The Eternity Planet บทที่ 12
Chapter 12: ชายลึกลับเขาคือ....
หลังจากที่ยานใหญ่ของศัตรูได้เปิดออกแล้ว พวกของโทริว ซึ่งได้แก่ โทริว ซึกิโนะ รีอัน และมิซากิ พี่สาวของรีอัน
ได้นำหุ่นประจำตัวของแต่ละคนเพื่อเข้าไปในยานใหญ่ของศัตรู
บนอวกาศระยะทางก่อนถึงยานใหญ่ศัตรู
เมื่อพวกโทริวออกมานอกยาน นั้นสงครามครั้งยิ่งใหญ่ก็เริ่มขึ้นแล้ว โดยกองทัพหุ่นอีฟาน[Efan]ซีรีย์ ของยานลูน่าและหุ่นอีวานีส[Ivanis] รุ่นพิเศษของยานโซล่าห์ซึ่งถูกพัฒนาโดยสหพันธ์ทราเฟีย
------
**หุ่นอีวานิสที่ทางสหพันธ์ผลิตนั้นมีลักษณะเป็นหุ่นยนตร์ที่มีเกราะหุ้มทุกส่วน บริเวณมุมของผิวหุ่นนั้นถูกทำมาให้ลดแรงเสียดทานเวลาลงชั้นบรรยากาศและเวลาที่หุ่นเคลื่อนตัว ทำให้หุ่นมีความคล่องตัวสูง ขนาดโยรวมของหุ่นคือ สูง10.6เมตร น้ำหนักเมื่อไม่ได้ติดอาวุธ 125ตัน เมื่อติดอาวุธครบ 174.20ตัน หุ่นอีวานีสมีความเร็วสูงสุดที่ 350กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในอวกาศ ผสานด้วยเทคโนลียีไซโครเฟลม ที่จะเพิ่มความเร็วให้หุ่นถึง20% จึงนับว่าเป็นหุ่นที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดเลยก็ว่าได้
กองทัพหุ่นอีวานีสและหุ่นอีฟานต้องสู้รบกับทัพของศัตรูจากดาวพฤหัส หุ่นของดาวพฤหัสนั้นมีแขนยาวๆถึง8แขน ไม่มีส่วนลำตัว ดูๆไปก็จะคล้ายๆปลาหมึก อาวุธก็เป็นเลเซอร์ซะส่วนมาก
……………………
สงครามระหว่างสองโลกก็ได้เริ่มขึ้น
“ตูมๆๆๆๆ” เสียงระเบิดดังสนั่นดังขึ้นเมื่อหุ่นของทั้งสองดาวเข้าไปปะทะกัน
มีแสงเลเซอร์ มิซไซล์ ปืนกลพุ่งไปทั่วทิศ กลุ่มของหุ่นอีฟานก็เข้าไปใช้บีมเซเบอร์ฟันศัตรู พวกหุ่นอีวานิสก็ใช้บีมไรเฟิลยิงใส่บ้าง ยิงมิซไซล์ใส่บ้าง เข้าไปกระแทกบ้าง บ้างก็ใช้ปืนกลเบายิงทะลุตัวศัตรูไป แต่หุ่นอีฟานบางตัวก็ถูกศัตรูรุมยิงจนระเบิดไปก็มี
พวกโทริวก็รีบพุ่งทะยานไปที่ยานใหญ่ศัตรูเช่นกัน แต่ก็มักจะมีพวกปลาหมึก?ของดาวพฤหัสมาขวางไว้ตลอด จึงต้องโจมตีไปตลอดระยะทาง
“ฮึ่ย ไอ้พวกลูกกระจ้อกเอ้ย ตายยยยยย” เสียงมิซากิตะโกนพร้อมกับใช้ดาบน้ำแข็งฟาดใส่ศัตรุ
แล้วทันใดนั้นยานของศัตรูก็เริ่มปิดประตู พวกของโทริวจึงเร่งความเร็วเต็มที่
‘ฟู่’ เสียงของบูสเตอร์ที่ใช้เร่งความเร็วแผ่วลงจนโทริวรุ้สึกได้
เมื่อโทริวรีบไปที่ประตุอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไปไม่ทันประตูยานปิดลงซะก่อนแล้ว โทริวจึงต้องหยุดรออยุ่ด้านนอก แต่เมื่อรอไม่ไหวเค้าก็พยายามที่จะทำลายประตูลงด้วยอาวุธทุกชนิดแต่ก็ไม่เป็นผล
จนกระทั่ง........เขาได้ยินเสียงของวาชูร่า(สถิตอยุ่ในหุ่นฟีเรนีส)
‘ท่านโทริว.....ท่านโทริว’ เสียงดังกึกก้องมาในโสตประสาทของโทริว
“ใครน่ะ วาชูร่ารึ” โทริวถามกลับ
‘ใช่แล้วขอรับ’ วาชูร่าตอบคำถามโทริวในทันที
“มีอะไรล่ะ” โทริวเริ่มสนใจ
‘ข้าขอแนะนำให้ท่านใช้อาวุธผสานกับท่านรีอันขอรับ’ วาชูร่าแนะนำโทริว
“ยังไงล่ะ” โทริวซักต่อ
‘ง่ายๆ ขอรับ ที่ปุ่นทางด้านบนจะมีปุ่มสีเขียวๆอยู่ท่านเห็นไหมขอรับ’ วาชูร่าชี้ทางให้โทริว
“เห็น แล้วกดมันใช่มั้ย” โทริวตอบ
‘ขอรับแล้วให้ท่านกับท่านรีอันใช้อัลติเมทบีม เซเบอร์ได้เลยครับ ’ วาชูร่าแนะนำแล้วก็หายไปอีกครั้ง
“รีอันใช้อัลติเมทบีมเซเบอร์เลย” โทริวส่งคลื่นเสียงไปหารีอัน
จากนั้นหุ่นของทั้งสองคนก็เปลี่ยนเป็นสีทอง อร่ามตา แล้วพวกเขาก็พุ่งทะยานออกไปข้างหน้า
หุ่นของพวกเขาก็มายืนที่เดียวกัน นำมือทั้งสองข้างมาจับปลายดาบเอาไว้ แล้วฟาดฟันมันลงที่กำแพง
“ฉัวะ” กำแพงได้ขาดออกเป็นรูปตัวเอ็กซ์
จากนั้นทุกคนก็พุ่งเข้าไปในตัวยานใหญ่ของศัตรู ภายในนั้นเป็นเหมือนกับรากต้นไม้ ที่มีสายไฟพันไปทั่ว
“แว้บๆ” ไฟกระพริบสีแดงปรากฏขึ้น
แล้วหุ่นของศัตรูก็ออกมาขวางทางพวกโทริวเอาไว้ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้หุ่นของพวกเขาะทกสะท้านได้แม้แต่น้อย
ทันทีที่ศัตรูออกมา มิซากิ ก็ยิงบีมน้ำแข็ง[Ice Beem]ที่ปล่อยออกจากส่วนท้องของหุ่นดาร์คฟรีส ใส่ศัตรู 1ตัว แต่มันกลับทำให้พวกทั้งหมดโดนน้ำแข็งแช่ไปด้วย
ทันทีที่พวกเขาไปถึงที่ห้องโถง พวกโทริวก็พบกับประตูเคลื่อนย้ายสสาร หรือที่เรียกว่า ‘วาร์ปพอทัล’
ถึง4จุด ขณะที่พวกเขากำลังชั่งใจว่าจะเข้าไปไม่เข้าไปดี ทางด้านนอกพวกทหารก็กำลังสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อป้องกันยานลูน่าและยานโซล่าห์เอาไว้ ทันทีที่ศัตรูเยอะขึ้น ยานโซล่าห์ก็ยิง เลเซอร์รอบทิศทางเพื่อทำลายศัตรู แต่มันก็ยังออกมาเรื่อยๆ
ด้านในยานศัตรู พวกโทริวก็ตกลงกันว่าจะแยกไปคนละด้าน เมื่อทั้ง4คนเข้าประตูไปเรียบร้อยแล้วก็ถูกวาร์ปมาที่สถานที่แห่งหนึ่ง เป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา เต็มไปด้วยหญ้าสีเขียวขจี ทันใดนั้นก็มีต้นไม้ใหญ่ปรากฏขึ้นมา จากนั้นก็มีเสียงสกุณาขับขาน ด้วยทำนองเพลงที่ไพเราะเสนาะหู
และทันใดนั้นก็ปรากฏร่างของคนๆหนึ่งในชุดผ้าคลุมสีดำ ปิดหน้าและคลุมทั้งตัว ลอยอยุ่เหนือหุ่นของพวกเขา
แล้วคนๆนั้นก็ลงมายืนบนพื้น เขาเอามือจับผ้าคลุมออกแล้วสะบัด
“พรึบ” เสียงผ้าคลุมถูกสะบัดออกจากหน้าเขา...
ใบหน้าของชายคนนั้นเริ่มปรากฏออกมา เขามีผมสีดำยาวลงมาปิดที่ดวงตาข้างขวา ผิวหน้าสีขาวๆ เขาสวมชุดต่อสู้สีดำ ใช่แล้วเขาคือ.....ซิริอุส
To be continued….
Fiction