TWO? Part II Episode1 Act1 : หายนะ..ลางร้าย..วิทยาเขตDead Valley

[font size=2 color=blue]TWO? Part II Magical Faculty of Metropolitan University[/font]




[font size=3 color=purple]Episode 1 Freshy Festival[/font]




[font size=5 color=red]Act 1 หายนะ..ลางร้าย..วิทยาเขตDead Valley[/font]




[font color=blue]คืนข้างขึ้น15ค่ำ เดือนเมษายน คณะเวทมนตร์ศาสตร์ วิทยาเขตเดดวัลเล่ย์ มหาวิทยาลัยเมโทรโพลิแทน[/font]



คืนนั้นอากาศอบอ้าวราวกับไม่ใช่ฤดูใบไม้ผลิ...

และในบรรยากาศอันอบอวลด้วยไอร้อนยังแฝงเร้นความน่าสะพรึงกลัวที่ผู้มีสัมผัสพิเศษ(ซึ่งก็มีทุกคนในวิทยาเขต)สามารถรับรู้ได้อย่างแจ่มชัด แต่เนื่องจากอยู่ในช่วงปิดเทอมปลายจึงแทบไม่มีนักศึกษาหรืออาจารย์หลงเหลือในตึกคณะเลย เว้นแต่ในหอพักนักศึกษาเท่านั้นที่ยังคงมีเหล่าจอมเวทย์ฝึกหัดทั้งหลายในสาขาวิชาต่างๆที่มุ่งมั่นทำวิทยานิพนธ์ให้จบในเร็ววัน ถึงขนาดไม่สนใจไปเที่ยวเตร่เหมือนนักศึกษาปีอื่นๆ



และนักศึกษาเพียงไม่กี่คนที่ยังอยู่ในตึกคณะนั้นทำอะไรกันอยู่เล่า?

จริงอยู่ว่าบางวิชานั้นต้องร่ำเรียนกันในยามราตรี และมีบางวิชาที่ต้องใช้คาบเรียนทั้งภาคทฤษฎีในตอนกลางวันยันภาคปฏิบัติในตอนกลางคืน แต่วิชาที่ต้องทุ่มเทถึงขนาดนั้นย่อมไม่มีใครตกจนต้องมาเรียนซ่อมเป็นแน่ โดยเฉพาะข้อปฏิบัติสำคัญยิ่งข้อหนึ่งในการกำหนดตารางเรียนของคณะเวทมนตร์ศาสตร์ว่า แม้จะมีนักเรียนกี่คนก็ตามต้องเรียนซ่อมในวิชาใดวิชาหนึ่ง ก็จะไม่มีการเปิดเรียนภาคฤดูร้อนเป็นอันขาด และกฎนี้ก็มีมาตั้งแต่ก่อตั้งคณะที่วิทยาเขตในหุบเขากลางทะเลทรายอันเวิ้งว้างนี้มาถึงห้าสิบปีแล้ว



นักศึกษาเพียงสิบสามคนซึ่งยังอยู่ในตึกเรียนนั้นล้วนเป็นนักเรียนสาขาวิชาเอกเนโครแมนเชอร์ ภาควิชาไสยเวทตะวันออก...

วิชาเอกนี้มีบทเรียนค่อนข้างลับเฉพาะเป็นส่วนตัว แม้แต่คนในภาควิชาเดียวกันก็น้อยครั้งนักที่จะมีวิชาต้องเรียนร่วมกัน แต่โดยส่วนใหญ่นอกจากวิชาเฉพาะสาขาแล้ว นักเรียนผู้ฝึกฝนการเป็นเนโครแมนเชอร์มักได้เรียนร่วมกับภาควิชาไสยเวทตะวันตกและภาควิชาจิตวิญญาณมากกว่า เช่นวิชาปรุงยา และวิชาเรียกวิญญาณ เป็นต้น



แต่คืนนี้เป็นคืนพิเศษ...

คืนพระจันทร์เต็มดวงซึ่งพลังมารขึ้นสูงที่สุดในรอบปี...

เหล่านักเรียนเนโครแมนเชอร์ทั้งสิบสามคนซึ่งอยู่ปีเจ็ดอันเป็นรุ่นสุดท้ายของสาขาวิชาที่ไร้ผู้สนใจศึกษาต่อ ยืนล้อมวงกันอย่างมีระเบียบรอบของอย่างหนึ่ง สิ่งนั้นเป็นลูกแก้วทรงกลมส่องประกายสีขาวนวลออกมาตลอดเวลาที่ลอยอยู่เหนือพื้นดินประมาณหนึ่งเมตรโดยไม่มีสิ่งใดค้ำจุน การที่มันสามารถลอยอยู่ได้ด้วยตัวเองไม่ใช่เรื่องแปลกในคณะเวทมนตร์ศาสตร์อันอุดมไปด้วยพ่อมดแม่มดซึ่งสอบผ่านใบประกอบวิชาชีพเวทมนตร์ตั้งแต่จบจากโรงเรียนชั้นสามัญ แต่ความแปลกประหลาดคือสิ่งที่บรรจุอยู่ในลูกแก้วทรงกลมนั้นต่างหาก ถ้านักเรียนภาควิชาจิตวิญญาณมาพบเข้าย่อมต้องตกตะลึงแน่เมื่อเห็นวิญญาณมนุษย์นับพันนับแสนอัดแน่นอยู่ภายใน



ใช่แล้ว…

ลูกแก้วส่องแสงแห่งวิญญาณออกมาและได้รัศมีของวิญญาณภายในตัวมันเป็นพลังขับดันต่อต้านแรงโน้มถ่วงอยู่นั่นเอง แสงสีขาวของดวงวิญญาณบ่งบอกว่าสิ่งที่อยู่ในภายในลูกแก้วนั้นคือวิญญาณอันดีงาม แต่เหตุไฉนวิญญาณที่ดีเหล่านี้ซึ่งควรถูกชักนำสู่สวรรค์ถึงได้ถูกกักขังอยู่ในภาชนะทรงกลมนี้เล่า!



และแล้วหนึ่งในเหล่าเนโครแมนเชอร์ฝึกหัดก็ยกมือขึ้นวางเหนือลูกแก้วนั้น...

สมาชิกคนอื่นๆรีบยกมือวางซ้อนทับกันในทันที จากนั้นทั้งหมดก็พร้อมกันใจกันสวดคาถาพึมพำเบาๆจนไม่อาจจับใจความได้ นอกจากความรู้สึกอึดอัดตามสรรพสำเนียงที่สิบสามคนนั้นเปล่งออกมาเป็นจังหวะสูงต่ำสลับกันเป็นช่วง บางท่อนช่างโหยหวนเหลือร้าย บางบทช่างอ้อยสร้อยน่าเวทนา แต่ไม่ว่าท่อนไหนบทใดก็ล้วนแต่สร้างความอึดอัดราวกับอากาศรอบด้านกดทับร่างอยู่ทั้งนั้น



หลังจากช่วงเวลาอันน่าอึดอัดผ่านพ้นไปเมื่อคาถาปริศนาจบลง กลิ่นไอความตายก็คุกรุ่นขึ้นมา...

กลิ่นน่าคลื่นเหียนสะอิดสะเอียนนั้นชำแรกแทรกไปในอณูของอากาศอันอบอ้าวจนถึงบริเวณหอพักนักศึกษาซึ่งอยู่ห่างไกล ทำให้จอมเวทย์ฝึกหัดหลายๆคนสะดุ้งตื่นจากนิทรา ลางสังหรณ์แห่งหายนะที่คืบคลานมาถึงที่พักทำให้ทุกคนรีบเก็บข้าวของออกจากวิทยาเขตอย่างรีบเร่ง แม้จะเป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่ทุกคนรับทราบดีว่าการเข้าเรียนที่คณะนี้นั้นหมายถึงการนำชีวิตไปจำนองเพื่อได้รับวิชาความรู้ตามที่ทุกคนได้ลงนามยอมรับข้อตกลงทำกรมธรรม์ชั้นหนึ่งในใบรายงานตัว แต่คงไม่มีใครอยากจบชีวิตก่อนจบการศึกษาซึ่งแทบจะเกิดขึ้นทุกปี ราวกับเป็นประเพณีของคณะนี้ไปเสียแล้วเป็นแน่ ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงมีสติพร้อมหนีภัยได้ทุกเวลานั่นเอง



ทางตัวตึกเรียนที่เกิดเหตุนั้น เนโครแมนเชอร์ฝึกหัดทั้งสิบสามกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย...

เหลือทิ้งไว้เพียงลูกแก้วกักขังวิญญาณที่ค่อยๆส่องแสงสีเขียวออกมาแทนสีขาวบริสุทธิ์ บัดนี้วิญญาณทุกดวงในลูกแก้วกลายเป็นสีเขียวไปเสียสิ้น แสงสีมรกตนั้นจัดจ้าขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดลูกแก้วก็ลอยลิ่วขึ้นกระแทกกับเพดานและแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ดวงวิญญาณมากมายจนไม่อาจนับได้นั้นพุ่งลงสู่พื้นดินอย่างพร้อมเพรียงกัน และฟ้าก็ผ่าลงมายังห้องนั้นทั้งที่ท้องฟ้าใสกระจ่าง มองเห็นพระจันทร์วันเพ็ญสีแดงฉานอย่างชัดเจน



[font size=2 color=red]ใช่แล้ว…คืนนี้คือคืนพระจันทร์แดง![/font]



บรรดาจอมเวทย์ในหอพักที่หอบข้าวของทั้งหมดออกมาด้วยคาถาอาคมที่ร่ำเรียนมาตั้งแต่ยังอยู่ในโรงเรียนระดับสามัญต่างยืนดูความพินาศของตึกเรียนเหนือแอ่งทะเลทรายทรงกระทะซึ่งแห้งแล้งจนไร้สิ่งมีชีวิตใดๆ ทำให้ใครๆต่างขนานนามที่แห่งนี้ว่าเดดวัลเล่ย์ และไม่เคยเฉียดกรายใกล้นับแต่เกาะเมโทรโพลิแทนนี้ผุดขึ้นมาจากก้นทะเลในวันสุดท้ายของศตวรรษที่ยี่สิบ



"พวกนั้นทำเรื่องใหญ่ลงไปแล้วสินะ"

ชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีน้ำทะเลเมดิเตอร์เรเนียนรับกับเส้นผมสีน้ำเงินเข้มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงระดับกระซิบเมื่อเห็นความพินาศตรงหน้า ก่อนชักชวนนักเรียนโข่งคนอื่นๆออกเดินทางกลับบ้านใครบ้านมัน ทิ้งความพินาศและกลิ่นไอความตายที่ลอยคละคลุ้งในวิทยาเขตไว้เบื้องหลัง



[font color=green]To be continued...[/font]

[font color=red]Act 2 มติย้ายวิทยาเขตสายฟ้าแลบ![/font]



/me ยังมึนๆ เบลอๆไม่หายที่แฟนฟิคG-SEEDไปโผล่ในAFโดยไม่มีการบอกคนแต่ง ใครหวังดีเอาไปลงให้ฉันเนี่ย=_="
Fiction

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา