นี่แหล่ะ! ชีวิตผม (บทแรก ตอนที่ 3)

บันทึกระหว่างเขียน




พูดได้คำเดียวครับว่า "ซึ้งใจมากๆ ครับ" ขอบคุณจริงๆ ครับสำหรับคนที่อ่านและเข้ามาตอบพร้อมให้กำลังใจผม ทำให้ผมมีแรงและกำลังใจที่จะเขียนต่อไปได้ครับ ยอมรับอยู่ว่าพอพิมพ์จบตอนที่ 2 แล้วก็รู้สึกหมดไฟมาเอาดื้อๆ ซะงั้นจนล่วงเลยเวลามาเกือบ 2 เดือน(นึกว่าจะต้องดองเค็มเหมือนคอมิคหลายๆ เรื่องซะแล้ว) ยังไงก็ต้องขอโทษคนที่รออ่านด้วยนะครับถึงแม้ว่าจะมีจำนวนไม่มากก็ตามที

คุณ Louis ที่ไม่ค่อยโผล่มาให้เห็นก็ยังมาโพสต์ในกระทู้ผม ซาบซึ้งมากทีเดียวครับ ส่วนที่บอกว่าอยากเขียนมั่งก็ลองเขียนดูสิครับ ทำเหมือนผมก็ได้เพราะวัตถุดิบก็คือเรื่องในอดีตของตัวเราเอง ไม่ยากครับเพราะมันคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงเพียงแต่ใช้คำให้น่าสนใจหน่อยก็แค่นั้นเอง แรกๆ อาจจะไม่ดีแต่เขียนไปเขียนมาก็น่าจะดีเองครับ(พูดถึงตัวเองด้วย)

ความตั้งใจแรกกะว่าจะโพสต์กระทู้เดิมจะได้ไม่เปลืองกระทู้ แต่ทว่าผมเกิดอาการอู้งานเพราะเวลาส่วนตัวน้อยมากขึ้นมาเลยทำให้กระทู้เดิมเริ่มจะบูดซะแล้วเลยขออนุญาตตั้งกระทู้ใหม่นะครับ ต่อไปนี้จะพยายามเขียนให้ได้สัปดาห์ละหนึ่งตอน(หรืออย่างน้อยก็สองสัปดาห์ตอนนึงหล่ะ) ช่วยเป็นกำลังใจให้ผมด้วยการโพสต์แสดงความคิดเห็นจะขอบคุณมากๆ เลยครับ

/me ตอนที่ 1-2 ย้อนไปอ่านได้ที่กระทู้นี้นะครับ http://www.gamer-gate.net/bbs/view.php?id=15241







********************








ตอนที่ 3: มิตรสหายรุ่นปฐมฤกษ์




พูดถึงบ้านเดิมซึ่งมักจะติดปากว่าบ้านเก่ามากกว่า(แต่หลังๆ ผมมักจะไม่เรียกเพราะมันฟังแล้วไม่เป็นสิริมงคลยังไงก็ไม่รู้) สิ่งนึงที่ผมจะลืมไม่ได้เลยก็คือ เพื่อนฝูงในซอยที่ผมเล่นด้วยเสมอ กิจวัตรประจำวันหลังจากที่เรียนเสร็จ(อยู่ในช่วงประถมต้นได้) ก็ต้องรีบเปลี่ยนเป็นเสื้ออยู่บ้านตัวเก่งซึ่งหนีไม่พ้นเสื้อกล้ามสีขาวกับขาสั้น ซอยที่ผมพูดถึงนี้ลักษณะเหมือนตัว Y กลับตัว(อ่านว่า เทิร์นวาย สินะ) คือซอยสามารถเข้าทางนึงแล้วไปทะลุออกอีกทางนึงได้ สุดทางตัว Y ก็จะเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งก็มีประวัติศาสตร์สำคัญกับผมอีกเหมือนกันซึ่งจะเล่าให้ฟังต่อไปในภายหลัง บ้านผมซึ่งอยู่ถนนใหญ่ก็จะอยู่ช่วงต้นของทั้ง 2 ซอยนี้

เพื่อนในซอยนี้ก็มีหลายคน หลายระดับความสนิท ไล่ตั้งแต่สนิทมากและเล่นกันบ่อยที่สุดก็มี "เดช", "เปี๊ยก", "กี้", "หนุ่ย" 4 หน่อสุดซี้ที่เล่นกับผมบ่อยมากที่สุดแต่อายุห่างจากผมเยอะทีเดียวจนบางครั้งผมถูกเรียกว่าเป็นหัวหน้าแก๊งค์(ตอนนั้นไม่ชอบใจเอาเลยถ้าผู้ใหญ่คนไหนเรียกแบบนี้) สนิทน้อยลงอีกนิดก็มี "เอก", "หนึ่ง" ที่อายุอานามไล่เลี่ยกับผมซึ่ง 2 คนนี้ถือว่ามีบทบาทสำคัญกับผมมากทีเดียว การเล่นของพวกผมก็มีหลายอย่างครับตั้งแต่

* "กระโดดเชือก" ที่มักจะมีพี่สาวของเดชและเปี๊ยกเป็นหัวหอกรวมไปถึงเป็นคนที่เก่งที่สุดร่วมด้วยเสมอ ผมชอบที่จะเล่นเหมือนกันเหตุเพราะอยากจะตีลังกาในระดับ "อีสุด"(เอาหนังยางอยู่นิ้วชี้แล้วยืดแขนจนสุด)

* "จานบิน" ที่ผมชอบเอามากๆ เลยเพราะจะได้ใช้ลีลาแบบนีโอในเดอะ แมทริกซ์ได้เต็มที่

* "โบราณเรียกชื่อ" ที่โยนลูกปิงปองหรือไม่ก็ลูกเทนนิสขึ้นไปบนฟ้าแล้วเรียกชื่อใครก็ได้คนนึง ถ้าคนที่ถูกเรียกรับไม่ทันหลังจากลูกกระเด้งถึงพื้นเกิน 3 ครั้งก็จะถูกอัดขา วิธีการลงโทษก็คือไปยืนขาชิดติดกำแพงแล้วก็จะมีกฏคือ "รอด 5 คา 10 กระดุกกระดิก 1,500" ความหมายก็คือคนที่ยืนจะต้องโดนอัดบริเวณช่วงต่ำกว่าน่องหลังขาด้านหลังจนครบทุกคนที่เล่น ถ้ารอดหว่างขาจะโดนเป็นคนละ 5 ครั้ง ถ้าคาหว่างขาก็จะโดนคนละ 10 ส่วนอย่างหลังเหมือนเป็นการขู่ไปงั้น

* "มะรูน" คือการแบ่งเป็น 2 ฝั่ง มีฝั่งจับที่คอยจับสมาชิกของฝั่งหนีให้ได้โดยมีการแบ่งเส้นเอาไว้ เกมนี้ต้องเล่นประมาณ 6 หรือ 8 คน ถ้าฝ่ายหนีโดนฝ่ายจับแตะตัวได้ก็ผลัดกันเป็นอีกฝ่ายแทน เกมดูไม่มีอะไรมากแต่จะดูวุ่นวายแทน

* "ทอยเส้น" จะมี 2 แบบ มีแบบพื้นฐานคือทอยตุ๊กตาให้คาบเส้น(อ้อ! ในซอยจะมีการราดยางมะตอยแบ่งเป็นบล็อคๆ ตลอดน่ะครับ ซึ่งเหมาะกับการเล่นหลายๆ อย่างของพวกผมสมัยก่อนมากๆ เลย) ถ้าอีกแบบก็จะมีการใช้ถ่านเขียนเป็นช่องๆ ทำเป็นหลังคาบ้านแล้วเขียนเลข 1-10 เอาไว้ระหว่างช่องแล้วใช้ตุ๊กตาโยนไปทีละช่อง เราจะต้องกระโดดไปทีละช่องด้วยขาข้างเดียวแล้วก้มหยิบตุ๊กตาไว้บนเท้าแล้วกระโดดไปจนสุดเลข 10 ระหว่างเลข 5 กับเลข 6 จะมีให้ช่องให้พักด้วย เป็นอีกเกมที่เล่นยากทีเดียว

* "ซ่อนหา" คือเกมที่หลายๆ คนรู้จักกันดี ผมยังจำได้ดีกับเหตุการณ์นึงที่ถือว่าแปลกมากทีเดียว มีครั้งนึงที่เล่นซ่อนหากันส่วนใหญ่เล่นกันก็หัวค่ำน่ะครับซักช่วงทุ่มถึง 2 ทุ่มซะเป็นส่วนใหญ่ ตอนนั้นคนที่เป็นคนหาก็หาได้ครบทุกคนแล้วแต่จะขาดอยู่คนนึงซึ่งหายังไงก็หาไม่เจอซะที จนต้องช่วยกันตะโกนเรียกชื่อหากันจนทั่วซอยก็ยังไม่เจอเลย เชื่อไหมครับว่าพอวันรุ่งขึ้นพวกเราทุกคนรุมกันถามว่าหายไปไหนมา? เขา(จำชื่อไม่ได้แล้วเพราะไม่ค่อยสนิท)ก็บอกแบบเหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นว่า "ก็ไปแอบอยู่ที่หลังศาลเจ้าพ่อหน้าดำไง ก็รอตั้งนานไม่เห็นมีใครมาโป้งซะที" ศาลเจ้าพ่อหน้าดำนี้คือศาลที่อยู่ช่วงท้ายๆ ซอยก่อนจะถึงแม่น้ำเจ้าพระยาน่ะครับ เป็นศาลเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่เคารพเป็นอย่างมากของผู้คนใน 2 ซอยนี้และซอยระแวกนั้น ซึ่งกติกาที่ตั้งกันตอนนั้นเนี่ยห้ามไปแอบบริเวณศาลฯ เป็นต้นไปแต่เพื่อนผมคนนี้แหกกฏน่ะครับ ก็ยังงงๆ จนถึงปัจจุบันนี้เลยว่าทำไมผมกับเพื่อนๆ ไปหาแล้วก็ไม่เจอ!?

เพื่อนในกลุ่มนี้จะมีที่อายุน้อยกว่าซึ่งผมจะสนิทมากเป็นพิเศษ(เล่นด้วยกันบ่อยจนถูกมองว่าเป็นหัวหน้าแก๊งค์ไปซะได้) กับคนที่อายุใกล้เคียงหรือมากกว่าเล็กน้อย "หนึ่ง" คือเพื่อนคนแรกที่ผมยกย่องเขา ที่ยกย่องนั้นเพราะว่าเขามีความพิเศษอยู่ในตัวของเขาที่จนปัจจุบันผมก็อาจจะยังไม่ถึงครึ่งนึงของเขาเลยก็ว่าได้ เขามีความเป็นผู้ใหญ่ พูดจาไพเราะดูน่านับถือ เพื่อนฝูงรักใคร่ เรียนเก่งมากๆ(เรียนวัดสุทธิวราราม ซึ่งผมมิอาจเอื้อมถึงเพราะรู้ตัวเองดีเลยต้องไปเข้ายานนาเวศวิทยาคมแทน) บ้านฐานะดี ไม่เย่อหยิ่งยโส และอื่นๆ ไม่รู้สิครับจนปัจจุบันถึงแม้ว่าหลังจากที่ผมย้ายบ้านก็มีเคยเจอโดยบังเอิญกันครั้งสองครั้งก็ตามที แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าเขาเป็นเพื่อนที่ผมเคารพมากๆ คนนึง(รู้สึกว่าเขาจะอายุมากกว่าผมประมาณ 2 ปีได้) ส่วนเอกก็เพื่อนซี้เหมือนกันแต่ค่อนข้างจะสนิทกับหนึ่งมากกว่าอาจจะเพราะบุคลิกหรือความชอบคล้ายๆ กันก็เป็นได้ พูดถึงเพื่อนสองคนนี้แล้วคิดถึงมากเลยไม่รู้ป่านนี้จะสุขสบายหรือรุ่งเรืองไปถึงไหนแล้ว ถ้าบังเอิญได้เข้ามาเห็นใน GG นี้ก็ช่วยแสดงตนด้วยนะครับ อยากคุยด้วยจังเลย...
Fiction

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา