Mecha Story: Gunner Frame Insert!!

จริงๆแล้วกะจะเก็บไว้อีกสองอาทิตย์ แต่ลัดคิวมาลงให้ก่อนเพื่อฉลองที่ได้มาร่วมวงOGกับเขาด้วยแล้ว ชื่อกระทู้มาจากประโยคตอนประกอบร่างในSRW R



ก่อนอื่นก็มีบางท่านrequestอิเดี้ยนที่ไม่ได้ลงไปตอนก่อน ก็อัพเดตให้ตามปราถนา





อิเดี้ยน

หุ่นยนต์ลึกลับที่ชาวโลกขุดพบ ณ อาณานิคมบนดาวโซโลพร้อมๆกับยานโซโลชิป กล่าวได้ว่าเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดในจักวาลและได้รับการเรียกจากชาวบัฟครันว่าเทพยักษ์ ประกอบด้วยสามส่วนคืออิเดโอ เดลต้า(โซลคอนเวอร์),อิเดโอ โนว่า(โซลเวนเนอร์) และ อิเดโอ บัสเตอร์(โซลแอมเบอร์) ซึ่งทั้งสามส่วนจะรวมร่างกันเป็นอิเดี้ยนได้

พลังงานของอิเดี้ยนก็คือพลังงานลี้ลับอันไม่สิ้นสุดที่เรียกว่า"อิเด"นั่นเอง นักบินจะสามารถตรวจสอบระดับของอิเดได้จากสัญลักษณ์ของอิเดเกจ แม้เกราะของอิเดี้ยนจะไม่หนาสมกับขนาด105เมตรของมัน แต่อิเดจะกางบาเรียร์โดยอัตโนมัติเมื่อได้รับความเสียหายถึงระดับหนึ่ง แต่เพราะความไม่เสถียรของอิเด บาเรียร์อาจจะหยุดทำงานได้ทุกขณะแม้จะใช้บาเรียร์ไปแค่วินาทีเดียวก็ตาม

อาวุธที่เป็นพื้นฐานของอิเดี้ยนก็คือเกรนแคนน่อนและมิสไซล์ที่ติดไว้ทั่วร่างทำให้สามารถโจมตีได้รอบทิศทาง แต่พลังทำลายต่ำจึงไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรเมื่อต้องสู้กับหุ่นรบหนักของชาวบัฟครัน อาวุธที่นับได้ว่าใช้การได้ดีกับหุ่นรบของบัฟครันก็คือแบล็คโฮลขนาดเล็กซึ่งสร้างจากเครื่องกำเนิดพลังงานของอิเดี้ยน แต่นั่นก็ไม่อาจเทียบได้กับอาวุธลับของอิเดี้ยนซึ่งมีพลังทำลายล้างและระยะยิงที่ไม่จำกัดเพราะใช้พลังงานอิเดโดยตรงนั่นเอง นั่นก็คือ"อิเดี้ยนซอร์ด"ซึ่งเป็นการยิงพลังงานจากฝ่ามือทั้งสองข้างของอิเดี้ยน อิเดี้ยนซอร์ดสามารถผ่าทำลายดาวเคราะได้แต่ขอบเขตการโจมตีแคบ ทำให้ด้อยประสิทธิภาพลงเมื่อต้องสู้กับศัตรูเป็นจำนวนมาก

ในภายหลังจึงได้ค้นพบ"อิเดี้ยนกัน" อาวุธที่ถูกซ่อนไว้ในยานโซโลชิป ซึ่งเวลาใช้งานจะเชื่อมต่อกับอิเดี้ยนโดยตรงและยิงคลื่นพลังงานไปเป็นวงกว้างมากในขณะที่พลังทำลายไม่ด้อยไปกว่าอิเดี้ยนซอร์ดแม้แต่น้อย แต่จุดอ่อนของอาวุธทั้งสองก็คือต้องการพลังงานอิเดในระดับสูงมาก และทำให้ระดับของอิเดลดลงด้วย ซึ่งเมื่อลดลงมาถึงระดับนึง อิเดี้ยนจะแยกร่างออกมาเองเลยทีเดียว

จุดจบของอิเดี้ยนมาถึงหลังจากที่ทั้งโลกและดาวบัฟครันถูกอุกกาบาตทำลายไปแล้วและทั้งสองฝ่ายได้เข้าสู่สงครามครั้งสุดท้าย อิเดี้ยนเข้าต่อสู้กับกันด์โรว่า สุดยอดอาวุธของชาวบัฟครันซึ่งมีพลังเทียบได้กับอิเดี้ยน ซึ่งในวาระสุดท้ายนั้น คอสโม่ ยูกิ นักบินของอิเดี้ยนได้ยอมให้อิเดใช้พลังทำลายจักรวาลไปเสีย อิเดี้ยนจึงได้แตกสลายไปพร้อมกับจักรวาล โดยที่อิเดได้รวมกับทุกชีวิตเพื่อไปยังจักรวาลใหม่



ข้อมูลชุดนี้อิงจากเหตุการณ์ของSRW R คาดว่าถ้าOGของPS2ออกมาเมื่อไหร่คงจะมีข้อมูลที่ต้องเพิ่มเติม+แก้ไขอีกไม่น้อยครับ

เอ็กเซอแลนซ์

เดิมทีนั้นเอ็กเซอแลนซ์ถูกออกแบบไว้เป็นสุดยอดเครื่องจักรสำหรับงานกู้ภัย Super Rescue Machine จุดเด่นของเอ็กเซอแลนซ์อยู่ที่เครื่องกำเนิดพลังงาน"ไทม์เทอไบน์" (Time Turbine = กังหันเวลา) เครื่องกำเนิดพลังงานที่ทำงานด้วยการไหลเวียนของอนุภาคเวลา ไทม์เทอไบน์จึงเป็นเครื่องกำเนิดพลังงานที่มีสามารถใช้งานได้ตลอดกาลโดยไม่ต้องการเชื้อเพลิงใดๆ ไทม์เทอไบน์ถูกติดตั้งไว้ในยาน"เอเจนท์ไฟเตอร์"ซึ่งจะแปลงสภาพเป็นส่วนหัวของเอ็กเซอแลนซ์และประกอบร่างกับเฟรมต่างๆเพื่อให้สามารถใช้ได้กับภารกิจกู้ภัยทุกรูปแบบ

แต่เนื่องจากความล่าช้าในการพัฒนาไทม์เทอไบน์ (ทีมพัฒนารุ่นแรกเสียชีวิตไปก่อนที่จะได้เห็นไทม์เทอไบน์ใช้การได้ด้วยซ้ำ พวกฟิโอน่าที่เป็นลูกเลยมาสานงานต่อ) ทีมพัฒนาเอ็กเซอแลนซ์จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนมาเป็นการพัฒนาหุ่นรบเพื่อหาเงินทุนสนับสนุนแทน เนื่องจากเฟรมของเอ็กเซอแลนซ์นั้นถูกดัดแปลงมาจากเฟรมสำหรับกู้ภัยไม่ได้ออกแบบไว้ใช้ในการสู้รบมาแต่แรก อีกทั้งยังใช้เทคโนโลยีที่รู้จักกันแพร่หลายอยู่แล้ว ความสามารถในการต่อสู้จึงค่อนข้างจำกัด โดยที่เฟรมต่างๆประกอบด้วย...



- C [Cosmo Diver) Frame สำหรับใช้ในอวกาศ ติดตั้งเวอเนียร์เพื่อให้มีความคล่องแคล่วสูงในอวกาศ



- G [Gunner] Frame สำหรับต่อสู้ในระยะไกล เป็นเฟรมที่สามารถใช้การได้ดีทั้งภาคพื้นดินและอวกาศ



- S (Smasher) Frame สำหรับต่อสู้ภาคพื้นดินในระยะประชิดตัวโดยใช้ครัชเชอร์อาร์มขนาดใหญ่ติดแขนขวา

ทั้งนี้ ยานเอเจนท์ไฟเตอร์ยังติดตั้งอาวุธไว้และในสภาพของหัวเอ็กเซอแลนซ์ยังสามารถดึงพลังงานจากไทม์เทอไบน์มาโจมตีได้โดยตรง แต่เนื่องจากในสภาพหัวเอ็กเซอแลนซ์นั้นไม่สามารถเคลื่อนไหวได้มากจึงไม่เหมาะกับการต่อสู้

ระหว่างการทดสอบของเอ็กเซอแลนซ์นั้นก็ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้น ซึ่งกันเนอร์เฟรมถูกทำลายและสมาชิกของเอ็กเซอแลนซ์ทีมที่รอดมาได้มีเพียง นักบินทดสอบ ราอุล/ฟิโอน่า เกรเดน, วิศวกรเครื่องยนต์ ราจ มอนโทย่า และ วิศวกรผู้ออกแบบเฟรม มิซึโฮะ ไซคิเท่านั้น ซึ่งในภายหลังความจริงได้เปิดเผยว่า อุบัติเหตุระหว่างการทดสอบนี้มีสิ่งมีชีวิตลึกลับ ดิวมินัสอยู่เบื้องหลัง ในการต่อสู้กับดิวมินัสนี้ เครื่องกำเนิดพลังงานของยานแม่(นาเดซิโกะC/ราไคลัม)ได้เกิดระเบิดขึ้น ซึ่งแรงระเบิดได้ส่งผลกระทบกับไทม์เทอไบน์ ทำให้เอ็กเซอแลนซ์ถูกส่งกลับไปในอดีต5ปีก่อนหน้า เนื่องจากใช้เทคโนโลยีจากอนาคต เอ็กเซอแลนซ์จึงกลายเป็นหุ่นรบที่ล้ำสมัยไปโดยปริยาย

ในระหว่างที่อยู่ในอดีตนี้มิซึโฮะได้พัฒนาเฟรมเพิ่มเติมให้เอ็กเซอแลนซ์อีก นั่นก็คือ...

- D [Diver] Frame สำหรับต่อสู้ใต้น้ำลึก ดัดแปลงมาจากเฟรมสำหรับใช้ผจญเพลิงซึ่งสามารถทนแรงกดดันได้มากและมีการป้องกันชิ้นส่วนต่างๆอย่างแน่นหนาเพื่อให้ทนอุณหภูมิสูงได้ (ไดเวอร์เฟรมเป็นเฟรมพื้นฐานที่ดัดแปลงเสร็จหลังสุด แต่เฟรมผจญเพลิงนี้เป็นเฟรมแรกที่มิซึโฮะออกแบบไว้ ทั้งนี้เป็นเพราะครอบครัวของมิซึโฮะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุไฟไหม้ซึ่งอุปกรณ์กู้ภัยไม่สามารถทนอุณหภูมิสูงขนาดนั้นได้)

- F (Flier) Frame สำหรับต่อสู้บนท้องฟ้า มีกำลังต่ำเพราะต้องจ่ายพลังงานส่วนใหญ่ให้ท่อขับดันเพื่อให้บินได้ ใช้อาวุธหลักเป็นปืนดิสแทร็คไรเฟิล



- E (Ethernal)/ L (Lightning) Frame เฟรมสุดยอดซึ่งแตกต่างจากเฟรมก่อนหน้าเพราะถูกออกแบบมาสำหรับใช้ในการสู้รบโดยเฉพาะเพื่อให้สามารถต่อสู้กับดิวมินัสได้และสามารถใช้งานได้ในทุกสถานการณ์ การโจมตีจากเฟรมนี้จะใช้พลังงานโดยตรงจากไทม์เทอไบน์จึงมีพลังทำลายสูง แม้จะใช้พลังงานมากแต่เพราะไทม์เทอไบน์สามารถให้พลังงานได้อย่างไม่จำกัดจึงไม่เป็นไร เฟรมนี้เดิมทีถูกทำลายในขณะที่ยังไม่สมบูรณ์แต่ฟิโอน่า/ราอุลได้สร้างใหม่จนเสร็จตามที่มิซึโฮะออกแบบไว้

หลังการต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับดิวมินัส เอ็กเซอแลนซ์ทีมจึงกลับมายังอนาคตอีกครั้ง แม้จะต้องเริ่มการพัฒนาเอ็กเซอแลนซ์ใหม่เพราะการที่เอ็กเซอแลนซ์กลับไปอดีตได้ทำให้วิทยาการก้าวหน้าไปมากจนเอ็กเซอแลนซ์กลายเป็นยูนิตที่ล้าสมัยไปแล้ว(มิซึโฮะทิ้งสมุดโน้ตซึ่งจดข้อมูลของวิทยาการต่างๆในอนาคตไว้ในยานตอนที่โดนเด็กๆของดิวมินัสจับตัวไป) แต่ด้วยความสนับสนุนจากสหายในอดีต(ฮารัน บันโจ) เอ็กเซอแลนซ์จึงกลายเป็นหุ่นกู้ภัยตามที่ตั้งใจในตอนแรกในที่สุด



ขออภัยที่ไม่มีรูปของไดเวอร์เฟรมกับฟลายเยอร์เฟรม(ที่ผมว่าสวยที่สุด)นะครับ ส่วนรูปที่เหลือได้มาจากThe Gate of Magusครับผม



ปล.กำลังคิดอยู่ว่าตอนหน้าจะย้ายไปอยู่หมวดSRWดีกว่ามั้ย ช่วยลงความเห็นหน่อยเน่อ
Anime Mecha Story

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา