MS Story : ประจำวันที่12 มกราคม 2548

ตอนหน้าก็ว่าจะเป็นเหล่าวาริเอเบิ้ลไฟเตอร์จากมาครอสต่อล่ะนะ ถ้าไม่มีอะไรพลาด แฟนๆของYF-19 กับ YF-21ก็จะได้เฮกันล่ะ





กรับและอีก้า

คู่นี้ก็เป็นหุ่นแมลงลูกกระจ๊อกที่อินบิตใช้ในช่วงแรกๆของเรื่อง มีอาวุธหลักเป็นกงเล็บที่แขน(หรือจะบอกว่าขาคู่หน้าดี?) เซ็นเซอร์ที่ใช้มีความละเอียดของภาพต่ำมาก(สามารถมองเห็นในเวลากลางคืนได้ แต่ภาพที่เห็นยิ่งแย่เข้าไปอีก) แต่สามารถตรวจจับสัญญาณความร้อนและพลังงานจากอาวุธของมนุษย์โลกได้ รวมถึงมีความสามารถในการตามเป้าหมายด้วยคลื่นเสียง ข้อแตกต่างระหว่างสองตัวนี้ก็คืออีก้ามีกงเล็บแบบเดี่ยวที่แขนแต่ละข้าง ส่วนกรับนั้นเป็นแบบสามเล็บซึ่งสามารถใช้หยิบจับอะไรได้บ้าง กรับยังตัวโตกว่าและมีเกราะที่หนากว่า ในขณะที่อีก้านั้นมีความคล่องแคล่วสูงกว่าและยังสามารถเสริมบูสเตอร์พิเศษแทนขาเพื่อใช้ในอวกาศโดยเฉพาะ แม้จะฟังดูแปลกๆเพราะอีก้ามีอาวุธแค่กงเล็บ การโจมตีจึงมักเป็นแบบสละชีวิต แต่พวกอินบิตนั้นมีจำนวนประชากรมหาศาลอยู่แล้ว แถมโครงสร้างสังคมแบบพวกแมลงยังทำให้พวกลูกกระจ๊อกตายไปเท่าไหร่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกด้วย

แม้กรับและอีก้าจะเป็นกำลังสำคัญที่อินบิตใช้ในการยึดครองโลก แต่หลังจากที่มนุษย์โลกบนดาวอังคารพัฒนาเลกิออสและไรด์อาเมอร์ขึ้นมาแล้ว ทั้งคู่ก็แทบจะไร้ประโยชน์ในการต่อสู้ ซึ่งอินบิตก็ได้ปรับปรุงทั้งคู่ด้วยเทคโนโลยีอาวุธยิงที่เพิ่งพัฒนาได้บนโลก โดยเสริมพลาสม่าแคนน่อนไว้ที่ส่วนไหล่ของทั้งคู่ แม้พลาสม่าแคนน่อนของกรับจะมีอานุภาพรุนแรงกว่า แต่เนื่องจากความคล่องแคล่วต่ำกว่าจึงไร้ประโยชน์ เพราะไรด์อาเมอร์สามารถใช้ความคล่องแคล่วที่สูงกว่าหลบการโจมตีของกรับและโจมตีใส่เซ็นเซอร์ซึ่งเป็นจุดอ่อนของกรับได้ง่ายๆ(แมลงอินบิตที่ควบคุมหุ่นจะอยู่หลังเซ็นเซอร์พอดีครับ พอโดนจุดนี้จังๆแค่นัดเดียวเลยร่วง) ในขณะที่อีกอ(อีก้าแบบติดพลาสม่าแคนน่อน)นั้นมีความเร็วสูงพอที่จะไล่ยิงไรด์อาเมอร์ได้ แต่ถ้าเป็นเลกิออสแล้ว ทั้งคู่ก็ไร้ประโยชน์พอๆกัน

รูปนั่นคาดว่าเจ้าของเว็บต้นฉบับแกลงสีเองล่ะครับ พอดีรูปที่น่าจะเป็นรูปแสกนมันดันเล็กกว่าด้วยน่ะสิ





ทีนี้ก็รีไซเคิลตามคำขอ



RX-104FF เพเนโลเป้และRX-105 ซายกันดั้ม

เมื่อกลุ่มก่อการร้ายของแมฟตี้ นาบิว เอริน(ฮาซาเวย์ โนอา)ได้สร้างความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงแก่EF (ฮาซาเวย์นั้นจริงๆแล้วเชื่อในแนวคิดของชาร์ที่ต้องการให้มนุษย์ทิ้งโลกและขึ้นมาเป็นสเปซนอยด์ แต่ฮาซาเวย์เลือกใช้การโจมตีสถานที่สำคัญๆของEFโดยเฉพาะแทน) ทำให้เกิดหน่วยพิเศษ "Kirke" (บางที่เรียกCirce คาตาคานะอ่านตรงๆได้ว่าว่า คิรุเคะ)เพื่อต่อสู้กับแมฟตี้โดยเฉพาะ โดยมีนายทหารอดีตเจ้าหน้าที่แผนกวิจัยอาวุธ เคนเน็ธ เสลกเป็นหัวหน้าทีม ซึ่งMSประจำหน่วยนี้ก็คือFD-03 กุสตาฟคาร์ล และRX-104FF เพเนโลเป้ซึ่งเคนเน็ธพัฒนาขึ้นโดยได้รับความร่วมมือจากAE แต่AEก็ได้แอบสร้างRX-105 ซายกันดั้มซึ่งมีพื้นฐานมาจากเพเนโลเป้และขายให้ฮาซาเวย์ไป

ซายกันดั้มพัฒนามาจากเพเนโลเป้ก็จริง แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งกว่าจนเห็นได้ชัดนะครับ จุดเด่นของสัตว์ประหลาดสองตัวนี้ อย่างแรกเลยคือขนาดครับ แม้จะไม่ได้สูงขนาดไซโค แต่ถ้าเอาไอ้สองตัวนี้ไปยืนเคียงกับนิวกันดั้ม (22เมตร,ไม่รวมฟินฟันเนล)หรืวิงเซโร่(16.7เมตร)ล่ะก็ เด่นเป็นสง่าอย่าบอกใคร(คิดว่าน่าจะพอๆกับเมซซาร่านะ คือประมาณ30เมตร) นอกจากนี้เจ้าสองตัวนี้ยังมีไมนอฟสกี้คราฟท์ติดตั้งอยู่ด้วย จึงบินได้ด้วยความเร็วแบบสุดๆ แม้ว่าจะตัวโตขนาดนี้ก็เหอะ ยังมีฟันเนลมิสไซล์ซึ่งเป็นมิสไซล์นี่แหละ แต่มีระบบไซคอมมิวให้ควบคุมได้แบบฟันเนล จึงใช้ได้ในบรรยากาศโลกได้และมีความแม่นยำสูงมาก ถ้าเป็นเพเนโลเป้ยังแปลงเป็นโหมด"มังกรเผือก"เพื่อเร่งความเร็วได้อีก ด้านกำลังและความเร็วทั้งคู่ก็นับได้ว่าเป็นท็อปคลาสของMSในยุคกลางของศักราชUC อาวุธพื้นฐานคือบีมเซเบอร์และบีมไรเฟิลของทั้งคู่ยังมีอานุภาพสูงอีกด้วย

แม้ว่าจริงๆแล้วประสิทธิภาพของทั้งสองเครื่องจะใกล้เคียงกัน แต่เนื่องจากเรน เอมซึ่งเป็นนักบินของเพเนโลเป้นั้นเป็นคนมุทะลุและด้อยประสพการณ์กว่าฮาซาเวย์ ทำให้สู้ฮาซาเวย์ไม่ได้ แต่สุดท้าย ด้วยแผนการณ์ของเคนเน็ธ เรนก็สามารถล่อให้ซายกันดั้มและฮาซาเวย์ติดกับดักบีมบาเรียร์จนซายกันดั้มหมดสภาพ ส่วนฮาซาเวย์ถูกประหารชีวิต





F97 ครอสโบนกันดั้ม

หรือXM-Xซีรีส์ MSที่SNRIส่งไปให้กลุ่มโจรสลัดครอสโบนแวนการ์ดมีสามตัวคือ XM-X1,XM-X2และXM-X3 โดยตัวที่สามถูกสร้างมาหลังเพื่อน สองตัวแรกมีผ้าคลุมที่ป้องกันบีมได้+บีมชิลด์ ส่วนตัวที่สามเป็นMSแบบลดขนาดตัวแรกที่มีIฟิลด์ซึ่งใช้ได้แบบจำกัดเวลา(ยังมีบีมชิลด์นะ) โดยทั้งหมดเน้นไปที่การต่อสู้ในระยะประชิดและมีระบบคอร์ไฟเตอร์ใช้ รวมทั้งความคล่องแคล่วที่สูงมากเพราะใช้ระบบท่อขับดันที่ควบคุมได้แบบอิสระทั้งสี่ของคอร์ไฟเตอร์ ที่เหลือนี่ขอแยกครอสโบน X3ออกไปก่อนละกัน

จุดเด่นของสองตัวแรกนี่ก็มี"บีมซันเบอร์"ซึ่งสามารถฟันผ่านบีมเซเบอร์ทั่วๆไปหรือแม้แต่บีมชิลด์ได้สบาย แถมยังสามารถประกบกับปืนบัสเตอร์ เป็นซันบัสเตอร์ที่รุนแรงขึ้นได้อีก (แต่ไม่เท่าVSBRหรอก) แถมด้วยอาวุธระยะประชิดอีกหลายรูปแบบ เช่น กริชความร้อน หรือตะขอคีม(Scissors Anchor)ซึ่งเป็นอาวุธที่ใช้ล็อกจับศัตรูในระยะประชิด(ที่ซีบุ๊คใช้จับบาตร้าเหวี่ยงไปกระแทกยานในตอนแรกไงครับ)

ความแตกต่างระหว่างX1และX2นอกจากสีและรายละเอียดของวีฟินก็คือในส่วนใกล้ๆส่วนคอของครอสโบนมีสล็อตอยู่ ซึ่งจุดนี้X1ใช้เก็บบีมเซเบอร์แบบมาตรฐาน ส่วนของX2กลับติดตั้งปืนกลไว้ นอกจากนี้X2ยังมีทวนช็อตแลนเซอร์ซึ่งแม้จะใช้ยิงไปทิ่มเป้าหมายแบบเดิมๆไม่ได้ แต่ก็ติดปืนกลหนักไว้ถึง4กระบอกแทนที่จะเป็น2เหมือนของเก่า นอกจากนี้X2ยังมีปืนบัสเตอร์ลันเชอร์(ยืมมาจากL-Gaim?)ซึ่งรุนแรงมากๆด้วย (จริงๆแล้วฮาเซกาว่าแกเขียนรูปX1ถือบัสเตอร์ลันเชอร์ไว้ในในหน้าแรกของตอนนึงด้วย แต่ในเรื่องจริงๆX1ไม่เคยใช้เจ้านี่แฮะ)

ส่วนX3มีของดีคือ"มุรามาสะบัสเตอร์" ซึ่งภายในมีบีมเซเบอร์14เล่มอยู่ ทำให้สามารถสร้างบีมเซเบอร์ขนาดยักษ์ได้(มีสองโหมดคือ อีโต้ยักษ์ กับ ดาบยาว)นอกจากนี้ยังสามารถยิงออกไปเป็นบีมแคนน่อนได้ ตัวมุรามาสะบลาสเตอร์เองยังใช้ฟาดศัตรูเหมือนดาบโลหะได้อีก(ทำจากอะไรวะนี่?)

ภายหลังครอสโบนX2ถูกพวกจูปิทอเรี่ยนดัดแปลงให้มีความคล่องแคล่วสูงขึ้น(แต่เสียคอร์ไฟเตอร์กับผ้าคลุมไป) ส่วนX1ได้เพิ่มแส้ติดสว่านเพื่อใช้ตอบโต้กับสเน็คแฮนด์ของMSควาวาเซ่ของจูปิทอเรี่ยน (เป็นอาวุธระยะกลางที่เท่สุดๆ) นักบินหลักของทั้งสามก็คือ คินเคด นาอูหรือซีบุ๊ค อาโน่นั่นเอง(X1),ซาบีเน่ ชาร์ล(X2) และโทเวีย อโลแน็ก(X3)

สุดท้ายก็มีแค่X1ที่อยู่รอดจนจบสงครามจูปิทอเรี่ยนครับ อนึ่ง ในลิสต์ของMAHQบอกว่าครอสโบนทั้งสามมีอาวุธคือกระสุนนิวเคลียร์(Atomic Shell)ด้วย ไม่แน่ใจว่าใช่ที่ซีบุ๊คกับโทเวียใช้ทำลายจูปิทอริส9รึเปล่า

สำหรับรูปนั่น ของX1และX2เป็นรูปที่ดีไซน์ใหม่ของอ.ฮาจิเมะ คาโตกินะครับ (ไม่เกี่ยวกับเรื่อง แต่Gunota Headlinesบอกว่า อ.ฮาจิเมะเคยเขียนบทให้อนิเมะกบบ้า Keroro Gunsoด้วยสิ...) ส่วนรูปของX3บังเอิญเจอในเน็ตเมื่อนานมาแล้ว
Anime

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา