[Spoil Story] ตำนานเกมเทพ Odinsphere : บทที่ 1 เกวนโดริน

[size=20]บทที่ 1 นักรบแห่งฟากฟ้า วาลคีรีย์ เกวนโดริน[/size]









ณ ท้องฟ้าของสมรภูมิที่สีแดงฉานด้วยกองซากศพมากมายของฝ่ายแอเซิย(ชาวแรกนานิวัล) และฝ่ายวานีล(เหล่าแฟรี่) หลังจากที่จอมมารโอดีน ได้เคลื่อนพลกองทัพเหล่าวาลคีรีย์เข้ารุกรานอาณาจักร ริงฟอร์ด ของเหล่าแฟรี่เพื่อที่จะยึดครองเครื่องจักรโบราณของวาเลนไทน์ คาลดรอน

ท่ามกลางการสู้รบอย่างหนักของทั้งสองฝ่าย ฐานบัญชาการของเหล่าแฟรี่ เกวนโดรินได้พบกับร่างอันใกล้จะสิ้นชีวาของกรีเซลด้าพี่สาวของตนเอง

[….ท่านพี่]

ร่างที่บอบช้ำได้ยินเสียงของน้องสาวตนก็เริ่มรู้สึกตัว

[….เกวนโดริน ตอนนี้...ข่างเงียบเหลือเกิน เสียงสู้รับห่างไกลออกไปเรื่อยๆ...]

[ดูเหมือนว่าฉันไม่อาจติดตาม องค์ราชาไปยังการต่อสู้ครั้งสุดท้ายได้แล้ว]

[ไม่นะคะ... อย่าเพิ่งยอมแพ้สิคะ]

กรีเซลด้ามอบหอกในมือตนเองให้น้องสาวตน

[เกวนโดริน รับหอกนี้ไปซะ มันไม่จำเป็นกับฉันอีกแล้ว]

[หอกด้ามนี้สังหารเหล่าศัตรูมากมาย ก่อร่างกองซากศพมาเหลือคณา]

[องค์ราชา..... ท่านพ่อ ทรงจะต้องชื่นชมในการต่อสู้ของพี่แน่....]

[แน่นอนค่ะ ท่านพ่อจะต้องทรงปิติแน่นอน]

น้ำตาของเกวนโดรินได้ไหลลงอย่างเงียบงันให้กับการจากไปของพี่สาวตนในอีกไม่นาน

[นี่เจ้ากำลังหลั่งน้ำตาให้กับพี่งั้นหรือ? น้องข้า....จิตใจเจ้าช่างงามยิ่งนัก]

[อา... ช่างมืดเหลือเกิน เกวนโดริน พี่มองไม่เห็นเจ้าแล้ว]

ทันใดนั้นลมหายใจสุดท้ายของกรีเซลด้าก็หมดไป

[โอ...ท่านพี่ไม่จำเป็นต้องรอนานหรอกคะ...แล้วน้องจะตามไปในไม่ช้า.....]



หลังจากที่เกวนโดรินฝังศพให้กรีเซลด้าแล้ว ก็ได้มุ่งหน้าไปยังสมรภูมิที่บัดนี้กำลังมีเงาสีดำไล่ฆ่าฟันทหารเหล่าแอเซีย

[โอ้นักรบเงาช่างแข็งแกร่งจริงๆ ข่าวลือที่ว่าพลังนั่นมาจากดินแดนปรโลกถ้าจะจริง]

[ฉันจะจัดการกับนักรบเงานั่นเอง!!]

[ไม่นะองค์หญิง!!]

หลังการต่อสู้กับนักรบเงา เกวนโดรินไม่อาจต่อกรกับพลังของนักรบเงานั้นได้และได้พลาดท่า ขณะที่กำลงจะถูกเสียบดาบลงไปนั้น นักรบเงาก็หยุดลงและจากไปพร้อมกับคำพูดที่ว่า

[ที่นี่มีคนตายมากพอแล้ว ไปซะ...]

หลังจากที่เกวนโดรินรอดมาได้ก็ได้สั่งให้ทหารของตนถอยทัพโดยทันที



~เนบิวล่าโพลิส เมืองหลวงแห่งอาณาจักรแรคนานิวัล~



[กลับมาแล้วรึ....เกวนโดริน]

[เพค่ะ องค์ราชา ข้าพระองค์มีเรื่องจะแจ้งให้ทราบคะ]

[เรื่องการจู่โจมครั้งแรกพวกเราได้เป็นฝ่ายปราชัย เหล่าศัตรูมีกำลังเสริมมากมายเกินกว่าที่เราจะรับไว้ได้ เราถูกต้อนให้ทำสงครามในสภาพที่เสียเปรียบอย่างมาก]

[มีเหล่าวาลคีรีย์บาดเจ็บล้มตายมากมายนัก....]

[รวมถึง กรีเซลด้า จอมทัพของเราด้วยค่ะ]

[กรีเซลด้าได้ต่อสุ้เพื่อท่านอย่างกล้าหาญจนถึงวาระสุดท้าย และได้ฝากหอกนี้แก่ข้าพระองค์ให้นำมามอบให้แก่ฝ่าบาท]

[ข้ารู้ชะตากรรมของกรีเซลด้าแล้ว]

[เธอช่างเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่และสูงส่งเกินกว่าผู้ใดในเหล่านักรบของข้า]

[หอกเล่มนั้นเป็นศาสตราวิเศษมีนามว่า ไซฟา]

[มันสามารถดูดวิญญาณสิ่งที่มันฆ่าในสนามรบและรวมเป็นพลังในการฟาดฟันศัตรู]

[หอกเล่มนี้ข้าให้เจ้าใช้ได้ตามใจเจ้า]

โอดีนเริ่มจะก้าวเท้าออกจากห้องโถงไป

[เราจะเริ่มทำการจู่โจมใหม่อีกครั้ง คราวนี้ข้าจะไปบัญชาด้วยตนเอง ส่งทหารออกไปเมื่อพร้อม]

[ท่านพ่อ….ท่านมีเรื่องจะพูดถึงกรีเซลด้าเท่านี้เองหรือคะ]

[คำพูดไม่อาจนำพี่สาวเจ้ากลับมาได้]

[และนี่ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาสะเทือนใจ]

โอดีนได้ก้าวออกจากห้องไป เหลือไว้แต่เกวนโดรินที่ยืนอย่างเงียบงัน





หลังจากนั้น....

[ทหารทุกคน จงประจำตำแหน่งเราจะเคลื่อนทัพกันอีกไม่นานนี้]

เหล่าทหารพากันออกไปประจำตำแหน่งเหลือไว้เพียงแค่เกวนโดริน ทันใดนั้นเธอก็ได้เห็นนกสีฟ้าบินอยู่ตรงหน้าตน

[เจ้ากำลังจะเข้าสู่สนามรบเพื่อให้พ่อของเจ้ารักเจ้าอีกครั้งแล้วสินะ]

[ไม่จริง!! ฉันต่อสู้เพื่อประเทศชาติและเกียรติยศของฉัน]

[ถ้าฉันต้องพลีกายในสนามรบ มันก็เป็นสิ่งที่สายเลือดของนักรบจะต้องเผชิญ]

[อย่ามาโกหกฉันเลย]

[เธอปรารถนาความตาย เพราะว่าเธออาจจะได้รับความรักที่เธอโหยหามาตลอด]

[เงียบซะ!!]

[ฉันอาจจะเป็นแค่เงา แต่ฉันก็เป็นความจริงในใจของเธอ]

[อา....ฉันนี่ช่างน่าสมเพชจริงๆ ฉันไม่เคยได้รับความรักจากใครเลยตั้งแต่นับตั้งแต่วันที่เกิดมา]

[การสละชีวิตของเจ้าไม่อาจทำให้การตายนั้นมีค่าเพียงพอหรอก]

[เจ้าก็จะแค่ตายไป เช่นเดียวกับกรีเซลด้า]

[พอทีเถอะ....]

[ถ้าฉันยอมสละทุกสิ่งทุกอย่างให้กับท่านพ่อแล้วล่ะก็ ท่านจะต้องมอบความรักให้กับฉันบ้าง.....]

[แน่นอน....]



ในการต่อสู้ครั้งนี้ ฝ่ายแรกนานิวัลและจอมมารโอดีนได้คอรบครองคาลดรอนในที่สุด.....



ณ คาลครอน ศุนย์กลางของการต่อสู้

[องค์ราชาโอดีน กองทัพศัตรูได้แตกพ่ายแล้วเพคะ]

[สั่งการให้ทหารของบริกัน สังหารศัตรูที่เหลืออยู่ซะ]

[จงแจ้งข่าวชัยชนะของพวกเรา เป่าแตรอวยชัย แล้วให้ทุกคนจัดงานเลี้ยงได้เต็มที่]

ทหารคนนั้นจากไป แล้วโอดีนก็ได้พบกับเครื่องจักรขนาดยักษ์ที่มีแสงแดงฉายมาจากภายใน

[องค์ราชา......]

[ใช่แล้ว.... นี่แหละเครื่องผลิตคริสตัลเวทย์มนต์ คาลดรอน ที่เหล่าแฟรี่ได้ซ่อนเอาไว้]

ทันใดนั้นเครื่องจักรนั้นได้เรืองแสงสีแดง และเริ่มขยับตามเสียงโอดีน

[พวกเจ้าเห็นแสงพวกนี้ไหม? อา....ในที่สุดมันก็เป็นของๆข้า]





ทันใดนั้นก็เกิดแผ่นดินไหว คาลดรอนเกิดเสียงคำรามลั่น และแล้วแสงสีแดงก็หายไป ไม่ขยับเคลื่อนไหว



ระหว่างทางที่เกวนโดรินจะไปหาจอมมารโดดีน ก็ได้พบสาวใส่ชุดสีแดงในมือถืออาวุธที่คล้ายๆไซฟาแต่กลับเป็นโซ่ไว้ในมือ

[เจ้าเป็นใครกัน? มาทำอะไรที่นี่?]

[สงครามที่โง่เขลาเกิดขึ้นอีกแล้ว คาลดรอนช่างเป็นต้นเหตุแห่งภัยพิบัติจริงๆ]

[ฉันจะไม่ยอมให้พวกเจ้าได้ใช้คาลดรอนอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพวกเจ้าหรือเหล่าแฟรี่]

เธอคนนั้นก็จากไป



~ เนบิวล่าโพลิส~



ในห้องท้องพระโรงที่กำลังวุ่นวายเมื่อการรบชนะก็จริงแต่กลับได้ในสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์อันใดแก่ประเทศชาติ

ทันใดนั้นก้มีชายร่างใหญ่ไม่ใส่เสื้อแต่ใส่โล่แทนเสื้อ ถือเหล้า หนวดสีแดงรุงรัง แล้วเดินเข้ามาหาจอมมารโอดีน

[เข้าใจแล้วหรือยังว่าพวกเราต้องสูญเสียมากมายกันขนาดไหน?]

[พวกเราต้องหลั่งเลือดมากมาย แต่กลับได้ของที่ใข้งานไม่ได้]

[นังแม่มดเสื้อสีแดงนั่นจะต้องเป็นตัวการแน่นอน ข้าจะไปจับตัวมากเค้นให้ดู]

[บริเกน นี่เจ้า....]

[องค์ราชา ขอให้ข้าคนนี้ไปตามจับนังแม่มดนั่นเถอะ]

[เพื่อระงับความโกรธของปวงประชาด้วยเลือด]

และแล้วนายพลบริเกน ก็เดินออกจากห้องไป

[เกวนโดริน ข้าฝากที่นี่ไว้กับเจ้าด้วย ข้าจะออกไปก่อนที่เจ้าโง่คนนั้นจะทำอะไรโง่ๆลงไป]

[เดียวก่อนค่ะ องค์ราชา ตามหลักแล้วพระองค์ควรจะอยู่ในปราสาทถึงเป้นการควรนะเพคะ ให้ลูกได้ไปเป้นคนไปตามจับแม่มดคนนั้นเถอะค่ะ]

[ได้สิ......แต่ว่า เจ้าห้ามทำร้ายอะไรนางคนนั้นเด็ดขาด......]

[เพราะว่า...เอ่อ....เธอคนนั้น... เป็นคนพิเศษ]เกวนโดรินที่ได้ยินพ่อตัวเองพูดถึงคนอื่นเป็นคนพิเศษสำหรับตนก็ไม่อาจจะสะเทือนใจได้ จึงก้มหน้าลง

[แล้วข้าจะทำตามคำบัญชาของท่าน องค์ราชา]



- จบ ครึ่งแรก -
Fiction

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา