่งORBแสดงความประพฤติว่าไม่ซื่อสัตย์ต่อนางในดวงใจ โดยไม่ทราบว่านางผู้นั้นคือพระราชินีลาคัสผู้เป็นมนุษย์ธรรมดา แต่กลับงดงามและเป็นที่นับหน้าถือตากว่าตนนั่นเอง สุดท้ายแล้วเจ้าชายคิระก็ไม่ติดกับแต่อย่างใด เทพธิดาจึงมอมเหล้าอีกฝ่ายจนสลบสไล และกักขังไว้ในห้องหนึ่งของปราสาทเฮลิโอโพลิส
เมื่อเจ้าชายหนุ่มตื่นขึ้นมา ก็พบว่าอาวุธและชุดเกราะหายไป เมื่อจะออกจากห้องอันหรูหรากลับโดนลงกลอนจากภายนอก จึงสำนึกได้ว่าตนเองกลายเป็นเชลยของเทพธิดาผู้โหดร้ายเสียแล้ว…
กลางดึกคืนนั้น…
เทพธิดาเฟลย์เข้าหาอัศวินคิระ และใช้กำลังบีบบังคับให้ตกเป็นของตน เจ้าชายหนุ่มพยายามขัดขืนสุดความสามารถ แต่ก็ต้องยอมสยบลูกตบของเทพธิดา และพ่ายแพ้ต่อจุมพิตอันร้อนแรงในท้ายที่สุด!
เช้าวันรุ่งขึ้น…
เจ้าชายคิระร่ำไห้เสียใจอย่างหนัก ท่ามกลางความสะใจของเทพธิดาผู้เลอโฉมแต่โหดเหี้ยม แต่เมื่อทำใจได้ก็ใช้ความชาญฉลาด คิดข้อเสนอให้ปล่อยเชลยในตำหนักทั้งหมด และตนจะยอมเป็นทาสรักของเทพธิดาแทน แน่นอนว่าเทพธิดาเฟลย์ผู้แสวงหาความรักอย่างผิดวิธียอมรับข้อตกลงนั้น เพราะพึงพอใจในรูปลักษณ์อันสง่างามของอัศวินจากอาณาจักรที่ล่มสลายยิ่งนัก นับแต่นั้นมาทั้งสองจึงมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งต่อกัน ภายใต้ความจำยอมของเจ้าชาย แต่ไม่มีวันเปลี่ยนแปรหัวใจอันซื่อตรงต่อพระนางลาคัสเด็ดขาด
เทพธิดาเฟลย์ก็ทราบความในใจของชายคนรักเช่นกัน จึงพยายามทุกวิถีทางให้อีกฝ่ายตระบัดสัตย์ต่อนางในดวงใจ แต่ไม่ว่าจะทำทารุณกรรมและบีบคั้นเจ้าชายเพียงใด ก็ไม่สามารถครอบครองมากไปกว่าร่างกายได้ และความรักของนางต่ออัศวินหนุ่มก็รุนแรงขึ้นทุกครั้ง เมื่ออีกฝ่ายปฏิเสธการมอบหัวใจให้แก่ตน ความรุนแรงจากเทพธิดาผู้โหดร้ายจึงทวีคูณขึ้นเท่าจำนวนความพ่ายแพ้ในการวางกับดักเพื่อกักขังเจ้าชายคิระไว้กับนางชั่วนิรันดร์
เหตุการณ์เช่นนี้ดำเนินมายาวนานถึงสองปี อัศวินคิระผู้มอบหัวใจแก่พระนางลาคัสเพียงพระองค์เดียวยังคงซื่อสัตย์ในความรักครั้งแรกของตน เทพธิดาเฟลย์ก็เริ่มเบื่อหน่ายร่างที่บอบช้ำจากการกระทำของตน จึงตัดสินใจปล่อยตัวไป แต่ความอาฆาตแค้นที่ไม่อาจได้รับความรักจากบุรุษผู้หยิ่งทระนงคนนี้ ทำให้นางวาดแผนการทำลายชีวิตของอัศวินหนุ่มและพระราชินีลาคัส และรอคอยวันที่จะได้ลิ้มรสการแก้แค้นอย่างเงียบๆ...
เมื่ออัศวินคิระจากอาณาจักรORBที่สูญสิ้นเดินทางกลับพระราชสำนัก กษัตริย์อัสรันจึงจำยอมรับเจ้าชายไร้บัลลังก์ไว้เป็นอัศวินประจำราชสำนัก พระราชินีลาคัสพอพระทัยมากที่ชายคนรักกลับมาอีกครั้ง จึงมอบเครื่องประดับผมรูปจันทร์เสี้ยวสีทองเป็นของรางวัลแก่อัศวินผู้กล้าหาญ จากนั้นมาทั้งสองก็ลอบพบปะกันหลายครั้งขณะพระราชาไปเยือนต่างเมือง
อัศวินYzakผู้มีใจอิจฉาริษยาในชื่อเสียงของคิระจึงนำความกราบบังคมทูลแก่พระราชา แต่กษัตริย์อัสรันไม่ยอมเชื่อเพราะไว้วางใจในตัวพระนางลาคัสมาก อิซัคจึงอัญเชิญพระองค์ไปยังตำหนักของเทพธิดาเฟลย์เพื่อทอดพระเนตรภาพพระนางลาคัสที่อัศวินคิระวาดไว้มากมายตลอดสองปีเต็มที่ถูกกักขังไว้ แต่พระราชายังคงเชื่อว่าพระราชินีไม่มีวันตอบรับความรักของคิระแน่นอน เทพธิดาเฟลย์จึงวางแผนให้พระองค์ได้เห็นภาพพระราชินีของตนจับมือถือแขนกับอัศวินในสังกัด
แน่นอนว่ากษัตริย์อัสรันยอมรับความจริงโดยสนิทใจ และสั่งประหารพระนางลาคัสโดยการเผาทั้งเป็นด้วยความโกรธกริ้ว แต่ก่อนที่ครูเซ่ซึ่งร่วมมือวางแผนกับเทพธิดาเฟลย์อีกคนจะเป็นผู้จุดไฟ อัศวินคิระที่หลบหนีการจับกุมไปได้ ก็ยกพวกบุกมาชิงตัวหญิงคนรักและสังหารครูเซ่และหลบหนีไปอย่างลอยนวล...
พระราชาอัสรันแค้นใจมากจึงนำทัพติดตามไปล้อมปราสาทอาร์ชแองเจิลที่อัศวินคิระพาพระราชินีไปขอลี้ภัย การต่อสู้เพื่อชิงตัวพระนางลาคัสผู้เลอโฉมกินเวลายาวนาน ทั้งสองฝ่ายต่างล้มตายไปมากมาย สุดท้ายอัศวินนิโคลซึ่งเป็นผู้ที่พระองค์ไว้วางใจที่สุดจึงขอร้องให้ทำการสงบศึกและเจรจาอย่างมีเหตุผล เพื่อมิให้พรรคพวกต้องเข่นฆ่ากันเองเพียงเพราะรักต้องห้ามของคนคู่เดียว
กาลเวลาที่ผ่านมาและความห่วงใยของนิโคลทำให้กษัตริย์อัสรันได้สติ จึงยอมรับคำทูลนั้น แม้อิซัคกับเดียก้าจะพยายามยุแยงให้ก่อศึกต่อไปก็ไม่บังเกิดผล ความเศร้าโศกที่ถูกสวมเขาบรรเทาเบาบางลงไปมากแล้ว ผลของการเจรจาจึงเป็นการปรับความเข้าใจในครอบครัวและมือที่สาม
อัศวินคิระยอมรับความรักอันบริสุทธิ์ที่มีแก่พระราชินีนับแต่แรกเห็น และพระนางลาคัสก็มีใจให้นับแต่ได้สบตาเช่นกัน พระราชาอัสรันก็ยอมรับกับตนเองว่า ความรักที่ตนมอบให้นางมาตลอดนั้น เป็นเพียงรักข้างเดียวที่ได้รับการตอบสนองเพียงความเห็นอกเห็นใจ แต่เพื่อพระเกียรติของทั้งสอง เจ้าชายคิระจึงยอมคืนนางในดวงใจกลับสู่ราชสำนักของกษัตริย์อัสรัน และออกเดินทางกลับไปกอบกู้อาณาจักรORBด้วยดวงใจที่แตกสลาย
น่าแปลกที่นับจากวันสิ้นพระชนม์ของพระราชินีลาคัส พระราชาอัสรันตรอมใจอย่างหนักและสิ้นพระชนม์ตามไปไม่นาน ในวันนั้น ณ อาณาจักรORBที่รุ่งเรืองอีกครั้งด้วยฝีมืออัศวินคิระผู้กล้าหาญ และพระราชินีKagaliซึ่งเป็นฝาแฝด เจ้าชายคิระซึ่งไม่เคยมอบใจให้นางผู้ใดอีกเลยก็จบชีวิตตนเองเช่นกัน…
[font size=4 color=purple]FIN[/font]
P.S. นิทานเรื่องนี้แต่งตามต้นฉบับเกือบทั้งหมด มันก็เลยค่อนข้างหดหู่สักนิด ไว้แก้ตัวตอนAthrun in Wonderlandแล้วกันนะ^^
Fiction