นี่แหล่ะ! ชีวิตผม (บทที่ 2 ตอนที่ 2)

บันทึกระหว่างเขียน






หลังจากที่ได้โพสต์ตอนล่าสุด(บทที่ 2 ตอนที่ 1)ไปเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 48 เวลาได้ล่วงเลยไปถึง 2 เดือนพอดิบพอดี(ไวเอามากๆ) ในตอนนี้ก็ได้เวลาเขียนเรื่องราวของตัวเองต่อหลังจากที่มีคนสะกิดให้ผมนึกได้ว่า นอกจากการแจกเพลง, PV แล้วผมก็ยังมีฟิคอีกอย่างด้วยนะ ขอบคุณ BlackDrago แฟนพันธุ์แท้ฟิคของผมด้วยนะครับ

ขอโยงประโยคที่บางท่านได้ตอบเอาไว้เมื่อครั้งล่าสุดก่อนนะครับ(เรียก Quote สินะ)

BlackDrago:

งืมม.....มีสาวในดวงใจตั้งแต่ม.ต้นเลยเหรอเนี่ย ของผมได้เริ่มรู้จักกับคำว่า "ปิ๊งเธอเข้าแล้ว" อะไรประมาณนี้ ก็สมัยอยู่ปวชนู่น (หรือว่าเรามีพัฒนาการช้ากว่าชาวบ้านเค้าก็ไม่รู้) <--- มันบังเอิญมากกว่านะครับ แบบว่าร. เธอเป็นหญิงในสเป็คผมเลยนะครับ(ปัจจุบันเพิ่มอีกสเป็คนึงแล้ว 55) จริงๆ ก็ไม่เรียกว่าช้าหรอกครับผมว่าปกติดีออก(แปลว่าผมไม่ปกติไง อิๆ)

YF-01:

10 ขวด เรียนมัธยมแล้วเหรอครับเนี่ย ม.2นี่ผมก็14แล้วนา <--- นี่ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่แปลกสำหรับผมก็คือ ผมจะเรียนเร็วกว่าชาวบ้านเขา 2 ปีได้และในยุคนั้นจะต้องมีเรียนป.1 เล็กกับป.1 ใหญ่แต่พอรุ่นผมไม่มีป.1 ใหญ่แล้ว(ก็คือมีแต่ป.1 เท่านั้น) ผมก็เลยประหยัดเวลาไปได้ 1 ปี ตอนอยู่ม.1 ผมเลยอายุเพียง 10 ขวดเท่านั้นพอช่วงกำลังสอบปลายภาคของชั้นนั้นๆ ผมก็จะมีอายุเพิ่มขึ้นอีก 1 ปีพอดี(เกิดเดือนมี.ค.ก็เงี้ย) คงหายข้องใจแล้วนะน้อง YF

บรุคลิน นันบุ:

แสดงว่าเขียนไดอารี่บ่อยแน่ๆเยย <--- เคยเขียนครับแต่เมื่อนานมาแล้วนะครับสมัยยังเรียนปวช.-ปวส. ได้น่ะครับ ตอนนั้นจะหาสมุดมาเขียนบันทึกไว้ว่า แต่ละวันมีเหตุการณ์อะไรน่าสนใจเกิดขึ้นบ้าง จดบันทึกมันหมดตั้งแต่เล่นเกมส์ไปกี่บาท เกมส์อะไร เล่นถึงไหน ถ้าจบเกมส์ไหนแล้วก็จะบันทึกสรุปต่างหากว่า ใช้เวลากี่ชม.ถึงจะจบและรายละเอียดอื่นๆ ของเกมส์นั้น แต่ปัจจุบันไม่ได้เขียนแล้วครับคิดว่าไม่จำเป็นเท่าไหร่แล้ว

ตอนที่ 1-2 หาอ่านได้ที่กระทู้ http://www.gamer-gate.net/bbs/view.php?id=15241

ตอนที่ 3 หาอ่านได้ที่กระทู้ http://www.gamer-gate.net/bbs/view.php?id=16187

/me ตั้งแต่บทที่ 1 ตอนที่ 4 เป็นต้นไปได้สูญสลายไปพร้อมปรากฏการณ์ Roll Back เรียบร้อยแล้ว ถ้าใครสนใจตอนที่เหลือให้แจ้งไว้ในกระทู้นี้ แล้วผมจะส่งไปให้ทาง PM นะครับ(อัด html เป็น rar) หรือจะเข้าไปอ่านทีเดียวตั้งแต่ตอนแรกถึงล่าสุดได้ที่ http://www.blackdrago.somee.com/sagahis.txt โดยแฟนพันธุ์แท้ฟิคของผมครับ ขอบคุณมากเลยนะครับ(ปลื้มอย่างออกหน้าออกตา)







********************








ตอนที่ 2: วิชาสุดสนุก กิจกรรมสุดมันส์






ตอนที่เรียนมัธยมต้นนั้นถือว่าเป็นช่วงที่สนุกและน่าจดจำมากๆ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับวิชาที่เรียน กิจกรรมที่ได้ทำ คุณครูที่สอน รวมไปถึงเพื่อนหลากหลายประเภท ผมจะไล่ไปทีละเรื่องให้ได้อ่านกันนะครับ

สมัยนั้นวิชาที่ผมชอบและเรียนได้เกรดสวยๆ ก็จะมีภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ฟ้อนรำ ปิงปอง ภาษาอังกฤษผมชอบมานานแล้วแต่ในยุคผมถือว่ายังได้เรียนไม่เร็วนักเพราะกว่าจะมาจับหนังสือภาษาอังกฤษนี่ก็ปาไปป.5 แล้วแต่ยังจำความรู้สึกแรกได้ดีเลยว่า มันเป็นวิชาที่สนุกและไม่เบื่อเลย หนังสือก็สวย คุณครูก็สอนดีเลยทำให้ชอบและสนใจภาษาอังกฤษตั้งแต่นั้นมา(แต่ปัจจุบันชอบภาษาญี่ปุ่นมากกว่า)

ภาษาไทยถึงแม้ว่าม.1 จะเน้นไปทางวรรณคดีของไทยและพวกกาพย์กลอนก็ตามที แต่ก็มีความน่าสนใจและสนุกอยู่ไม่น้อย ถ้าจำไม่ผิดช่วงนั้นจะเรียนเกี่ยวกับสามก๊กและก็มีวรรณคดีหลายๆ เรื่องแต่ที่จำได้ดีที่สุดก็คงหนีไม่พ้นขุนช้างขุนแผน และ เวตาล(คิดว่าคงไม่ใช่ชื่อเรื่องแต่เป็นตัวละครที่เด่นมากจนผมจำได้เป็นพิเศษ) ช่วงนั้นก็มีละครเรื่อง "เวตาล" ออกมาพอดีผมกับทรงวุฒิก็ติดตามดูและเอามาเล่าสู่กันฟังอย่างสนุกสนานกันไป

ฟ้อนรำก็เป็นอีกวิชาที่ดูแล้วไม่ใช่แนวของผมเลยอย่างที่เคยบอกไว้ในตอนที่แล้ว แต่ถึงเวลาจริงๆ ผมกลับทำได้ดีเกินคาดจนตัวผมก็ยังงงๆ อยู่ อาจจะเพราะผมก็ตั้งใจเต็มที่น่ะครับ จะออกมาหัวหรือก้อยก็ค่อยว่ากันอีกทีหรือจะเป็นเพราะผมมีเสียงเพลงอยู่ในหัวใจก็ไม่ทราบได้ ถึงแม้ว่าเพลงจะเป็นเพลงไทยโบราณที่มีการใช้ศัพท์แสงที่ฟังดูเชยและเหมือนกลอนก็ตามที แต่บางเพลงก็เพราะมากเลย

ปิงปองก็คือวิชาพละศึกษาตอนม.1 แต่เป็นกีฬาแรกที่ผมได้สัมผัสและรู้สึกชอบขึ้นมาเลย ยังจำได้ดีกับคุณครูที่สอนผมซึ่งมีเอกลักษณ์อยู่อย่างนึงก็คือ คุณครูจะแบ่งเป็นคู่ให้ไปประจำโต๊ะต่างๆ แล้วก็ปล่อยให้ตีแข่งกันไปเรื่อยๆ แล้วคุณครูท่านนี้ก็จะเดินดูไปเรื่อยๆ ถ้าคนไหนโชว์ความเหนือโดยการตบ Back Hand หรือ For Hand(เรียกว่าโฟร์แฮนด์ แต่ไม่รู้ว่าเขียนแบบนี้รึเปล่า?) ได้และท่านได้เห็นพอดีหล่ะก็...ทุกคนก็จะได้ยินเสียงนกหวีดเป่าด้วยเสียงที่ดังและคุณครูก็จะเดินไปที่โต๊ะนั้นแล้วจะยกมือคนที่ตบลูกนั้นลงได้และตะโกนว่า "(ชื่อคน) แบ๊คแฮนด์!!!" และทุกคนก็จะปรบมือพร้อมกันทั้งห้อง ซึ่งจะส่งผลต่อเกรดที่จะได้ ใครที่เก่งตบลงแบบเจ๋งๆ บ่อยๆ เกรด 4 จะไปไหนเสีย ผมก็เป็นคนที่รูปร่างและความถนัดไม่ค่อยเหมาะกับการเล่นกีฬานักก็ยังพอมีโชคกับเขาบ้างที่ได้ตบโฟร์แฮนด์ลงไปอยู่ครั้งนึงมั้ง? ส่งผลทำให้ผมได้เกรด 3 ไป ตั้งแต่บัดนั้นจนถึงบัดนี้บางครั้งผมได้เล่นปิงปองผมก็ยังอยากจะแอ็คท่าตบโฟร์แฮนด์อยู่บ่อยๆ ถึงแม้ว่ามันจะดูเก้งก้างแล้วก็ตามที ก็มันเป็นความทรงจำรำลึกที่ดีของผมนี่ครับ

วิชาลูกเสือเป็น 1 ในวิชาที่ผมรู้สึกเบื่อมากๆ เนื่องด้วยใส่แล้วจะร้อนมาก ยิ่งต้องใส่หมวก ผูกผ้าพันคออย่างเต็มยศอีก แต่ลึกๆ ผมก็ชอบชุดนี้นะครับดูเท่ห์ไม่หยอกเลย และอีกชุดนึงที่ผมเห็นแล้วรู้สึกชอบมากก็คือชุดเนตรนารี เหตุนึงที่ผมชอบนอกจากที่สีเขียวที่สดสวยและชุดใกล้เคียงกับลูกเสือแล้วก็คือ ร.ของผมก็เป็นเนตรนารีเช่นกัน(นึกถึงภาพที่ร. ใส่ชุดนี้แล้วยังเขินไม่หาย...ดูน่ารักแบบเท่ห์ไปเลย) ส่งผลให้ชุดยุวกาชาดที่มีสีฟ้าไม่สวยและดูเชยในสายตาผมไปในบัดดล(น่าเห็นใจอยู่เหมือนกัน) พอถึงวันศุกร์ทีไรผมจะไม่ชอบทุกทีเลยที่ช่วงเย็นๆ จะต้องรีบวิ่งลงมาหลังจากเรียนเสร็จแล้วมานั่งประจำที่สนามของโรงเรียน และก็มานั่งฟังคุณครูบ่นๆ อะไรไปเรื่อย(ยังสงสัยอยู่จนปัจจุบันนี้ว่าทำไมวิชาลูกเสือต้องเรียนแต่วันศุกร์ด้วยนะ)



นอกจากวีรโชติที่เป็นเพื่อนซี้ปึ๊กที่นั่งข้างผมในห้องเรียนแล้ว ยังมี "กฤษณะ" หนุ่มน้อยทะลึ่งทะเล้นแต่นิสัยดีอีกคนนึงที่ผมสนิทด้วยถึงแม้จะน้อยกว่าวีที่แสนดีของผมก็ตาม เขาก็เป็นอีกคนนึงที่ชอบสาวในห้องเดียวกันแต่เขาจะมีวิธีจีบแบบทีเล่นทีจริงของเขาไป ตอนนั้นผมจะนิสัยเรียบร้อยพวกเรื่องทะลึ่งเนี่ย ใครมาคุยให้ผมได้ยินแล้วจะรู้สึกไม่ค่อยชอบเอาเลยแบบว่าเหมือนคนพูดหยาบคายเลยก็ว่าได้ มีอยู่เหตุการณ์นึงที่ผมยังจำได้ดีถึงปัจจุบันนี้และมีกฤษณะคนนี้มาเกี่ยวพันด้วยก็คือ "กระเป๋าตังค์"

มีวันนึงผมนั่งรถสองแถววัดดอกไม้ไปโรงเรียนตามปกติ เมื่อถึงป้ายฝั่งตรงข้ามโรงเรียนผมก็กดกริ่งลงเหมือนที่เคยทำทุกวันแต่พอลงและรถก็กำลังจะแล่นออกไปนั้นเอง ก็มีผู้หญิงคนนึงตะโกนร้องมาว่า "หนู! ลืมกระเป๋าตังค์น่ะ" แล้วก็โยนกระเป๋านั้นมาตกตรงพื้นหน้าผมพอดี ผมก็ทำหน้าเอ๋อไปพักนึงก็หยิบขึ้นมาพร้อมนึกในใจว่า "เรามีกระเป๋าตังค์ใช้ตั้งแต่เมื่อไหร่หว่า?" ต้องบอกก่อนครับว่าตอนเรียนม.ต้นผมยังพกเงินไปโรงเรียนครับ ไม่กล้าใช้กระเป๋าตังค์แต่อย่างใด พอหยิบออกมาดูก็ต้องตกใจอย่างแรงเมื่อในนั้นมีเงินอยู่หลายร้อยเลย(ผมจำไม่ได้แล้วว่าเท่าไหร่แต่ดูเหมือนจะ 200 กว่าบาทได้) แต่สิ่งที่ผมยังแปลกใจตัวเองอยู่ก็คือแทนที่ผมจะเอาเรื่องเก็บกระเป๋าตังค์ได้ไปเล่าให้วีฟัง แต่ผมกลับไปเล่าให้กฤษณะฟังแทน อาจจะเพราะวันนั้นผมเจอเขาก่อนหรือว่าวีหยุดผมก็จำไม่ได้แล้ว พอกฤษณะรู้เรื่องแล้วก็แสดงอาการหัวหมอขึ้นมาทันทีโดยการรับฟังเรื่องราวทั้งหมดพร้อมทั้งบอกว่าจะไม่บอกเรื่องนี้ให้ใครรู้แต่ขอแบ่งเงินซักครึ่งนึงจากที่ผมได้ ไอ้ผมก็ซื่อพ่วงบื้อไปด้วยก็เลยเออออห่อหมกตกปากรับคำพร้อมทั้งให้เงินมันไป 100 บาท มันก็ทำหน้าดีใจสุดแสนยิ่งกว่าเที่ยวแดนเนรมิตอีก ผมก็งงต่อหลังจากที่ให้มันไปว่าทำไมเราต้องให้มันด้วยหว่า? เสียดายเงินชะมัดเลยแฮะ(หรือว่ามันเล่นอาคมมนต์ดำ?) เนื่องด้วยว่าเป็นเงินร้อนและไม่รู้ว่าเป็นของใคร พอกลับมาบ้านผมก็รีบใช้เงินนั้นอย่างไวด้วยการไปซื้อขนมที่ปกติไม่มีปัญหาซื้อกินมากินซะให้หายอยาก รู้สึกว่าจะใช้เกือบหมดไปในครั้งเดียวเลย เท่าที่จำได้ก็มี "กูลิโกะ แอลมอนด์", "กูลิโกะ ทูโทน" ที่ปัจจุบันก็ยังขายอยู่นี่แหล่ะครับ(ทำไมรู้สึกว่าสมัยนั้นมันแพงจังหว่า?) อ้อ...ผมก็เอาเงินบางส่วนไปเล่นเกมส์ให้หายอยากไปเลยด้วย

- Edit by ปู่ก้า de ViVa(04 พ.ค. 2548-15:49:34)
Fiction

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา