MS Story : G SEED Astray

ก่อนจะว่ากัน มีโน็ตนิดหน่อย อันนี้อาจกล่าวซ้ำอีกครั้งตอนฟรีด้อม กันดั้ม แหะๆ...เรื่องน่ากลัวของจักวาลCEก็คือ จักวาลนี้ยังไม่มีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิวชั่นใช้ครับ ยังเป็นเตาปฏิกรณ์แบบฟิชชั่นอยู่ ซึ่งหมายความว่ากันดั้มสามตัวที่ZAFTสร้างนั้นจะมีกากนิวเคลียร์เป็นของแถมด้วย ยังไม่รวมถึงการแผ่รังสีอีกต่างหาก หมายความว่าเจ้าสามตัวนี่เป็นMSที่สร้างมลภาวะมากที่สุดเท่าที่มีมา และถ้าห้องนักบินของพวกนี้ไม่มีฉนวนตะกั่วกันรังสีหุ้มล่ะก็นักบินของเจ้าพวกนี้จะ...เบาะๆก็เป็นหมัน ถ้าซวยก็อาจเป็นมะเร็งได้ (ไม่อยากคิดถึงชะตากรรมของช่างเครื่อง)





MBF-M1 M1แอสเทรย์

ท่ามกลางสงครามอันดุเดือดระหว่างZAFTและพันธมิตรโลก รัฐอิสระอย่างอาณาจักรอ็อบก็ต้องมีMSรุ่นผลิตจำนวนมากอย่างM1แอสเทรย์เพื่อให้ยังเป็นอิสระอยู่ได้

M1แอสเทรย์นั้นใช้ต้นแบบมาจากกันดั้มแอสเทรย์ทั้งสามเครื่อง (ซึ่งก็ได้แบบมาจากเทคโนโลยีที่ก็อปปี้มาจากกันดั้มทั้งห้าอย่างลับๆนั่นแล) ในขณะที่แอสเทรย์ทั้งสามนั้นได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษโดยนักบิน M1ก็ยังเป็นแค่MSพื้นๆที่มีวัลแคน,บีมเซเบอร์และบีมไรเฟิลเป็นอาวุธเท่านั้นแล

ในช่วงแรกนั้น การพัฒนาM1แอสเทรย์นั้นมีปัญหาเพราะOSด้อยประสิทธิภาพ ทำให้นักบินปกติไม่สามารถควบคุมM1แอสเทรย์ได้ดีพอที่จะไปรบได้ แต่ต่อมาก็ได้OSที่คิระ ยามาโตะดัดแปลงมาจากOSของสไตรค์ กันดั้ม ทำให้นักบินปกติสามารถควบคุมM1แอสเทรย์ได้ดีพอๆกับโคออร์ดิเนเตอร์

M1แอสเทรย์ออกสู่สนามรบครั้งแรกในการป้องกันตัวจากการรุกรานของพันธมิตรโลก แม้ว่าM1แอสเทรย์จะสามารถสู้กับกินน์หรือสไตรค์ แด็กเกอร์ได้ แต่ก็ด้อยกว่าไกซ์อย่างเทียบไม่ติด





MBF-P01 กันดั้มแอสเทรย์ สีทอง

การพัฒนาMSของพันธมิตรโลกนั้น อาณาจักรอ็อบได้ช่วยเหลือในการพัฒนาด้วย แน่นอนว่าใครเขาจะช่วยฟรีๆ? อ็อบได้แอบขโมยเทคโนโลยีหลายๆอย่างมาเพื่อพัฒนาMSของตัวเองด้วย ซึ่งก็ออกมาเป็นกันดั้มแอสเทรย์สามเครื่อง

แม้ว่าอ็อบจะได้ข้อมูลมาสร้างบีมไรเฟิลและบีมเซเบอร์เลียนแบบได้ แต่ปรากฏว่าอ็อบไม่สามารถสร้างเกราะPSได้แฮะ เพื่อแก้ปัญหานี้ แอสเทรย์เลยมีน้ำหนักที่เบาและคล่องแคล่วมากแทน กันดั้ม แอสเทรย์มีระบบแฮนด์ปลั๊กไว้จ่ายพลังงานให้อาวุธเหมือนMSของพันธมิตรโลก แม้ว่าอ็อบจะใช้แฮนด์ปลั๊กคนละแบบกับพันธมิตรโลก แต่แอสเทรย์สีทองนั้นติดตั้งไว้ทั้งสองแบบเลยสามารถใช้อาวุธของพันธมิตรโลกได้ด้วย

เมื่อZAFTได้โจมตีเฮลิโอโปลิส ทางอ็อบได้ทำลายโรงงานที่พัฒนาโปรเจ็คท์แอสเทรย์เพื่อให้โปรเจ็คท์นี้ยังเป็นความลับต่อไป แต่โคออร์ดิเนเตอร์ รอนโด ซาฮาคุได้ตัดสินใจปกป้องแอสเทรย์ทั้งสามไว้และเอาเครื่องสีทองหนีไปจากเฮลิโอโปลิสโดยใช้บาซูก้าขนาดใหญ่(จริงๆแล้วบาซูก้านี่ออกแบบไว้ให้ดูเอล กันดั้ม) เนื่องจากแอสเทรย์นั้นไม่ได้ออกแบบไว้ให้ใช้อาวุธหนัก ผลก็คือแขนขวาของแอสเทรย์สีทองจึงเสียหาย ซึ่งรอนโดได้สลัดแขนข้างนี้ทิ้งไปทำให้ใครๆนึกว่าเครื่องสีทองนี่พังไปแล้ว แต่จริงๆแล้วเจ้านี่หนีมาถึงโลก ซึ่งก็ได้รับความเสียหายเพิ่มที่ส่วนหัวในระหว่างการเข้าสู่บรรยากาศนั่นเอง

ภายหลัง อ็อบได้ทำการอัพเกรดแอสเทรย์สีทองโดยกลายเป็น "โกลด์เฟรม Amatu" (อมาทิว?) โดยส่วนแขนขวาที่หายไปนั้นได้รับการแทนที่ด้วยแขนขวาที่เอามาจากซากของบลิทซ์ กันดั้มนั่นเอง ซึ่งเทคโนโลยีอนุภาคล่องหนของบลิทซ์ กันดั้มยังถูกเอามาใช้กับแอสเทรย์สีทองนี่ด้วย แขนนี่ยังสามารถใช้เกราะPSได้เหมือนเดิมแต่อันนี้ใช้ได้แค่ส่วนแขน ไม่ใช่ทั้งตัวแบบการล่องหน ส่วนหัวก็ถูกเปลี่ยนเป็นหัวใหม่ที่มีเซ็นเซอร์เสริมแบบโมโนอายติดตั้งไว้ด้วย

ส่วนอาวุธใหม่ๆนั้น นอกจากไทรเครอส(ติดมากับแขนของบลิทซ์นั่นแหละ) ก็มี "มากะ โนะ อิคุทาจิ" ซึ่งเป็นกงเล็บที่ใช้ดูดพลังงานมาจากMSเป้าหมาย(เจ้านี่ยังไม่สมบูรณ์ครับ ถ้าสมบูรณ์แล้วจะไม่ต้องใช้กงเล็บเลย!) แล้วก็ที่แบ็คแพ็คนั้นมีหอก"มากะ โนะ ชิราโฮโระ" ซึ่งสามารถยิงและดึงกลับมาได้ด้วยสายเคเบิ้ล เจ้าหอกนี่ยังใช้เทคโนโลยีPS จึงสามารถเจาะเป้าหมายได้ทุกรูปแบบด้วย





MBF-P02 กันดั้มแอสเทรย์ สีแดง

กันดั้มแอสเทรย์เครื่องที่สอง แม้จะไม่สามารถใช้อาวุธของพันธมิตรโลกได้แบบเครื่องสีทอง เครื่องสีแดงก็สามารถยิงบีมออกจากแฮนด์ปลั๊กในสถานการณ์ฉุกเฉินได้

ในตอนที่รอนโด ซาฮาคุเอาพยายามปกป้องแอสเทรย์ทั้งสามนั้น รอนโดได้โหลดข้อมูลทั้งหมดของแอสเทรย์เก็บไว้ในเครื่องสีแดงนี่ ซึ่งข้อมูลนี้มีระบบOSที่ทำให้นักบินปกติควบคุมแอสเทรย์สีแดงได้(เหมือนOSที่คิระเอาไปใส่ให้M1)

ผู้ที่เก็บเครื่องสีแดงไปใช้ก็คือ โรว เกวล,พ่อค้าจากจังค์กิลด์(Junk Guild) ซึ่งโรวนั้นได้เพิ่มอาวุธใหม่ นั่นคือดาบคาตะนะ"เยอร์บีร่า เสตรท"(Gerbera Straight) ซึ่งเป็นดาบโลหะธรรมดาๆ ข้อดีก็คือมันไม่ใช้พลังงานนั่นเอง





MBF-P03 กันดั้มแอสเทรย์ สีน้ำเงิน

น้องสุดท้องของตระกูลนี้ ในส่วนของแฮนด์ปลั๊กไม่มีอะไรพิเศษแฮะ

ในตอนที่รอนโด ซาฮาคุเอาพยายามปกป้องแอสเทรย์ทั้งสามนั้น รอนโดได้ติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆไว้กับเครื่องสีน้ำเงินนี่ (คือสีแดงได้ซอฟต์แวร์ ส่วนสีน้ำเงินนี่ได้ฮาร์ดแวร์) ไม่ว่าจะเป็นบูสเตอร์เพิ่มการขับเคลื่อนหรือเซ็นเซอร์เสริม

ผู้ที่เก็บเครื่องสีน้ำเงินไปใช้ก็คือ ไก มุราคุโมะ ซึ่งจริงๆแล้วเป็นหนึ่งในทหารรับจ้าง เซอร์เพนท์ เทลที่มาทำลายหลักฐานเกี่ยวกับโปรเจ็คท์แอสเทรย์ แต่ไกกลับเก็บแอสเทรย์สีน้ำเงินไว้เป็นMSประจำตัวแทน ส่วนอาวุธก็พื้นๆครับ วัลแคน "อิเกลสเตลลุงก์",บีมเซเบอร์และบีมไรเฟิล

ภายหลัง กันดั้มแอสเทรย์ สีน้ำเงินได้รับความเสียหายอย่างหนักในการสู้กับลอง แด็กเกอร์ของอีเลฟเว่น โซเซียส ซึ่งไกก็ได้อัพเกรด กันดั้ม แอสเทรย์ สีน้ำเงินด้วยความช่วยเหลือของโรว เกวล ซึ่งบลูเฟรมร่างสองนี้สามารถติดตั้ง"แท็คติคอล อาร์มส์"(Tactical Arms) ซึ่งเป็นแบ็คแพ็คที่สามารถบินแยกจากแอสเทรย์ได้ TAนั้นติดตั้งปืนแก็ตทริ่ง90มม.เอาไว้และสามารถปรับมาเป็นดาบขนาดยักษ์ได้ด้วย

บริเวณส้นและปลายเท้าของกันดั้มแอสเทรย์ สีน้ำเงินร่างสองยังมีใบมีดซ่อนไว้ด้วย(ยังกะครอสโบน) ทั้งนี้ยังใช้ระบบเกราะสองชั้นซึ่งชั้นที่สองนั้นเป็นเกราะPS ซึ่งจะทำงานเมื่อเกราะชั้นแรกแตกออก อุปกรณ์เสริมอีกชนิดก็คือเกราะฟุลอาร์เมอร์ ซึ่งเป็นเกราะPที่หุ้มกันดั้มแอสเทรย์ไว้ทั้งตัว(Full Phase Shift Armor = FAP) แต่เวลาใช้เกราะนี่จะใช้แท็คติคอล อาร์มส์ไม่ได้



รีไซเคิล



MSN-00100 เฮียกุชิกิ(แบบที่100)

MSสีทองที่โด่งดัง ว่ากันว่ามันเป็นเครื่องต้นแบบของเซต้าที่เอาระบบแปลงร่างออกไปนั่นเอง เฮียกุชิกินั้นสร้างจากชิ้นส่วนของหนึ่งในกันดั้มมาร์คทูว์ทั้งสามตัวนั่นเอง ที่ทาสีทองเป็นเป้าเด่นสง่าก็เพราะมันเป็นสีที่ผิวบีมโค้ตติ้งที่สามารถลดความเสียหายจากอาวุธบีมได้มากที่สุดนั่นเอง(สีนี้ดูดซับความร้อนน้อยมากไงครับ) บวกกับฝีมือของชาร์ทำให้พวกทิทานส์ขวัญเสียทันทีที่เห็นMSสีทองสะท้อนแสงแว้บๆ





MSZ-006 เซต้ากันดั้ม

ผลงานชิ้นเอกของอดีตแชมป์ออกแบบจูเนียร์MS คามิวออกแบบเซต้าไว้เป็นMSในฝันของเขาฮะ แต่อัสโตนาจิมาเห็นว่าเข้ากับโปรเจ็คเซต้าพอดี เลยขอไปดัดแปลงนิดหน่อยแล้วส่งไปทางAE ผลก็คือเหล่าวิศวกรของอนาไฮม์ตกลงสร้างขึ้นมาทันที

เซต้ากันดั้มมีไบโอเซ็นเซอร์ที่เป็นระบบไซคอมมิวขนาดเล็กที่ทำให้นิวไทป์ขับเซต้าได้ง่ายขึ้น และจะยิ่งสำแดงพลังมากขึ้นตามอารมณ์ของนักบิน พอดีว่าคามิวเป็นคนเจ้าอารมณ์ซะด้วย เซต้าก็เลยเป็นหนึ่งในMSที่แข็งแกร่งที่สุดของยุคนั้น เกราะด้านหลังของเซต้า กันดั้มนั้นเป็นพลังก์อาร์เมอร์ซึ่งใช้กันความร้อนในการเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ ทำให้ส่วนนี้ค่อนข้างทนต่อบีมซะด้วย ด้านอาวุธนั้นเซต้า ใช้อุปกรณ์พื้นฐานคือบีมเซเบอร์,บีมไรเฟิลและวัลแคน ดาบของเซต้านี่สามารถใช้เป็นปืนในตอนที่เป็นเวฟไรเดอร์ได้นะครับ นอกจากนี้ยังสามารถเสริมเกรเน็ดลันเชอร์และไฮเปอร์เมก้าลันเชอร์,บีมลันเชอร์อานุภาพสูงซึ่งสามารถใช้เป็นบีมเซเบอร์ขนาดใหญ่ได้ด้วย

จุดอ่อนของเซต้าก็คือค่าใช้จ่ายในการสร้างที่สูงมากครับ เพราะลูกเล่นพี่แกเยอะเหลือเกิน+ระบบแปลงร่างที่ซับซ้อนกว่าMSที่แปลงร่างได้ในยุคเดียวกัน





MSZ-008 ZII

ก็อย่างที่บอกไปน่ะแหละครับ ว่าเซต้านี่ตัวนึงก็ทำเอาฝ่ายการเงินของอนาไฮม์และAEUGเหงื่อตกไปตามๆกัน ก็เลยมีความคิดจะสร้างเซต้าที่ราคาถูกกว่าออกมา เจ้าZIIนี่ก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ โดยเอาลูกเล่นอย่างไบโอเซ็นเซอร์,บีมเซเบอร์ที่ใช้เป็นปืนได้และส่วนเกราะที่ใช้ในการเข้าสู่ชั้นบรรยากาศออกไปแล้วก็ใช้ระบบแปลงร่างง่ายๆของเมธัส โดยพยายามสร้างให้เป็นMSประสิทธิภาพสูงในอวกาศแทน เพราะไม่คิดจะให้ใช้บนโลก เลยมีรูปร่างแปลกๆ ถึงยังงั้นเจ้าZIIก็ถือเป็นผลงานที่ล้มเหลวอีกชิ้นของอนาไฮม์ครับ (คือรูปร่างแบบเมธัสนี่ร่างMSค่อนข้างด้อยประสิทธิภาพ)ความพยายามที่จะสร้างเซต้าราคาถูกก็ยังอยู่ทำให้มีZ พลัสซีรี่และรีกัซซี่ออกมาทีหลัง

ในเมื่อเจ้าZIIนี่เป็นผลงานที่ล้มเหลว ชื่อของมันจึงอ่านว่า ซีทูว์(แซดทูว,เซตทูว์ ชอบอ่านแบบไหนก็เชิญ) ไม่ใช่ เซต้าทูว์ครับ

- Edit by Kuruni(22 ต.ค. 2546-23:17:53)
Anime

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา