Mecha Story: I am innocent rage. I am innocent hatred. I am the innocent sword.
รอบนี้ตัวตัวเดียวพอ แทบกระอักเลือดแหล่ว ก่อนอื่นก็ขอออกตัวเลยว่าผมเล่นเกมนี้จบแค่ภาคPS2 (ฉะนั้นจึงไม่ได้ดูฉากดุเดือดเลือดกำเดาพุ่งเลยสักฉาก) แถมสภาพเครื่องกับแผ่นมิใคร่ดีเลยจบไม่ครบอีกต่างหาก (ซึ่งบทของเลก้าที่ผมไม่จบนั้นไม่ค่อยจะมีใครยอมสปอยล์เสียด้วย) ฉะนั้นขาดตกบกพร่องผิดพลาดยังไงก็รีบท้วงได้นะครับ
ดีม่อนเบน
เดอุสมาคิน่า หุ่นยนต์ที่ทำงานด้วยเทคโนโลยีเวทมนตร์ซึ่งโคโซ ฮาโด มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งเมืองอาร์คัมซิตี้ เก็บรักษาไว้เพื่อรอใช้ต่อต้านกลุ่มมาเฟียไสยเวท แบล็คล็อดจ์ หลังจากที่โคโซหายตัวไปแล้ว รูริ ฮาโด ผู้เป็นหลานสาวจึงได้จ้างนักสืบเอกชน คุโร่ ไดจูจิ ให้หาอัล อาซีฟ ต้นฉบับของตำราเวทย์ นีโครโนมิคอน ซึ่งจำเป็นกับการใช้งานดีม่อนเบน จากหอสมุดของมหาวิทยาลัยมิสคาโทนิค (คุโร่นั้นเคยเป็นนักศึกษาอยู่ที่มิสคาโทนิคมาก่อน แต่หลังจากที่ถูกอมนุษย์ วิลเบอร์ เวทลีย์ ที่อยู่ในหอสมุดเล่นงานก็ลาออกมา) ปรากฏว่าแท้จริงแล้วอัล อาซีฟนั้นเป็นต้นฉบับมีชีวิตในร่างของสาวน้อยโลลิ ซึ่งคุโร่ได้ช่วยไว้จากการตามล่าของดร.เวสต์ นักวิทยาศาสตร์คลั่งแห่งแบล็คล็อดจ์ อัลได้ทำสัญญากับคุโร่ ทำให้เขาสามารถแปลงร่างเป็นมากิอุสสไตล์ซึ่งมีพลังเหนือมนุษย์และใช้เวทมนตร์ได้ ก่อนจะกลายเป็นผู้ควบคุมดีม่อนเบนเสียเอง ซึ่งขณะบังคับดีม่อนเบนนั้น อัลจะทำหน้าที่เหมือนโอเปเรเตอร์
(ชื่อกระทู้ก็มาจากข้อความที่ขึ้นมาตอนดีม่อนเบนเดินเครื่องครั้งแรก I am innocent rage. I am innocent hatred. I am the innocent sword. I am DEMONBANE.)
ตัวดีม่อนเบนที่ขาทั้งสองข้างของดีม่อนเบนมีแผ่นโล่ขนาดใหญ่ ทีไมออส และ คริเทียส ซึ่งมีระบบสร้างการบิดเบี้ยวของมิติเวลา ทำให้ดีม่อนเบนสามารถเคลื่อนไหวแบบฝืนกฏฟิสิกส์อย่างคล่องแคล่วแม้จะสูงถึง50เมตร (กระโดดสูงๆได้ แต่ไม่ถึงกับบินได้หรอกนะ) นอกจากนั้นยังสามารถระเบิดพลังงานออกไปเป็นท่าเตะ "แอทแลนติสสไตรค์" อาวุธเสริมของดีม่อนเบนก็คือปืนวัลแคนติดหัวซึ่งใช้ทำลายหุ่นยนต์รุ่นผลิตจำนวนมากของแบล็คล็อดจ์ได้ ส่วนท่าไม้ตายก็คือ "เลมูเรียอิมแพ็คท์" ซึ่งบีบอัดแรงกดดันและความร้อนมหาศาลไว้ที่ฝ่ามือก่อนอัดใส่ศัตรูแล้วให้ระเบิดออกมา (อธิบายง่ายๆก็คือบิ๊กแบงขนาดเล็ก) เนื่องจากเลมูเรียอิมแพ็คท์นั้นมีพลังทำลายสูงมาก การจะใช้งานแต่ละครั้งจึงต้องให้รูริใช้นาคาลโค้ดปลดล็อกเสียก่อน เลมูเรียอิมแพ็คท์ยังสามารถหน่วงการทำงานเพื่อทำลายศัตรูเป็นวงกว้างได้ (MAPW)
ดีม่อนเบนและคุโร่ยังมีอุปกรณ์และเวทมนตร์อื่นๆตามที่อัลมี (เพียงแต่ตอนแรกอัลทำหน้ากระดาษตัวเองหายไปหลายแผ่น จึงต้องไล่เก็บคืนมาทีละอย่าง) ไม่ว่าจะเป็นบาเรียร์ เอลเดอร์ไซน์ ใยแมงมุมเวทมนตร์ของ"อัทลัคนาชา" ซึ่งใช้หยุดการเคลื่อนไหวของศัตรูได้ (การดิ้นจากภายในใยนี้นั้นทำยังไงๆก็ไม่หลุด แต่ถ้ามีแรงกระแทกจากภายนอกก็จะหลุดได้ง่ายๆ) "กระจกของนิโทคริส"ซึ่งใช้สร้างภาพลวงตาของดีม่อนเบนหลอกล่อศัตรู (กำลังใจ130...) "ดาบโค้งบาไซ" ดาบขนาดใหญ่ซึ่งสามารถใช้ขว้างได้เหมือนบูมเมอแรง
อาวุธที่พวกคุโร่มีปัญหาในตอนแรกก็คือ เทพอสูรแห่งไฟ "คธุกกา" (เดิมอยู่ในแขนของเดอุสมาคิน่า เบลเซบิวท์ แต่ถูกคุโร่ตัดขาด) ซึ่งคุโร่ใช้งานครั้งแรกในการต่อสู้กับเทพแฝดของอมนุษย์ดีพวัน ดากอนกับไฮดร้า แต่ควบคุมพลังของคธุกกาที่เรียกมาไม่ได้เลยทำให้เกาะถูกไฟพลาสม่าหายไปทั้งเกาะ การต่อสู้ครั้งต่อมากับเทพแห่งลม "อิธาควา" ซึ่งทำให้อาร์คัมซิตี้โดนพายุหิมะ พวกรูริจึงสร้างปืนพลาสม่าให้ใช้พลังของคธุกกาได้ ผลก็คือคุโร่นั้นหายเข้าไปในห้วงมิติของอิธาควา แต่ได้คธุกกาในร่างมนุษย์มาช่วยสยบอิธาควา ก่อนจะทำสัญญากับคุโร่ ดีม่อนเบนนั้นสามารถใช้พลังของเทพอสูรทั้งสองได้อย่างสมบูรณ์เมื่อได้ปืนคู่ของเนโร หนึ่งในแอนติครอสของแบล็คล็อดจ์ ซึ่งในสภาพปืนนี้ คธุกกาจะยิงออกไปเป็นกระสุนระเบิดเพลิงอานุภาพสูง ส่วนกระสุนของอิธาควานั้นมีอานุภาพด้อยกว่า แต่สามารถยิงให้เลี้ยวเพื่อเล็งโจมตีจุดอ่อนของศัตรูได้อย่างแม่นยำ นอกจากนั้นดีม่อนเบนยังสามารถแปลงสภาพปืนทั้งสองกลับเป็นเทพอสูรให้โจมตีศัตรูได้ตามต้องการ
ดีม่อนเบนนั้นเคยได้รับความเสียหายอย่างหนักในการต่อสู้กับเดอุสมาคิน่าของแอนติครอสทีเดียวหกคน (ในภาคเกม บทของรูรินั้นคุโร่จะเอาตัวป้องกันรูริจนนอนโคม่ายาว รูริจึงทำสัญญากับอัลแทนแล้วต่อสู้แทนคุโร่ ซึ่งแน่นอนว่าคุณหนูเราไม่เก่งเท่าคุโร่อยู่แล้ว (ชัดๆคือใช้ปืนได้ทีละกระบอก เพราะคธุกกามันหนัก) แต่บทของอัลนั้นอัลจะบาดเจ็บจนหายไปแทน พวกรูริและดร.เวสต์ที่หันมาช่วยพวกคุโร่เพราะไม่เห็นด้วยกับแอนติครอสจึงดัดแปลงดีม่อนเบนให้ทำงานได้โดยใช้แอนดรอยด์ เอลซ่า เป็นโอเปเรเตอร์แทนอัล ซึ่งทำให้ความสามารถของดีม่อนเบนเหลือแค่ระบบพื้นฐาน) เมื่อดีม่อนเบนคืนสภาพสมบูรณ์ในเวลาต่อมา ก็ได้อัพเกรดให้บินได้ด้วยปีก"แชนแทค" ซึ่งเดิมเป็นระบบบินของอีออน เดอุสมาคิน่าของอัซราด เจ้านายเก่าของอัล
(ดีม่อนเบนยังมีอาวุธอีกอย่างคือ ชาร์ กับ ลอยกอร์ เทพอสูรอีกสองตัว ซึ่งปรากฏร่างเป็นมีดคู่ที่เอามาประกอบกันเป็นกงจักรขว้างได้ แต่ในเกมคุโร่ใช้แค่ครั้งเดียวตอนเปิดทางในห้วงเวลาประหลาดของเทพแห่งมิติเวลา ยอกโซธอท ได้มาตอนไหนก็ไม่ทราบ)
...ความจริงก็มีอยู่ว่า ดีม่อนเบนนั้นผ่านกาลเวลาที่หมุนซ้ำมาแล้วนับพันๆรอบ โดยในการต่อสู้กับเดอุสมาคิน่า ลิเบอร์เลกิส ของมาสเตอร์เทเรียน อดีตผู้นำสูงสุดของแบล็คล็อดจ์ ในห้วงเวลาประหลาดของยอกโซธอทนั้น ทั้งคู่ได้ต่อสู้ผ่านดวงดาวต่างๆแบบข้ามกาแล็กซี จนกระทั่งดีม่อนเบนได้พ่ายแพ้และตกลงมาบนโลกในยุคดึกดำบรรพ์ แรงกระแทกของดีม่อนเบนทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไป อัลหายสาปสูญ ส่วนคุโร่เองก็มาโผล่ในอดีตหลายปีก่อนเริ่มเรื่อง คุโร่ได้พบกับศพของชายผู้หนึ่งพร้อมลายแทงสายแร่ทองคำและได้เข้าใจเรื่องทุกอย่าง จึงสวมรอยเป็นชายผู้นั้น โคโซ ฮาโด ก่อนจะรับพ่อของรูริเป็นบุตรบุญธรรม คุโร่ในคราบของโคโซจัดเตรียมการให้ตัวเองอีกคนในห้วงเวลานี้ได้ควบคุมดีม่อนเบนอีกครั้งในอนาคต ก่อนจะหายสาปสูญไปเมื่อไปสู้กับมาสเตอร์เทเรียนและถูกฆ่าตาย
ห้วงเวลาที่ซ้ำไปมาของดีม่อนเบนนั้นในที่สุดก็มาถึงจุดจบ (ขออิงของอัลเพราะเนื้อเรื่องของภาคต่อกับอนิเมอิงบทของอัลทั้งคู่ แต่จริงๆแล้ว ในเกมถ้าจบแฮปปี้เอนด์ของสามสาวคนไหนก็ทำลายลูปได้เหมือนกัน) เมื่อดีม่อนเบนได้สุดยอดอาวุธ ดาบแสง"ไชน์นิงทราเปโซเฮดรอน" มาเป็นอาวุธสุดท้ายพร้อมพลังที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้ เมื่อห้วงเวลาดำเนินมาถึงจุดเดิม คุโร่ก็ใช้อัทลัคนาชาลากลิเบอร์เลกิสให้ตกลงมาบนโลกด้วยกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะเรียกไชน์นิงทราเปโซเฮดรอนออกมาเตรียมฟาดฟันอีกฝ่าย
ไนอาลาโธเทป เทพผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องราวครั้งนี้ ตั้งใจให้ไชน์นิงทราเปโซเฮดรอนทั้งสองเล่มปะทะกันจนแตกสลายไปทั้งคู่ เพราะแท้จริงแล้ว ไชน์นิงทราเปโซเฮดรอนก็คือจักรวาลที่ถูกบีบอัดซึ่งใช้ผนึกเอาเตอร์ก็อดทั้งหลายไว้ รวมถึง "อซาธอท" ผู้ปกครองแห่งสรรพสิ่ง (พลังทำลายของไชน์นิงทราเปโซเฮดรอนก็คือการผนึกศัตรูไว้ในตัวเองนั่นเอง) ซึ่งถ้าไชน์นิงทราเปโซเฮดรอนถูกทำลายไป อซาธอทก็จะเป็นอิสระและทำให้จักรวาลทั้งมวลกลายเป็นจักรวาลแห่งความวุ่นวายอีกครั้ง แต่อัลรู้ตัวในวินาทีสุดท้ายและเตือนให้คุโร่ยั้งพลังจากไขน์นิงทราเปโซเฮดรอนของตัวเองได้ทัน จึงกลายเป็นว่าไชน์นิงทราเปโซเฮดรอนของดีม่อนเบนกลืนเอาของลิเบอร์เลกิสมาเป็นเล่มเดียวกัน ก่อนที่คุโร่จะใช้ทำลายไนอาลาโธเทปและลิเบอร์เลกิสไปซะทั้งคู่
ดีม่อนเบนที่ใช้พลังไปทั้งหมดในการต่อสู้นั้นก้ได้ล่องลอยไปในอวกาศ แต่อัลใช้พลังเฮือกสุดท้าย ส่งคุโร่กลับไปตอนเริ่มเรื่อง แต่เป็นจักรวาลคู่ขนานที่ไม่มีแบล็คล็อดจ์และแอนติครอส (เหลือแต่ดร.เวสต์กับเอลซ่าที่ยังคงเอาหุ่นยนต์ออกมาอาละวาดพังตึกแสดงความเป็นอัจฉริยะอยู่เนืองๆ) ส่วนอัลเองนั้น หลังจากล่องลอยไปกับดีม่อนเบนเป็นเวลายาวนานเพียงใดก็ไม่ทราบ ในที่สุดก็กลับมาหาคุโร่ได้โดยใช้สำเนาของตัวเองที่อยู่ในหอสมุดของมหาวิทยาลัยมิสคาโทนิคนั่นเอง
เรื่องก็ควรจะแฮปปี้เอนดิงแค่นี้ ถ้าไม่ใช่ว่าจู่ๆก็มีเด็กหญิงลึกลับอีกคน อนาเธอร์บลัด ปรากฏตัวขึ้นและพยายามเอาดีม่อนเบนไป ก่อนที่แอนติครอสและมาสเตอร์เทเรียนก็กลับมายังห้วงเวลานี้ ตัวจริงของอนาเธอร์บลัดก็คือ นีโครโนมิคอน ฉบับเขียนด้วยเลือด และเป็นลูกสาวของอัลกับคุโร่ที่มาจากอนาคตคู่ขนานที่ขัดแย้งกับความเป็นจริง ที่เธอมาปรากฏตัวในห้วงเวลานี้เป็นเพราะแม้แต่ไชน์นิงทราเปโซเฮดรอนก็ไม่อาจผนึกไนอาลาโธเทปได้อย่างสมบูรณ์ ไนอาลาโธเทปที่กลับมาจากจักรวาลคู่ขนานอีกแห่งจึงได้เรียกอนาเธอร์บลัดมาเพื่อก่อความวุ่นวายอีกรอบโดยอาศัยความต้องการที่จะมีตัวตนของอนาเธอร์บลัด (อนาเธอร์บลัดมีปมอิเล็กตร้าแรงพอดู เลยตั้งใจจะเขี่ยอัลให้พ้นทาง) ตอนที่ดีม่อนเบนที่ถูกอนาเธอร์บลัดชิงไปนั้นจะกลายเป็น ดีม่อนเบน บลัด สีแดง
ดีม่อนเบนอีกเครื่อง คือ ดีม่อนเบน ทูว์ซอร์ด ของเด็กหนุ่มลึกลับ คุซากุ ผู้พยายามขัดขวางอนาเธอร์บลัด ทูว์ซอร์ดนี้มีความสามารถคล้ายกับดีม่อนเบน (ไม่รวมไชน์นิงทราเปโซเฮดรอน) แต่ใช้ชาร์ กับ ลอยกอร์เป็นอาวุธหลัก ชื่อจริงของคุซากุก็คือ คุซากุ ไดจูจิ ลูกของคุโร่กับอัลในอนาคตอีกสายที่อัลไม่ได้ส่งคุโร่กลับมาในอดีต แต่ล่องลอยไปในอวกาศทั้งคู่และกลายเป็นเทพ เอลเดอร์ก็อด ซึ่งคอยขัดขวางแผนการของไนอาลาโธเทปในจักรวาลต่างๆ แต่เพราะอยากให้คุซากุได้เป็นคนธรรมดาหรือเปล่าก็ไม่ทราบ เลยเอาไปฝากให้รูริในห้วงเวลาของตัวเองเลี้ยง คุซากุก็เลยไม่ชอบคุโร่สักเท่าไหร่ (ในภายหลังอนาเธอร์บลัดก็กลายเป็นคู่หูของคุซากุไปแทน และแน่นอนว่าดีม่อนเบนสองเครื่องมีท่าประสาน นั่นก็คือ ดับเบิ้ลเลมูเรียอิมแพ็คท์)
เท่าที่ค้นมา ในอดีตนั้น ยังมีดีม่อนเบนอีกร่าง นั่นคือ "กันชินโคชู" เทพสงครามดีม่อนเบน และเป็นร่างที่เคยใช้ผนึกอซาธอท ซึ่งกันชินโคชุได้ขยายร่างมหึมาจนทำให้จักรวาลที่ตนอยู่แตกสลาย แถมตอนที่สู้กับศัตรูในช่องว่างมิติยังพลั้งมือ"ปัด"จักรวาลอื่นแตกไปอีก (ของโหดๆแบบนี้อยู่ในนิยายอย่างเดียวน่ะนะ) แต่ก็ร่างสุดยอดของดีม่อนเบนก็คือ เอลเดอร์ก็อด ดีม่อนเบน หรือดีม่อนเบนที่มีเอลเดอร์ก็อดคุโร่กับอัลเป็นผู้ควบคุม ซึ่งขอบเขตพลังของเอลเดอร์ก็อดนั้น ถ้ามองด้วยสายตาของมนุษย์ที่รับรู้สิ่งต่างๆได้แค่ในจักรวาลก็เป็นเหมือน"พระเจ้า"ที่สามารถทำอะไรก็ได้ตามต้องการ ความสามารถหนึ่งของเอลเดอร์ก็อด ดีม่อนเบน ก็คือสามารถเรียกดีม่อนเบนเครื่องอื่นๆมาช่วยได้ ไม่ว่าจะเป็นจากอดีตหรืออนาคต จากจักรคู่ขนาน และแม้แต่ดีม่อนเบนซึ่งอยู่ในห้วงเวลาที่ขัดแย้งกับความเป็นจริงในจักรวาลใดๆก็สามารถเรียกออกมาได้ พูดง่ายๆก็คือเรียกมาได้ไม่จำกัด รวมทั้งกันชินโคชูด้วย
ว่าแล้วก็มาSRWสักทีซี่...
Super Robot Wars
Games
Mecha Story