MS Story : Gundam Project และ รูปจากAura Phantasm

เอ้าๆ คราวนี้ก็เป็นรีไซเคิลของGPซีรี่ส์ ใครเคยอ่านของเก่าตั้งแต่ครั้งกระนู้นก็มีอัพเดตข้อมูลเล็กๆน้อยๆด้วยนะครับ

Gundam Project

GPซีรี่ส์เกิดจากความพยายามของEFที่จะพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆของMS MSในโครงการนี้ทุกตัวจึงมีประสิทธิภาพสูงพอที่จะใช้ในยุคต่อๆมาได้สบาย แต่เพราะจามิทอฟต้องการขึ้นครองอำนาจในระดับสูง เลยปล่อยข่าวเกี่ยวกับโครงการนี้ไปให้ซีอ้อน เนื่องจากGP02เป็นMSที่ละเมิดสนธิสัญญาที่ทำไว้ตอนOYW หลังเหตุการณ์ใน0083และจามิทอฟได้นำกองกำลังพิเศษ"ทิทานส์"สมใจอยาก EFก็เลยสั่งทำลายข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับGPซะ ทำให้การพัฒนาในช่วงนี้ทั้งหมด"สูญเปล่า"...สำหรับEFเท่านั้น เพราะดีลาซได้มอบข้อมูลสำคัญบางส่วนให้ฮามานไปแล้ว เทคโนโลยีบางอย่างของแอ็กซิสเลยสูงกว่าโลกไงครับ

RX-78GP01 กันดั้ม เซฟีรันเธสและRX-78GP01-Fb กันดั้ม เซฟีรันเธส ฟุลเวอร์เนียน

สร้างมาเป็นคู่หูของGP02 โดยทำหน้าที่คุ้มกันGP02จนกว่าเข้าสู่ตำแหน่งที่เหมาะสมและโหลดหัวรบเสร็จ จากนั้นจะวิ่งมาหลบอยู่หลังโล่ของGP02เพื่อป้องกันแรงระเบิด

แต่จริงๆแล้วงานนี้ใช้MSที่ประสิทธิภาพสูงตัวไหนแทนก็ได้ ตัวGP01เองก็ไม่มีจุดเด่นพิเศษอะไรนอกจากประสิทธิภาพที่สูงกว่ากันดั้มตัวแรกเล็กน้อยแถมยังใช้ในอวกาศไม่ได้อีก ส่วนGP01-Fbเป็นรุ่นปรับปรุงให้ใช้ในอวกาศได้โดยมีอัตราเร่งและความคล่องแคล่วเป็นสองเท่าของร่างแรกเลยทีเดียว ความจริงแล้วนีน่ามีแผนจะติดFbพาร์ตให้ตั้งแต่ที่โทรินตันแล้ว แต่ดันเกิดเหตุวุ่นๆซะก่อนเลยต้องเลื่อนกำหนดการณ์ไป อ้อ!GP01มีคอร์ไฟเตอร์ด้วยนะครับ

ถึงจะบอกว่าGP01เป็นแค่MSที่มีดีแค่ประสิทธิภาพ ไม่มีอะไรเด่น แต่ถ้าจำกันได้ตอนที่GP01ถูกซีม่ายิงด้วยบีมไรเฟิลของเกลกุ๊ก มารีน GP01แม้จะได้รับความเสียหายอย่างหนักแต่ไม่ถึงกับทะลุเหมือนMSทั่วๆไป จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าจริงๆแล้วGP01มีเทคโนโลยีผิวบีมโค้ตติ้งแบบเฮียกุชิกิด้วยครับ

RX-78GP02A กันดั้มไฟซาลิส

MSดาวเด่นของภาคนี้(ในความเห็นของผม) ถูกอนาเวล กาโต้ขโมยไปเพื่อแฉว่าEFทำผิดสนธิสัญญาแอนตาร์กติก้าที่ห้ามอาวุธแบบสังหารหมู่(อย่างนิวเคลียร์หรือการทิ้งโคโลนี) จุดเด่นก็คือเป็นMSที่มีหัวรบนิวเคลียร์เป็นอาวุธ GP02มีเกราะที่หนามาก แล้วยังมีโล่ที่ใหญ่จนปิดร่างกายส่วนใหญ่ของGP02ได้โดยโล่นี้มีระบบหล่อเย็นด้วย(ใครเคยดู0083น่าจะจำตอนที่โคฟาดดาบใส่แล้วกาโต้เอาโล่รับทำให้ไอน้ำพุ่งขโมง) สองอย่างนี้ทำให้GP02รับแรงกระแทกจากนิวเคลียร์ที่ตนยิงไปได้สบายๆ แต่เพราะไม่มีอาวุธระยะไกลเลย จึงเป็นMSที่ใช้ได้ในสถานการณ์เฉพาะเท่านั้น ไม่เหมาะกับการรบทั่วๆไป

อาจมีบางท่านสงสัยว่าMS-06C ซาคุ ทูว์แบบCก็ใช้นิวเคลียร์ได้ ไม่เห็นต้องมีเกราะกับโล่แบบGP02เลย ตรงนี้เป็นเพราะซาคุ ทูว์นั้นยิงจากระยะที่ห่างจากเป้าหมายมาก เนื่องจากในอวกาศนั้นไม่มีอากาศทำให้คลื่นกระแทกจากระเบิดนิวเคลียร์นั้นมีขอบเขตแคบมาก ซาคุ ทูว์Cเลยมีแค่เกราะสำหรับป้องกันรังสีเท่านั้น แต่บาซูก้าของGP02นั้นออกแบบมาสำหรับการยิงในระยะที่ใกล้กว่ามากเพื่อให้เกิดความเสียหายสูงสุด

RX-78GP03S กันดั้ม เดนโดรเบียม สเตเมนและRX-78GP03 กันดั้ม เดนโดรเบียม ออร์จิส

ดูผิวเผินแล้วก็เหมือนMSธรรมดาๆ แต่จริงๆแล้วสเตเมนมีความพิเศษที่ต่างจากชาวบ้านอยู่สามประการ คือ...

1.ค็อกพิตเป็นแบบมองได้รอบตัว เหมือนที่กันดั้มอเล็กซ์ใช้ (แต่ก็สามารถใช้คอร์ไฟเตอร์แทนได้)

2.แขนของสเตเมนมีตัวยึดจับไว้ใช้หยิบอาวุธบาซูก้าหรือบีมไรเฟิลในตอนที่รวมกับออร์จิสแล้ว

3.ไอ้นี่แหละที่สำคัญ สเตเมนสามารถรวมร่างกับยูนิต"ออร์จิส" ซึ่งจะทำให้GP03กลายเป็นMAขนาดใหญ่ตัวนึงเลย(ในสถาพนี้จะกลายเป็นRX-78GP03 กันดั้มเดนโดรเบียม ออร์จิส)มีอาวุธที่รุนแรงอยู่เยอะไม่ว่าจะเป็นระเบิดสายโซ่ขนาดยักษ์,ไมโครมิสไซล์,บีมแคนน่อนขนาดใหญ่ที่ติดไว้บนแขนพิเศษที่เล็งได้แบบอิสระหรือกงเล็บที่ใช้สร้างบีมเซเบอร์ขนาดยักษ์ ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานั้นใช้จมยานแม่ได้ทั้งนั้น โดยไมโครมิสไซล์กับระเบิดสายโซ่นั้นเก็บไว้ในคอนเทนเนอร์พิเศษที่สามารถถอดมาเปลี่ยนได้ในเวลาไม่เกินหนึ่งนาที เแถมยังมีI-ฟิลด์บาเรียร์อีก แต่เนื่องจากขนาดอันใหญ่โตของGP03ทำให้ส่วนปลายประมาณ1/3ของบีมแคนน่อนจะโผล่ออกไปนอกบาเรียร์ครับ

แม้ออร์จิสจะพัง แต่สเตเมนก็เป็นMSตัวเดียวในซีรีส์นี้ที่ไม่ได้พังในสนามรบครับ ภายหลังคอนเซ็ปของออร์จิสได้ถูกพัฒนาขึ้นมาอีก ในพาร์ต"Deep Striker"ของS กันดั้มนั่นเอง

RX-78GP04G กันดั้ม เกอร์เบร่าและAGX-04 เกอร์เบร่า เตตร้า

โน้ตนิดนึงครับ ดอกไม้Gerberaนี่บ้านเราอ่านว่าเยอร์บีร่านะครับ เจ้านี่มีบูสเตอร์เสริมที่ไหล่ทำให้มีความคล่องแคล่วสูงพอๆกับGP01-Fbนั่นแหละ อาวุธก็คือบีมไรเฟิลที่มีระยะยิงไกลกว่าปกติ

เจ้านี่โดนยกเลิกการสร้างเพราะโครงการGPโดนยกเลิกตั้งแต่ยังไม่เสร็จ หนำซ้ำจุดเด่นของมันก็ดันเป็นการย่ำรอยเดิมของGP01-Fbซะอีก แต่ยูนิตที่สร้างไม่เสร็จนี้ก็ถูกดัดแปลงเป็นAGX-04 เกอร์เบร่า เตตร้าไปขายให้เจ๊ซีม่าไป โดยดัดแปลงรูปร่างใหม่ตามสไตล์ซีอ้อนจนจำเกือบไม่ได้ หุ้มเกราะไททาเนี่ยมแทนลูน่า ไททาเนี่ยมแล้วยังใช้ปืนกลบีมแทนด้วย

ปล.ชื่อของกันดั้มทั้งหมดนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับดอกไม้ทั้งหมดนะครับ ส่วนใหญ่เป็นชื่อของดอกไม้ แต่ไฟซาลิสนี่เป็นเกสรดอกไม้(เกสรตัวผู้หรือตัวเมียจำไม่ได้แล้ว) ชื่อเหล่านี้บอกได้ว่าเหล่าสาวๆวิศวกรของอนาไฮม์(และสตาฟของ0083^_^)ยังมีความอ่อนหวานสุนทรีย์อยู่ไม่น้อยเลยล่ะ

รูปแถมครับ MSที่ไม่officalจากDengeki Hobby Magazine "Gundam Secret Weapons"

RX-78GP00

รูปแถมจากAura Phantasm

หลายๆคนอาจจะรู้แล้วว่าเบื้องหลังความสำเร็จ49ตอนจบของดันไบน์นั้น มีความพ่ายแพ้ของศิลปะต่อการตลาดอยู่เบื้องหลัง นั่นก็คือดั้งเดิมนั้นอ.โยชิยูกิ โทมิโน่ไม่ได้แต่งดันไบน์ให้เป็นเรื่องของหุ่นยนต์ครับ แต่ใช้การขี่มอนสเตอร์เข้าฟาดฟันกันแทน(คอนเซ็ปท์นี้ถูกใช้ในผลงาน"Garzey Wing"ในภายหลัง) แต่ทางซันไรส์ยังไม่เชื่อว่าชื่อของโทมิโน่จะขายได้ในอนิเมะที่ไม่มีหุ่นยนต์ แถมการเป็นแนวโรบ็อตยังขายของเล่นได้มากกว่าอีกต่างหาก อ.โทมิโน่เลยต้องแก้บทเพิ่มพวกออร่าแบทเลอร์เข้ามา

แต่แค่นั้นยังไม่พอครับ ความตั้งใจในการขายของเล่นยังทำให้มีการเปลี่ยนดีไซน์ของออร่าแบทเลอร์บางตัว ทั้งยังมีการเพิ่มหรือถอดออร่าแบทเลอร์หลายๆตัวด้วย (ที่ถูกเพิ่มเข้ามาก็คือบิลไบน์นั่นเองครับ เป็นABที่เพิ่มเข้ามาเพื่อที่จะขายABที่แปลงร่างได้)ซึ่งออร่าแบทเลอร์ที่หายไปนี้ ได้ออกมาให้เรายลโฉมในหนังสือแนะนำโมเดลของBคลับที่ชื่อAura Phantasmครับ (ในเกมดันไบน์ของPS1ก็ออกมาบางตัวนะ)

รูปเดิมมีฉากหลังด้วย แต่ผมได้มาแต่แบบไม่มีฉากหลังน่ะ จากhttp://dougram.battletechnology.org/Dunbine/MainPage.htm

(มองในอีกแง่นึง การที่โดนการตลาดเข้ามาแก้งานของแกจนเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้ แต่อ.โทมิโน่ก็ยังทำให้ดันไบน์ออกมาเป็นงานชั้นยอดได้ นับว่าไม่ธรรมดาจริงๆนะ)