MS Story : รับปีใหม่ด้วยข้อมูลชุดเก็บตก!

ปีใหม่ แต่โลกใบเดิม...ฟ้าก็ฟ้าเดิม...ประธานาธิบดีสหรัฐฯก็ยังเป็นจอร์จ W. บุชคนเดิม...เฮ้อ! ยังไงๆตอนนี้ก็มีข้อมูลใหม่(แต่เป็นของยานเก่า)แล้วล่ะครับ ทิ้งบรรยากาศเศร้าๆในแถบนี้ไปก่อนละกัน...





MBF-M1 M1แอสเทรย์

ท่ามกลางสงครามอันดุเดือดระหว่างZAFTและพันธมิตรโลก รัฐอิสระอย่างอาณาจักรอ็อบก็ต้องมีMSรุ่นผลิตจำนวนมากอย่างM1แอสเทรย์เพื่อให้ยังเป็นอิสระอยู่ได้

M1แอสเทรย์นั้นใช้ต้นแบบมาจากกันดั้มแอสเทรย์ทั้งสามเครื่อง (ซึ่งก็ได้แบบมาจากเทคโนโลยีที่ก็อปปี้มาจากกันดั้มทั้งห้าอย่างลับๆนั่นแล) ในขณะที่แอสเทรย์ทั้งสามนั้นได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษโดยนักบิน M1ก็ยังเป็นแค่MSพื้นๆที่มีวัลแคน,บีมเซเบอร์และบีมไรเฟิลเป็นอาวุธเท่านั้นแล

ในช่วงแรกนั้น การพัฒนาM1แอสเทรย์นั้นมีปัญหาเพราะOSด้อยประสิทธิภาพ ทำให้นักบินปกติไม่สามารถควบคุมM1แอสเทรย์ได้ดีพอที่จะไปรบได้ แต่ต่อมาก็ได้OSที่คิระ ยามาโตะดัดแปลงมาจากOSของสไตรค์ กันดั้ม ทำให้นักบินปกติสามารถควบคุมM1แอสเทรย์ได้ดีพอๆกับโคออร์ดิเนเตอร์

M1แอสเทรย์ออกสู่สนามรบครั้งแรกในการป้องกันตัวจากการรุกรานของพันธมิตรโลก แม้ว่าM1แอสเทรย์จะสามารถสู้กับจินน์หรือสไตรค์แด็กเกอร์ได้ แต่ก็ด้อยกว่าเกซอย่างเทียบไม่ติด นอกจากนี้ยังมีรุ่นย่อยๆคือMBF-M1A M1Aแอสเทรย์ที่เพิ่มความสามารถในการใช้งานในอวกาศโดยติดตั้งเวอเนียร์เสริมและปรับปรุงฉนวนสำหรับป้องกันอากาศรั่วให้ดีขึ้น M1Aแอสเทรย์ยังใช้สไนเปอร์บีมไรเฟิลแทนบีมไรเฟิลด้วย





RX-78-4 กันดั้มG04 และ RX-78-5 กันดั้มG05

หมายเลข4และ5ของซีรี่ส์RX-78 โดยทั้งสองดูจากภายนอกแล้วแทบจะเหมือนกันเลยทีเดียว แต่จริงๆแล้วมีข้อแตกต่างกัน โดยG04ถูกออกแบบมาสำหรับทดลองใช้เมก้าบีมไรเฟิลที่มีอานุภาพพอๆกับปืนมหาอนุภาคของยานแม่เลยทีเดียว G04จึงมีเครื่องกำเนิดพลังงานที่มีกำลังสูงกว่าของG05 ส่วนG05จะมีปืนกลหนักแทน นอกจากนั้นแล้วก็เรียกได้ว่าคล้ายๆกันครับ มีบีมกันติดแขนและสามารถใช้บูสเตอร์เสริมเพื่อเพิ่มความสามารถในการรบในอวกาศได้ทั้งคู่

เนื่องจากลงสู่สนามรบในช่วงท้ายๆของสงคราม จึงมีข้อมูลการใช้งานน้อย G04นั้นได้ใช้เมก้าบีมไรเฟิลหยุดยั้งกองยานของซีอ้อนที่แกรนาดาซึ่งแม้จะทำได้สำเร็จ แต่เครื่องกำเนิดพลังงานก็โอเวอร์โหลดจนG04ระเบิดไปพร้อมกับ ลูซ คาสเซลที่เป็นนักบิน ส่วนG05นั้นได้ร่วมในภารกิจคุ้มครองนายกฯ ดาร์เซีย บาการอฟ แห่งสาธารณรัฐซีอ้อน (เป็นซีอ้อนกลุ่มที่นิยมEFครับ หลังการสู้รบที่อบาโอกูก็มีพวกนี้ล่ะที่ประกาศยอมแพ้)จากพวกที่ยังภักดีต่อตระกูลซาบี้อยู่





NMS-X07PO เกลฟินิโต

MSรุ่นต้นแบบที่พัฒนาโดยบริษัทอุตสาหกรรมแอ็คทารอนโดยใช้ข้อมูลที่ขโมยมาของโปรเจ็คท์แอสเทรย์ เกลฟินิโตมีความสามารถพิเศษในการใช้อนุภาคมิราจคอลลอยด์เป็นสื่อในการส่งข้อมูล ซึ่งการสื่อสารด้วยมิราจคอลลอยด์นี้ไม่ถูกรบกวนจากNแจมเมอร์เหมือนคลื่นวิทยุ ด้วยความสามารถนี้ เกลฟินิโตจะแฮ็คเข้าไปในระบบOSของMSที่อยู่ใกล้ๆ(เกลฟินิโตสามารถแฮ็คOSที่ใช้ในช่วงสงครามวาเลนไทน์เลือดได้แทบทุกรุ่น)จากนั้นจะปล่อยไวรัสเข้าไปทำลายระบบของMSนั้นๆ (ข้อมูลบางแหล่งระบุว่าเกลฟินิโตสามารถควบคุมMSที่โดนทำลายระบบแล้วได้ด้วย) อุปกรณ์แปลกๆที่ไหล่ก็คือเสาอากาศของระบบสื่อสารนี้

แม้ตัวเกลฟินิโตเองจะไม่เป็นที่ประทับใจของลูกค้าของแอ็คทารอนมากนัก เพราะนอกจากความสามารถพิเศษของมันแล้ว เกลฟินิโตก็ไม่ได้ติดตั้งอาวุธอื่นๆไว้เลยอีกทั้งประสิทธิภาพของเครื่องก็ยังไม่มีอะไรเด่น แต่เทคโนโลยีมิราจคอลลอยนั้นก็ทำให้ทั้งZAFTและสหพันธ์ยูเรเซียนในกลุ่มพันธมิตรโลกตัดสินใจซื้อเกลฟินิโตไปศึกษา (งั้นแอ็คทารอนก็คืออนาไฮม์ในจักวาลCE?) โดยสหพันธ์ยูเรเซียนนั้นใช้ข้อมูลนี้พัฒนาโล่แสง"อามิวเร ลูมิเอล"ของไฮเปอเรียนกันดั้มได้ โดยการใช้อนุภาคมิราจคอลลอยในการสร้างสนามพลัง(Iฟิลด์?)เพื่อใช้คงสภาพของพลังงานในรูปแบบของโล่ ส่วนZAFTนั้นใช้ข้อมูลนี้ไปสร้างระบบดรากูนขึ้นมา โดยใช้มิราจคอลลอยในการส่งสัญญาณระหว่างMSและตัวดรากูนยูนิต (สรุปได้ว่า ดรากูนไม่ใช่ระบบไซคอมมิวครับ บอกว่าเป็นระบบกึ่งไซคอมมิวแบบไร้สายจะถูกต้องกว่า)









Gไฟเตอร์ และ FF-X7-Bst คอร์บูสเตอร์

ใครๆก็รู้ว่าสไตรค์กันดั้มมีสกายแกรสเปอร์เป็นคู่หู แต่เด็กรุ่นใหม่หลายๆคนอาจไม่รู้ว่ากันดั้มก็มียานคู่หูเหมือนกัน

Gไฟเตอร์เป็นยานรบที่สร้างมาเพื่อใช้งานร่วมกับกันดั้มและยานคอร์ไฟเตอร์ Gไฟเตอร์นั้นแบ่งเป็น2ส่วนเรียกว่า"Gพาร์ต"หรือ"Gโมดูล" เวลาใช้งานเดี่ยวๆGพาร์ตทั้งสองจะประกอบกันเป็นยานที่แม้จะหน้าตาเทอะทะสักหน่อย แต่ก็มีพลังมหาศาลเพราะมีอาวุธทั้งบีมแคนน่อนแฝดและมิสไซล์ลันเชอร์ ทั้งยังมีเกราะที่หนาอีกด้วย

แต่จุดเด่นของมันก็คือเวลาใช้งานโดยรวมกับกันดั้มครับ ซึ่งโหมดต่างๆก็มี...

-Gบุล ใช้ส่วนหน้าของGไฟเตอร์ประกอบกับส่วนลำตัวของกันดั้ม ทำให้กลายเป็นรถถังที่ทรงอานุภาพในการรบภาคพื้นดินโดยใช้บีมแคนน่อนแฝดเป็นอาวุธหลัก (มีโหมดย่อยคือGบุลอีซี่ ซึ่งจะไม่มีส่วนคอร์ไฟเตอร์ของกันดั้ม)

-Gสกาย ใช้ส่วนท้ายของGไฟเตอร์เป็นบูสเตอร์เสริมประกอบกับส่วนขาของกันดั้มโดยที่คอร์ไฟเตอร์อยู่ในสภาพยาน เป็นโหมดที่มีพลังต่อสู้น้อยที่สุดเพราะไม่มีบีมแคนน่อน แต่ก็ยังมีเกราะที่หนาอยู่ จึงมีประโยชน์ในการใช้ป้องกันคอร์ไฟเตอร์เวลาจะประกอบร่างเป็นกันดั้มหรือGอาเมอร์ (มีโหมดย่อยคือGสกายอีซี่ ซึ่งจะไม่มีส่วนขาของกันดั้ม ทำให้ประกอบร่างเป็นกันดั้มหรือGอาเมอร์ยากกว่าGสกาย)

-Gอาเมอร์ เป็นโหมดที่Gไฟเตอร์ใช้Gพาร์ตทั้งสองส่วนเป็นเกราะเสริมให้กันดั้ม สามารถใช้งานได้ทั้งเป็นรถถังและยานรบ แม้ในสภาพนี้กันดั้มจะใช้โจมตีไม่ได้เลย แต่จริงๆแล้วGอาเมอร์สามารถแยกGพาร์ตออกจากกันให้กันดั้มออกสู่สนามรบได้ตามปกติอย่างรวดเร็ว

Gไฟเตอร์นั้น ร้อยโทมาธิลด้าเป็นผู้นำไปส่งให้ไวต์เบสก่อนหน้าปฏิบัติการโอเดสซ่าโดยที่เซร่า มาสได้ทำหน้าที่เป็นนักบิน ซึ่งในภายหลังนั้น ก็มีลำที่สองซึ่งมีสเล็กเกอร์ โลว์เป็นนักบิน

ในภาคหนังสามตอนจบนั้น ยานGไฟเตอร์ถูกแทนที่ด้วยยานFF-X7-Bst คอร์บูสเตอร์ซึ่งเป็นยานคอร์ไฟเตอร์ที่ติดตั้งบูสเตอร์ขนาดใหญ่ไว้ แม้จะไม่มีเกราะหนาๆและความสามารถในการรวมร่างกับกันดั้มเหมือนGไฟเตอร์ แต่ก็มีความเร็วสูงและยังมีพลังทำลายไม่แพ้กันด้วยปืนมหาอนุภาคสองกระบอก



ตอนหน้ามาครอสก็มาแล้วนะครับ



ปล.กระทู้โน้น มีคนขอข้อมูลของจินน์, ดินน์ แล้วก็พวกใต้น้ำ ของดินน์กับพวกใต้น้ำยังไม่มีข้อมูลใหม่ๆเลยนะครับ ลองค้นตามกระทู้เก่าๆดู ส่วนของจินน์ขอเวลาเหมาะๆก่อนครับ
Anime

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา