อลวนรักอลหม่านฉบับG-SEED ตอนที่8 9 และ 10

สืบเนื่องจากบอร์ดล่มถ้าใครอยากได้ตอนเก่าบอกด้วยละกันนะจ๊ะ จะได้มาโพสต์ใหม่

ตอนที่ 8



หลังจากวิ่งมาจนเหน็ดเหนื่อย องครักษ์หนุ่มนามชิน อาสึกะก็ทิ้งตัวลงหอบแฮ่ก เกิดมาก็เพิ่งเคย



วิ่งหนีเกย์เถื่อนก็งานนี้ล่ะ ไม่สิ ไอ้หมอนั่นมันเห็นหัวหน้าเขาเป็นผู้หญิง งั้นมันก็เป็นไป....เวร



งานนี้ท่าจะฝันร้ายไปหลายวัน ขณะที่กำลังพักเหนื่อยอยู่นั้น เจ้าตัวก็หันไปเห็นกลุ่มสาวน้อยสาว



ใหญ่มาชุมนุมกันกลางลานกว้าง นาฬิกาบอกเวลาเริ่มการเฉลิมฉลอง นี่ถึงเวลาแล้ว...



“ ไปกันเถอะ ข้าชักอยากเห็นหน้าพระราชาขึ้นมาบ้างแล้ว” เจ้าชินชวน อย่างคนไม่รู้จัก



กาลเทศะเอาเสียเลย หารู้ไม่ว่าตอนนี้คู่สนทนากำลังอาฆาต เจ้าหญิงอัสรันกำลังจ้องมองอีก



ฝ่ายอย่างโมโหเต็มที ทำไมมันถึงสบายอยู่คนเดียว แต่งหญิงก็ไม่ต้องแต่ง ภาระปีระเทศชาติก็



ไม่ต้องรับ ทีเขาล่ะ งานนี้มันเอาตัวเข้าเสี่ยงชัดๆ แบบนี้...ถ้าเขาซวย มันก็ต้องซวยด้วย ในฐานะ



ที่เป็นลูกน้องคนสนิท เขาว่ามิตรแท้ต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกันใช่ไหม



............... ที่เขาเรียกว่าคนดวงถึงฆาต.....คงเป็นแบบนี้ล่ะ



“ ไปน่ะไปแน่.....” เจ้าหญิงคนสวยตอบ แต่รอยยิ้มที่แสยะออกมานั้น น่าผวาซะไม่มี



“ ยอดเลย!” ว่าแล้วองครักษ์หนุ่มก็ทำทีจะวิ่งไปสมทบกับกลุ่มราชนิกูล ทว่า...



“ ท่านหญิงมิลิอาเลียไม่อยู่.......ดูเหมือนว่าที่พระราชินีแห่ง ORB จะยังไม่มีนางสนองพระ



โอษฐ์เลยนะ ชิน”



...........................................



ตอนนี้งานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นแล้ว เหล่าหญิงสาวราชนิกูล และผู้มั่งมีต่างพากันเข้าสู่เขตพระราช



ฐาน ประตูบานใหญ่สลักเสลาลายดอกไม่นานาพันธุ์ แต่งแต้มสีงามงด ลือกันว่าพระราชาถึง



กับสั่งเปลี่ยนบานประตูทั้งวังเพื่องานนี้โดยเฉพาะ สวนหย่อมประดับประดาด้วยโคมไฟดวง



เล็กดวงน้อย ออกแบบให้ดูแปลกตาชวนชม ผีเสื้อราตรีและหิ่งห้อยฉายแสงโอ้อวด ไม่แพ้



เหล่าสตรีต่างเมืองที่พากันมาอวดโฉมประชันตน เพื่อหมายชิงความสนใจของ กษัตริราชแห่ง



PLANT ในคํ่าคืนนี้



“ แม่เจ้าโว๊ย! ไม่เห็นสาวงามแบบนี้มานานแล้วนา” ดูรัลดาลรำพึงรำพันขณะเฝ้ามองสตรี



กิตติมศักดิ์ที่กำลังยืนสนทนาอย่างสนุกสนานในสวนหย่อม อีกประเดี๋ยวงานเต้นรำก็จะเริ่มขึ้น



แล้ว นี่จะเต้นกับใครดีล่ะเนี่ย เจ้าตัวเพ้ออยู่คนเดียว แทบจะลืมความมีอยู่ของเหล่าคู่สนทนาไป



สิ้น



“ พระราชาพะย่ะค่ะ พระราชา” เสียงตาแก่เกือบเป็นตะโกน เมื่อเห็นว่าตอนนี้กษัตริย์แห่ง



PLANT วิญญาณหลุดออกจากร่างไปเรียบร้อยแล้ว



“ โทษที ข้ากำลังเพลิดเพลินน่ะ อาหารตาทั้งนั้น คนชราน่ะคงไม่ค่อยเข้าใจนักหรอกมั้ง” พระ



ราชาตรัส ขณะผิน พระพักตร์จ้องชายแก่คู่สนทนา ที่นั่งอยู่ถัดไปคือไอ้หนุ่มหน้าตาบอกบุญไม่



รับ ท่าทางกรุ้มกริ่ม หัวม่วงน่าเกลียด นี่ถ้าพวกมันไม่บอกว่ามีราชกิจสำคัญกับความเป็นตายของ



ราชบัลลังก์ล่ะก็ ยังไงก็ไม่มีทางเสียเวลามานั่งคุยกับเจ้าพวกนี้แน่ โธ่เว๊ย! แล้วนี่.....จะไปหา



เด็กๆพวกนั้นยังไงดีหว่า..... ชวดทั้งขึ้นทั้งล่อง ทั้งเด็กหนุ่ม หญิงสาว ถูกสเป๊คซะไม่มี เฮ้อ!



“ ถ้ายังไงขอเวลาข้ากราบทูลฝ่าบาทก่อนได้หรือไม่” ชายหนุ่มผมทองที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามไอ้



หัวม่วง พูดขึ้นบ้าง ดวงตาใสที่แฝงแววพยาบาทเสียจนมืดมนนั่น เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้พระรา



ชาดูรัลดาลยังคงตัดสินพระทัยนั่งสนทนาอยู่ในห้องนี้ได้ ตัวข่าวว่าน่าสนใจแล้ว คนนำข่าว...



ท่าทางน่าสนใจยิ่งกว่า



“ ว่ามาสิ อ้อ ไฮเน่ วานรินนํ้าชาให้ท่านอัศวินด้วยนะ” ตรัสแล้ว ราชองครักษ์ส่วนพระองค์



ที่ยืนอยู่ข้างกาย ก็ยกจอกชารินใส่ให้อัศวินหนุ่มแห่งเฮลิโอโปลิศ ไซยิ้มรับ แต่แน่นอน....เขา



ไม่มีวันดื่มมันแน่! เจ้าราชางี่เง่า คิดว่าคนต่างบ้านต่างเมืองจะไม่รู้กิติศักดิ์มันรึไง มีก็แต่คนบ้า



กับโง่เท่านั้นล่ะจะจะกินอะไรของมัน



“ น่าเสียดายน่า ชาชั้นดีนี่” ชายหนุ่มผมม่วงนามยูน่า ผู้อ้างตัวเป็นทายาทขุนนางคนสำคัญ



แห่ง ORB อดเสียดายไม่ได้เมื่อเห็นว่าชาที่ไฮเน่รินให้อัศวินหนุ่มนั้นต่างจากชาของพวกตนโดย



สิ้นเชิง ชาสีชมพู ใส เป็นประกาย ซั้ายังส่งกลิ่นหอมหวาน ชาชั้นเลิศ....



“ ว่าแต่เรื่องที่ท่านพูดเป็นความจริงสินะท่านอัศวิน” กษัริย์ดูรัลดาลซักถามต่อในเรื่องที่สมควร



จะพูดให้จบๆไปซะเพราะดูท่างานนี้ไม่แคล้วชวดหมดแน่ อัศวินหนุ่มแห่งเฮลิโอโปลิศฉลาดเกิน



คาดแฮะ



“ พะย่ะค่ะ ที่กระหม่อมกล่าวทั้งหมดเป็นความจริง เจ้าหญิงทรงพอพระทัยอย่างยิ่งในงาน



สังสรรค์ค์ครั้งนี้ และโปรดที่จะเข้าพบพระองค์เป็นการส่วนพระองค์ ทรงเกรงว่าพระองค์จะ



ไม่ใส่พระทัยน่ะพะย่ะค่ะ อย่างว่า....” ไซหลุบตาตํ่า แต่ยังพูดเสียงหนักแน่นต่อ ในใจยิ้มพราย



อย่างสุขสม “ สตรีงามมีเยอะนัก และนี่เพื่อเป็นการร้องขอความกรุณาจากพระองค์ เจ้าหญิง



คิระ แห่งเฮลิโอโปลิศ โปรดให้กระหม่อมนำพระบรมฉายาลักษณ์มาถวายฝ่าบาทพะย่ะค่ะ” ว่า



พลางอัศวินหนุ่มก็หยิบรูปของสตรีนางหนึ่งวางลงบนฝ่าพระหัตถ์ขององค์กษัตริย์



แรกทีพระราชาเอาแต่จ้องใบหน้าอัศวินหนุ่มจนถึงกับลืมว่ารับรูปนางงามมารึยัง



แต่เมื่ออีกฝ่ายดูเหมือนจะรู้เท่าทันว่าพระองค์เจตนาคิดไม่ซื่อ จึงรีบชักมือออกทันที ยังความ



เสียดายแก่พระราชายิ่งนัก แต่ทว่า.....เมื่อทรงผินพักตร์มองรูปสตรีในภาพนั้นก็บังเกิดความรู้สึก



ที่บอกไม่ถูกขึ้นทันที เจ้าหล่อนมีเส้นผมสีน้ำตาล แม้จะตัดสั้นแต่ก็ดูท่าจะนุ่มมือไม่หยอก



ดวงตากลมโตสีม่วงท้าทายอย่างบอกไม่ถูก รูปร่างเจ้าหล่อนเรียวระหง ท่าทางหน่วยก้านดูก็รู้



ว่าเป็นเจ้าหญิงคล่องแคล่วก๋ากั่นอยู่



“ เจ้าหญิงโปรดการฟันดาบ และการชี่ม้าพะย่ะค่ะ นั่นเป็นรูปขณะทรงประทับบนหลังอาชา



นามของมันคือเจ้า Freedom พะย่ะค่ะ” อัศวินหนุ่มแจกแจงอย่างละเอียด ไม่ต้องสงสัยเลย



ว่าพระราชาติดบ่วงของเขาเข้าแล้ว ก็แค่รูปเจ้าคิระตอนไปขี่ม้าไปเพื่อนเจ้าหญิงเท่านั้น ไม่คิด



ว่าจะเอามาใช้ประโยชน์ไตอนนี้ ไม่เสียทีเลยจริงๆ ไซลอบยิ้ม แน่นอนว่าแผนการของเขายังไม่



จบเพียงแค่นี้



“ เจ้าหญิงหลงใหลพระปรีชาสามารถทางการรบของพระองค์มาก พะย่ะค่ะ” ไซว่าต่อ



“ จริงรึเนี่ย สาวงามขนาดนี้มาหลง ข้าเนี่ยยังไงก็ยอดเยี่ยมอยู่ดี” ดูรัลดาลหัวเราะกรุ้มกริ้มตา



วาววับเป็นมันจับจ้องภาพไม่วางตา “ ว่าแต่นางจะอายเวลาข้าไปพบรึเปล่านี่”



“ ไม่หรอกฝ่าบาท เจ้าหญิงน่ะอาจจะตกพระทัยหรือพูดจาเพ่อเจ้อไปบ้าง แต่ทรงวางพระทัย



เถอะ นั่นเป็นวิสัยของสตรีน่ะฝ่าบาท ใครๆเขาก็รู้กันทั่วเฮลิโอโปลิศว่าพระราชธิดาคิระตกหลุม



รักฝ่าบาทตั้งแต่ได้ยินเพียงพระนาม ถ้าสตรีไหนปฏิเสธพระองค์ ก้ขอทรงเชื่อได้เลยว่านั่น..ไม่



ใช่เจ้าหญิงตัวจริง ”



ความพยาบาทของชายหนุ่มน่ากลัวยิ่งนัก



ขณะที่ไซดำเนินแผนการของตน สองพ่อลูกจาก ORB เองก็ดูเหมือนจะมีลับลม



คมในเช่นกัน ในที่สุดอำมาตย์อูนาโต แห่ง ORB ก็ตัดสินใจพูดขึ้นบ้าง



“ เห็นท่านอัศวินพูดแบบนี้ ทางหม่อมฉันชักอยากจะแนะนำฝ่าบาทให้รู้จักสมเด็จพระราชินีของ



เราบ้างเสียแล้ว รับรองว่าต้องทรงพอพระทัยแน่” คำพูดของอูนาโต ทำให้ฝ่ายลูกชายงงขึ้นมา



เหมือนกัน นี่ไม่ใช่เรื่องที่วางแผนกันมาซะหน่อย แต่ก็เออออตามพ่อไปอย่างช่วยไม่ได้



“ สมเด็จท่านทั้งงดงาม อ่อนหวาน น่ารัก ใครเห็นใครก็หลง นี่ลูกชายกระหม่อมถ้าไม่ใช่เพราะ



ทรงเป็นดอกฟ้าล่ะก็ คงจะขอแต่งงานไปนานแล้วแน่” อูนาโตพล่ามต่อ ยิ่งสร้างความอึ้งสนิท



ชิดขอบจอให้เจ้าลูกชาย ว่าที่พระราชินีเนี่ยนะ อ่อนหวาน น่ารัก คิดยังไงก็คิดไม่ออก ถ้าบอกว่า



เป็นนางปีศาจ ก๋ากั่น ล่ำบึ้ก โหดเหี้ยมชวนเข็ดขยาดล่ะก็ ชัวร์!



“ อะไรจะแจ็คพอร์ตปานนั้น” พระราชาพึมพำ ว่าพลางแบมืออกหวังขอดูหลักฐาน อูนาโตฉวย



กระดาษกับดินสอขึ้นบรรจงวาดรูปเหมือนทันที และภาพนั้นก็เล่นเอานายยูน่าอ้าปากค้าง ให้



ตายสิ ก็เจ้าเนี่ยมันศัตรูตัวฉกาจของเขาต่างหาก นายราชองครักษ์อัสรัน บัดนี้ภาพที่บิดาของ



เขาวาดดันเป็นสตรีสาวในชุดกระโปรง กำลังแย้มยิ้มชื่นชมดอกไม้อยู่กลางสวน เอิ้ก!



ดวงตาของพระราชาวาววับขึ้นอีกครั้ง นี่มัน...แม่สาวน้อยที่เพิ่งจะเจอเมื่อบ่าย



ท่าทางจะเป็นบุพเพอาละวาดแน่แท้ ไม่น่าล่ะเจ้าหล่อนถึงดูมีสง่าราศี เตะตาต้องใจขนาดนั้น



“ เป็นอย่างไรบ้างฝ่าบาท ถ้ายังไงก็อย่าทรงบอกสมเด็จท่านเรื่องการเข้าเฝ้าของพวกกระหม่อม



ล่ะฝ่าบาท ถือซะว่า...น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า หากจะกรุณารับราชินีของพวกข้าไว้รับใช้พระองค์



ณ นคร PLANT คงจะเป็นเรื่องมงคลอย่างยิ่ง” พูดถึงตรงนี้เจ้ายูน่าก็อ้าปากหวอเข้าใจแจ่ม



ชัด เช่นเดียวกับที่พระราชาเองก็พยักหน้ารับ.....เป็นแผนกำจัดคู่แข่งทางการเมืองที่ไม่เลว



จริงๆ แม้จะคิดไปคนละอย่าง แต่บทสรุปของทั้งคู่ก็คือ อำมาตย์อูนาโต ช่าง...ชั่วร้ายได้ใจยิ่ง



นัก



ท่ามกลางใบหน้าระรื่นของสองพ่อลูกและพระราชา ดูเหมือนมีแต่อัศวินไซที่มุ่น



คิ้วอยู่เพียงลำพัง แม้เขาจะไม่เคยพบพักตร์เจ้าหญิงรัชทายาทแห่ง ORB แต่จากคำเล่าลือ เจ้า



หล่อนไม่ใชแบบที่ตาแก่นี่กล่าวสักนิด ก็..ในเมื่อเรื่องของเจ้าหล่อนที่ลือกันสะท้านแผ่นดินน่ะ มัน



มีแต่งานพะบู๊ทั้งนั้น.....แต่เอาเถอะ ยุ่งมากไปแผนของเขาอาจพังพินาศ ถือซะว่า “ น้ำพึ่งเรือ



เสือพึ่งป่า คนก็พึ่งพากันไป” เงียบไว้รอดูผลท่าจะดีกว่า





- Edit by Moji(05 เม.ย. 2548-23:59:28)
Fiction

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา