Mecha Story: สิงห์โต กับ หงส์ขาว
RZ-041 ไลเกอร์ซีโร
สิ่งมีชีวิตจักรกลซอยด์สายพันธุ์สิงห์โตที่พัฒนาโดยจักวรรดิไกลอส ไลเกอร์ซีโรนั้นต่างจากซอยด์ที่พัฒนาก่อนหน้านั้นคือใช้ซอยด์คอร์ที่สร้างขึ้นกับโครงที่ดัดแปลงมาจากซอยด์ป่า ซึ่งทำให้อัตราตอบสนองของไลเกอร์ซีโรสูงกว่าซอยด์ที่สร้างเองทั้งหมดมาก แต่ก็ทำให้การผลิตไลเกอร์ซีโรทำได้เฉพาะในพื้นที่ที่สามารถจับซอยด์ป่าสายพันธุ์สิงห์โตได้เท่านั้น ค่าใช้จ่ายในการผลิตไลเกอร์ซีโรยังสูงกว่าเบลดไลเกอร์ถึงสามเท่า
จุดเด่นของไลเกอร์ซีโรอยู่ที่โครงสร้างแบบCAS (Changing Armor System) แผ่นเกราะเกือบทั้งตัวของไลเกอร์ซีโรนั้นสามารถถอดออกมาเปลี่ยนเป็นพาร์ทอื่นๆได้ตามการใช้งาน ตัวไลเกอร์ซีโรเองมีอาวุธติดตัวคือเขี้ยวกับเล็บที่สามารถประจุเลเซอร์เพื่อเพิ่มพลังทำลายได้ ส่วนเกราะพื้นฐาน "ไทป์ซีโร" นั้นมีอาวุธเป็นช็อคแคนนอนสองลำกล้องที่หน้าอกกับบีมกันที่ปลายหางสำหรับต่อสู้ระยะไกล และสามารถใช้อิออนเทอร์โบบูสเตอร์เร่งความเร็วขณะวิ่งได้
ไลเกอร์ซีโรเครื่องต้นแบบนั้นถูกร้อยโทเรย์ เกร็กจากสาธารณรัฐเฮลิคขโมยไป และทั้งไกลอสกับเฮลิคก็ได้ทำการผลิตไลเกอร์ซีโรใช้งานออกมาทั้งสองฝ่าย ในภาค Slash Zero ซึ่งเป็นยุคหลังสงครามนั้น ไลเกอร์ซีโรเป็นซอยด์ของทีมบลิทซ์ ซึ่งจริงๆแล้วถูกหลอกขายมาถูกๆ เพราะไลเกอร์ซีโรเครื่องนี้นั้นเป็นอัลติเมทXซึ่งAIมีสำนึกของตัวตนสูงมาก ทำให้ไม่มีใครในทีมบลิทซ์บังคับได้ จนกระทั่งพบกับบิท คลาวด์ นักเก็บพาร์ทขยะที่เข้าไปกีดขวางระหว่างการประลองของทีมบลิทซ์กับทีมไทเกอร์ พวกทีมบลิทซ์เลยจับบิทขังไว้ในโรงเก็บ แต่ไลเกอร์ซีโรที่นิ่งอยู่นานกลับยอมให้บิทบังคับออกไป ทีมบลิทซ์ก็เลยรับบิทเข้าเป็นสมาชิกซะเลย เกราะไทป์ซีโรของไลเกอร์ซีโรที่บิทใช้นั้นต่างจากรุ่นปกติที่ไม่มีช็อคแคนนอน ทำให้พลังต่อสู้ในระยะไกลค่อนข้างต่ำ ซึ่งต่อมาบิทได้เก็บช็อคแคนน่อนของเซเบอร์แฟงก์มาดัดแปลงใช้แทน
สาธารณรัฐเฮลิคได้พัฒนาเกราะCASของไลเกอร์ซีโรไว้สามแบบ ซึ่งไลเกอร์ซีโรของบิทก็มีใช้ที้งหมด ชิ้นแรกคือ เยกเกอร์ พาร์ทความเร็วสูงที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ต่อสู้กับซอยด์เสือชีตาร์ ไลท์นิงไซกซ์โดยติดอิออนเทอร์โบบูสเตอร์ขนาดใหญ่ที่ปรับองศาได้ไว้ที่ไหล่ แต่เยกเกอร์นั้นเป็นเกราะที่มีพลังป้องกันต่ำมาก และติดอาวุธไว้เพียงช็อคแคนนอนกับปืนวัลแคนติดหัว
เกราะที่สองก็คือ ชไนเดอร์ ซึ่งเป็นเกราะที่ออกแบบไว้เพื่อจำลองความสามารถของเบลดไลเกอร์ ที่แผงคอและด้านหลังมีดาบซึ่งสามารถประจุเลเซอร์ได้เหมือนเล็บของไลเกอร์ซีโร ซึ่งเวลาใช้งานนั้นดาบที่แผงคอจะพับไปด้านหน้า ส่วนดาบด้านหลังจะพลิกและกางไปด้านข้าง เกราะชไนเดอร์ยังสามารถสร้างโล่Eชิลด์เพื่อป้องกันตัวได้ ท่าไม้ตายของเกราะชไนเดอร์นั้นจะกางโล่พร้อมใช้เร่งความเร็วแล้วโจมตีศัตรูด้วยดาบแผงคอทั้งห้าเล่ม เรียกว่า ไฟฟ์สตอร์มเบลด (แต่บิทเรียก บัสเตอร์สแลช) ในการประลองกับเบลดไลเกอร์ของเลออน ทอรอส ซึ่งสามารถใช้ดาบของเบลดไลเกอร์รับการโจมตีของบิทได้ทุกครั้ง แต่ไลเกอร์ซีโรก็ทุ่มสุดตัว ใช้ดาบด้านหลังเสริมเข้าไปเป็นเซเวนเบลดแอ็ทแท็ค หักดาบของเบลดไลเกอร์ได้ แต่เกราะชไนเดอร์ที่ถูกใช้งานเกินกำลังก็เสียหายไปด้วย
เกราะสุดท้ายก็คือ แพนเซอร์ ซึ่งต่างจากเกราะอีกสองแบบที่มีเกราะหนามากและเน้นการยิงโจมตีด้วยอาวุธระยะไกล คือมิสไซล์และไฮบริดแคนนอน แพนเซอร์ที่ไลเกอร์ซีโรของบิทใช้นั้นเป็นของที่มีข้อบกพร่อง เมื่อสวมเข้าไปแล้วจึงเดินแทบไม่ได้เลย ทั้งยังมีระบบระบายความร้อนที่แย่มาก เมื่อใช้งานเกราะแพนเซอร์ได้ไม่นานก็จะทำให้ไลเกอร์ซีโรโอเวอร์ฮีท แต่ในการต่อสู้กับซอยด์ช้าง
นอกจากเกราะของเฮลิคแล้ว ไกลอสเองก็ได้พัฒนาเกราะไว้ใช้เองด้วยคือ EZ-054 ไลเกอร์ซีโรเอ็กซ์ ซึ่งเน้นการใช้งานอาวุธไฟฟ้า คือดาบสตันเบลดกับปืนอิเล็กตรอนไดรเวอร์ และสามารถใช้คลื่นไฟฟ้าแรงสูงรบกวนสัญญาณอิเล็กทรอนิกได้ ไลเกอร์ซีโรเอ็กซ์มีสมรรถนะที่เหนือกว่าเกราะของเฮลิคในทุกด้าน ซึ่งในเวลาต่อมา จักวรรดิไกลอสก็พัฒนารูปแบบของไลเกอร์ซีโรเอ็กซ์ไปเป็นซอยด์อีกรุ่น คือ EZ-072 เอเนอจีไลเกอร์
ฝ่ายสาธารณรัฐเฮลิคเองก็ให้บริษัท ZOITEC พัฒนาระบบCASไปอีก เป็น B-CAS โดยเปลี่ยนจากระบบเกราะมาเป็นสร้างซอยด์ไร้คนบังคับ(บล็อกซ์ซอยด์)อีกตัวเอาไว้ประกอบกับไลเกอร์ซีโร ซึ่งการเชื่อมซอยด์คอร์สองอันเข้าด้วยกันทำให้สมรรถนะของB-CASสูงกว่าเกราะแบบเดิม B-CASแบบแรกก็คือ RZ-071 ไลเกอร์ซีโรฟีนิกซ์ ซึ่งประกอบร่างกับบล็อกซ์ซอยด์ฟินิกซ์ ไลเกอร์ซีโรฟีนิกซ์สามารถบินในระดับต่ำเป็นเวลาสั้นๆได้ ไลเกอร์ซีโรฟินิกซ์มีอาวุธเพิ่มเป็นช็อคแคนน่อน บีมกัน และชาร์จมิสไซล์ ซึ่งเป็นมิสไซล์ที่ประจุพลังงานส่วนเกินของไลเกอร์ซีโรฟีนิกซ์เพื่อเพิ่มอานุภาพได้ ชาร์จมิสไซล์นั้นสามารถประจุพลังงานได้นานที่สุด 360 วินาที ในภาค Fuzors ไลเกอร์ซีโรของRDจะใช้ซอยด์ฟีนิกซ์ป่า ไฟเยอร์ฟีนิกซ์ แทนฟีนิกซ์ จึงมีรหัสว่า FZ-001แทน
B-CASอีกตัวที่ZOITECพัฒนาไว้ก็คือ BZ-022 เจ็ทฟอลคอน ซึ่งเดิมทีออกแบบให้เป็นB-CASสำหรับเอเนอจีไลเกอร์ของจักวรรดินีโอเซเนบัส (จักวรรดิไกลอสหลังยึดการอำนาจ) แต่ต่อมาก็ได้ดัดแปลงเป็นของไลเกอร์ซีโรของสาธารณรัฐเฮลิค เจ็ทฟอลคอนมีพลังเหนือกว่าฟีนิกซ์มาก เล็บบัสเตอร์คลอว์ของเจ็ทฟอลคอนเป็นสว่านขนาดใหญ่ที่เป็นบีมแคนนอนด้วย.และสามารถทำลายซอยด์ขนาดใหญ่ได้ในการโจมตีครั้งเดียว เมื่อรวมร่างกับไลเกอร์ซีโรก็จะเป็น FZ-016 ไลเกอร์ซีโรฟอลคอน
MSS-008 ลูซินิว
MSของเอวโกที่แอนาไฮม์อิเล็กทรอนิกส์พัฒนาให้นิวไทป์ อาสึนะ เอลมารีทใช้งานโดยเฉพาะ ชื่อ Le Cygne เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่าหงส์ขาว ลูซินิวนั้นไม่มีระบบแปลงร่างแบบMS รุ่นใหม่ที่พัฒนาในช่วงเดียวกัน แต่ได้ออกแบบให้คล่องตัวโดยพยายามลดน้ำหนักให้เบาที่สุด เกราะของลูซินิวจึงบางมาก แบ็คแพ็คที่ใช้มีกำลังในระดับปานกลางเท่านั้น แต่ก็เล็กและใช้บังคับทิศทางได้ดี ลูซินิวมีกำลังและใช้อาวุธที่มีความรุนแรงในระดับกลางเท่านั้นเช่นกัน แม้จะดูเผินๆแล้วเหมือนMSล้าสมัย แต่ลูซินิวก็มีระบบไบโอเซนเซอร์ที่ทำให้ตอบสนองต่อการบังคับของอาสึนะได้ดีมาก ความคล่องตัวและบังคับง่ายของลูซินิวนั้นทำให้อาสึนะสามารถแสดงฝีมือได้เต็มที่ เรียกว่าจากลูกเป็ดขี้เหร่มาเป็นหงส์ได้สมชื่อ
เนื่องจากเกราะของลูซินิวนั้นบาง ลูซินิวจึงต้องพึ่งพาโล่ในการป้องกันตัวเป็นหลัก โล่ของลูซินิวมีท่อขับดันติดไว้เพื่อช่วยเร่งความเร็ว และมีกล้องติดอยู่ซึ่งในภารกิจสอดแนมนั้นสามารถใช้ยื่นออกไปสังเกตการณ์จากที่กำบังได้ ไหล่ของลูซินิวเป็นช่องอเนกประสงค์ซึ่งปกติแล้วใช้เก็บบีมเซเบอร์ที่สามารถปรับโหมดเป็นสามง่ามบีมแบบสองปลายได้ กับติดปืนกลแก็ตลิงเหมือนเป็นมาชีนแคนน่อน อาวุธที่รุนแรงที่สุดของลูซินิวก็คือเมก้าบีมลันเชอร์ซึ่งเวลาใช้งานจะต้องเชื่อมต่อกับส่วนไหล่ เมก้าบีมลันเชอร์ของลูซินิวนั้นมีพลังทำลายพอๆกับนัคเคิลบัสเตอร์ของกาซาCเท่านั้น แต่เพราะใช้กำลังไม่มากจึงสามารถใช้E-CAPเป็นแหล่งพลังงานได้ จึงสามารถยิงได้เร็วและต่อเนื่อง
แอนาไฮม์ได้พัฒนารุ่นผลิตจำนวนมากของลูซินิวด้วย นั่นคือ MSS-009 เจโมซ์ โดยเอาไบโอเซนเซอร์ออกไปแต่เสริมเกราะให้หนาขึ้นให้เหมาะกับนักบินทั่วไป ส่วนไหล่ไม่มีช่องอเนกประสงค์แล้ว แต่ยังติดบีมเซเบอร์ไว้เหมือนเดิม และโล่ติดแขนจะเป็นแบบขนาดเล็กที่ไม่มีท่อขับดันติดไว้
Super Robot Wars
Games
Mecha Story