Mecha Story : เปลี่ยนชื่อกระทู้แล้ว-อัพเดตโน่นบ้างนี่บ้าง...

ไม่พูดอะไรล่ะ...







ZGMF-X23S เซเวอร์กันดั้ม,ZGMF-X24S คาออสกันดั้มและZGMF-X31S อบีสกันดั้ม

สามตัวนี้ก็เป็นกันดั้มซีรี่ส์รุ่นใหม่ของZAFTที่พัฒนาหลังสงครามวาเลนไทน์เลือด จุดเด่นก็คือระบบที่ทำให้ยานแม่ที่มีอุปกรณ์พร้อมสามารถส่งคลื่นพลังงานมาชาร์จแบตเตอรีจากระยะไกลได้และยังสามารถแปลงร่างเป็นMAได้ทั้งสามตัว

เริ่มจากเซเวอร์ซึ่งนับได้ว่าเป็นลูกเมียน้อยของกลุ่ม(คือไม่เด่นจริงๆ ขนาดได้อัสรันมาเป็นนักบินก็ยังไม่เด่น) จุดเด่นของเซเวอร์ก็คือร่างMAที่มีความเร็วสูง อาวุธหลักของเซเวอร์ก็คือพลาสม่าบีมแคนน่อน"แอมฟอทัส"ซึ่งสามารถยิงได้ทั้งสองโหมด ส่วนอาวุธอื่นๆก็มีบีมแคนน่อน"ซูเปอร์ฟอร์ทิส",วัลแคน (มีแบบติดหัว20มม.และ"ปิคัส" 76มม.เหมือนของฟรีด้อม),บีมไรเฟิลและบีมเซเบอร์"วัชระ" เซเวอร์ถูกพัฒนาแยกจากเครื่องอื่นๆในรุ่นเดียวกัน กิลเบิร์ต ดูแลนดัลได้มอบเซเวอร์ให้อัสรันที่กลับมาร่วมกับZAFT ภายหลังถูกคิระหั่นเป็นชิ้นๆจนหมดสภาพ แต่อัสรันรอดมาได้

ส่วนคาออสนี่เป็นMSที่เน้นการต่อสู้ในอวกาศ จุดเด่นของคาออสก็คืออาวุธรูปร่างคล้ายกันบาเรลของEAแต่เป็นแบบควบคุมด้วยระบบควอนตัมเหมือนดรากูนเลยไม่มีสายและยังได้รับการปรับปรุงให้คนที่ไม่มีความสามารถพิเศษ(หมายถึงนิวไทป์)ใช้งานได้ ภายในกันบาเรลนี้มีบีมแคนน่อนกับมิสไซล์"ไฟร์ฟลาย"ติดตั้งไว้ อาวุธอื่นๆก็คือวัลแคนหลากขนาด บีมแคนน่อน"คาลิดัสรุ่นปรับปรุง" บีมไรเฟิล และบีมเซเบอร์"วัชระ" ในร่างMA ส่วนขาก็จะกลายเป็นกงเล็บบีมขนาดใหญ่ นักบินทดสอบของคาออสก็คือคอร์ตนี เฮียโรมินัส แต่ต่อมาถูกEAขโมยไปโดยCPUชีวภาพ สติง โอคลีย์ ซึ่งภายหลังโดนเก็บในการต่อสู้ที่เบอร์ลินโดยมุราซาเมะสามเครื่อง

จริงๆแล้วคาออสก็พัฒนาต่อมาจากMA XMF-P192P คาออสรุ่นต้นแบบอีกที ซึ่งโปรโตคาออสนี้ไม่มีแขนและแปลงร่างไม่ได้ แต่มีกันบาเรลเพิ่มเป็นสี่ยูนิต เท่าที่ทราบมีการผลิตโปรโตคาออสทั้งหมด6เครื่องแต่ได้รับความเสียหายระหว่างการทดสอบจนซ่อมไม่ได้3เครื่อง (คอร์ตนีก็เป็นนักบินทดสอบของเจ้านี่มาแล้ว)

สุดท้ายก็คืออบีสที่เน้นการต่อสู้ในน้ำ (ร่างMAจะใช้ได้ในน้ำเท่านั้น) อบีสไม่มีปืนคลื่นเสียงเหมือนMSสะเทินน้ำสะเทินบกรุ่นก่อนๆ แต่มีอาวุธบีมอยู่เต็มไปหมด รวมถึง"บาลาเอน่ารุ่นปรับปรุง"ที่พัฒนามาจากของฟรีด้อมกันดั้ม ที่หนาอกก็มีบีมแคนน่อน"คาลิดัส"แล้วก็ที่ครีบขับเคลื่อนบนไหล่ก็มีบีมแคนน่อนอีกเช่นกัน อาวุธอื่นก็มีตอปิโดกับหอกบีม คนที่ขโมยอบีสไปก็คืออาวล์ นีเดอร์ หนึ่งในCPUชีวภาพ ซึ่งภายหลังถูกชินสังหารด้วยบลาสต์อิมพัลส์ ส่วนนักบินทดสอบคนแรกก็คือมาร์ล สเตราด์











F-7D สเปียร์เฮด,TS-MA2 โมเบียสและTS-MA4F เอ็กซัส

คู่นี้ก็เป็นอาวุธที่EAใช้สู้กับZAFTในช่วงแรกของสงครามวาเลนไทน์เลือด โดยที่สเปียร์เฮดเป็นเครื่องบินแบบนำเครื่องขึ้นแนวดิ่ง(VTOL)และเป็นกำลังหลักของEAบนโลก มีอาวุธเป็นปืนกล20มม.และมิสไซล์ สเปียร์เฮดมีความสามารถในการต่อสู้ต่ำมากเมื่อเทียบกับMS แต่ฉายา"เอ็ดเดอะริปเปอร์"ของเอ็ดเวิร์ด ฮาเรลสันก็ได้มาจากการที่เอ็ดเคยใช้ปีกของสเปียร์เฮดผ่าจินน์ขาดสองท่อนนี่เอง

ส่วนโมเบียสเป็นMAรุ่นผลิตจำนวนมากซึ่งเป็นกำลังหลักในอวกาศ โดยมีจุดเด่นที่ราคาถูกและสามารถติดตั้งอาวุธได้หลากหลาย โดยอาวุธหลักก็คือลิเนียร์กันและมิสไซล์ลันเชอร์ แต่ก็สามารถติดตั้งระเบิดนิวเคลียร์ได้ด้วย หลังจากเหตุการณ์"วาเลนไทน์เลือด"ที่โมเบียสยิงนิวเคลียร์ทำลายจูเนียส7 ซะยับเยิน ZAFTก็ปล่อยนิวตรอน แจมเมอร์ไปทั่ว ทำให้อาวุธนิวเคลียร์ใช้การไม่ได้ ซึ่งหลังจากที่ZAFTปล่อยMSออกมาสู่สนามรบ โมเบียสก็ไม่สามารถต่อกรกับZMGF-1017 จินน์ได้เลย ยกเว้น...

TS-MA2mod.00 โมเบียสซีโร่ซึ่งเป็นเครื่องประจำตัวของมูว์ ลา ฟลากา ซึ่งโมเบียสซีโร่มีความคล่องแคล่วสูงกว่าโมเบียสธรรมดาๆมาก นอกจากนี้ยังใช้อาวุธ"กันบาเรล"ซึ่งเป็นปืนกลควบคุมผ่านสายเคเบิ้ลไปโจมตีศัตรูจากระยะไกลได้(คล้ายๆอาวุธกึ่งไซคอมมิว) ซึ่งโมเบียสซีโร่นี่เองที่เป็นที่มาของฉายา"เหยี่ยวแห่งเอนดีเมียน"ของมูว์ ซึ่งมูว์ก็ได้ใช้โมเบียสซีโร่จนกระทั่งยานอาร์คแองเจิ้ลลงไปสู่โลก ซึ่งโมเบียสซีโร่ไม่สามารถใช้การบนโลกได้ ระบบกันบาเรลของโมเบียสซีโร่ยังถูกเอามาใช้อีกครั้งกับยานAQM/E-X04 กันบาเรลซึ่งมีปืนแก็ตลิ่งแทนลิเนียร์กันและใช้กันบาเรลที่ติดตั้งบีมกันและมิสไซล์แทนปืนกล

หลังจากที่สไตรค์แด็กเกอร์ได้ออกใช้งาน การใช้งานโมเบียสในสนามรบก็แทบไม่มีอีกเลย ส่วนสเปียร์เฮดยังคงมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กลางอากาศอยู่ จนกระทั่งรอว์ เลอ คลูเซ่มอบเทคโนโลยีNแจมเมอร์แคนเซลเลอร์ให้กับพันธมิตรโลกอย่างลับๆ โมเบียสและระเบิดนิวเคลียร์ก็ได้กลับสู่สนามรบอีกครั้ง

หลังสงครามวาเลนไทน์เลือด พันธมิตรโลกยังได้พัฒนาTS-MA4F เอ็กซัส ซึ่งพัฒนามาจากโมเบียสซีโร่และยานกันบาเรล นอกจากประสิทธิภาพที่สูงกว่าแล้ว ยังติดตั้งอาวุธไว้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยมีลิเนียร์กันแฝด,ปืนกล38.5มม., มิสไซล์ลันเชอร์"อาเชอร์"และกันบาเรลซึ่งเป็นแบบติดตั้งบีมกันสองลำกล้องและบีมคัตเตอร์"ฮอร์นมูน" เอ็กซัสจึงสามารถพุ่งเข้าไปเชือดเป้าหมายในระยะประชิดตัวได้









OZ-06MS ลีโอ

MSระดับเบ๊ที่แย่งตำแหน่งบักเห่ยมาจากจิมได้สำเร็จ เป็นMSที่แพร่หลายที่สุดในยุคACก็ว่าได้

สัญลักษณ์ราศีสิงห์ของOZ ลีโอปรากฏตัวในปีAC 0175โดยมีพื้นฐานมาจากทอลกีส แต่ลดประสิทธิภาพลงแบบจากฟ้ามาสู่ก้นบาดาล ในปี0195ที่เกิดสงครามขึ้นลีโอก็มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อ20ปีก่อนน้อยมาก

จุดเด่นจริงๆของลีโอก็คือความสามารถในการใช้งานงานที่หลากหลายเพราะมีอาวุธหลากชนิดที่สามารถติดตั้งได้แล้วก็มีอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ชุดท่อขับดันแบบมีปีกซึ่งทำให้ลีโอบินได้ในเวลาจำกัด

ลีโอบางรุ่นจะมีบีมแคนน่อนติดไหล่ทั้งสองข้าง ในกรณีของลีโอรุ่นที่ใช้ในอวกาศจะติดบูสเตอร์เสริมที่ด้านหลังและใช้บีมไรเฟิลที่เสริมจานเรดาร์เข้าไปด้วย

แต่บทของลีโอในเรื่องมักจะเป็นออกมายืนนิ่งไม่ขยับ,ยิงปืนนิดหน่อยพอเป็นธรรมเนียม(ซึ่งมักไม่มีผลต่อศัตรูแต่อย่างใด)แล้วก็โดนยิงระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นอกจากนักบินจะเป็นตัวละครสำคัญลีโอก็จะเก่งและอึดขึ้นมาผิดหูผิดตา พอนึกถึงลีโอก็เลยไม่ค่อยมีอะไรประทับใจเท่าไหร่

ในG-UNITจะมีลีโอรุ่นเฉพาะสามเครื่องของหน่วยสตาร์ดัสต์ไนท์ซึ่งปรับแต่งเป็นพิเศษ ซึ่งประกอบด้วย...

- OZ-06MS-SN3 ลีโอN MSประจำตัวบรูม บร็อก มีเกราะที่หนากว่าปกติ ซึ่งส่วนไหล่จะมีบีมแคนน่อนติดตั้งไว้ด้วย

- OZ-06MS-SR2 ลีโอR MSประจำตัวคลาทซ์ ซิลวี เป็นลีโอในแบบของสาวน้อยผมยาวบอบบาง (ทั้งที่นักบินเป็นชายทั้งแท่ง) จึงมีความเร็วที่สูงกว่าปกติ ส่วนไหล่ทั้งสองข้างมีโล่ขนาดเล็กป้องกันไว้ อาวุธของลีโอRก็คือหอกบีมซึ่งสามารถใช้ยิงเหมือนบีมไรเฟิลได้

- OZ-06MS-SS1 ลีโอS MSประจำตัวของโรเช่ นาทูวโน หัวหน้าทีมสตาร์ดัสต์ไนท์ รูปแบบภายนอกของลีโอSได้รับการปรับแต่งเป็นแบบอัศวินพร้อมผ้าคลุมเต็มยศ มีประสิทธิภาพสูงกว่าลีโอรุ่นปกติ

นอกจากนี้ในG-UNITยังกล่าวว่าในช่วงปฏิบัติการเดย์เบรคนั้นวาลเดอร์ ฟาร์คิลใช้ลีโอรุ่นพิเศษสีดำ แต่ยังไม่เคยเห็นรูปเลยแฮะ...

- Edit by Kuruni(18 มิ.ย. 2548-22:19:55)
Anime Mecha Story

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา