The Dark Knight นี้คือBatmanที่ดีที่สุด!!!! (Spoil)

สวัสดีครับทุกๆท่าน พบกับกระผมอีกครั้งครับ คราวนี้มาพร้อมกับการวิจารณ์แบบเต็มสตีมอีกครั้ง ซึ่งถ้าใครยังไม่ได้ตามกระทู้เก่าของผม ว่างๆลองไปอ่านดูนะครับ



ประวัติศาสตร์ภาพยนต์Batman

http://www.gamer-gate.net/index.php?a=bbs&b=view&id=40825



และในที่สุดก็ถึงเวลาที่ผมได้สัมผัสภาพยนต์ที่รอคอยมานานแสนนาน เอาล่ะมาดูกันว่าเรื่องอะไร



The Dark Knight แบทแมนอัศวินรัตติกาล







เหตุผลที่ผมอยากดูเรื่องนี้คืออะไร



1.ผมชอบBatman ภาคBegin มาก ในความแน่นของเนื้อหา และความสมบูรณ์ในความที่มันเป็นBatman



2.ผมชอบตัวร้ายที่ชื่อ Joker เพราะผมติดใจเวอร์ชั่นของ แจ็ค นิโคลสันเมื่อปี1989



3.นี้คือผลงานสุดท้าย (ที่เล่นจบเรื่อง)ของฮีธ เลดเจอร์ นักแสดงมากฝีมือผู้จากโลกนี้ไปแล้ว



นี้คือความคาดหวังของผมที่มีต่อหนังเรื่องนี้



คุณเคยไหมที่หวังอะไรไว้เยอะๆแล้วมันผิดหวัง แน่นอนคุณรู้สึกเจ็บปวดเหมือนโดนทรยศ แต่ถ้าสิ่งที่คุณหวังมันได้ดั่งหวังล่ะ แน่นอนคุณดีใจมากมาย



แต่ว่า The Dark Knight ไม่อยู่ในรูปแบบนี้



เพราะThe Dark Knight มันเหนือความคาดหมายและสิ่งที่ผมหวังของผมทั้งหมด!!!!!







เรื่องย่อ

แบทแมนเริ่มทำลายล้างกลุ่มอาชญากรที่ยังคงระบาดไปทั่วท้อง ถนน การร่วมแรงของพวกเขาดูจะเป็นผลดี แต่ต่อมาไม่นานพวกเขากลับพบว่ากำลังตกเป็นเหยื่อของความวุ่นวายที่ถูกสร้าง ขึ้นโดยเจ้าแห่งอาชญากรสมองใสซึ่งชาวเมืองกอธแธมที่หวาดผวารู้จักกันดีในนาม ของโจ๊กเกอร์ ผู้ซึ่งทำให้กอธแธมต้องตกอยู่ในความสับสนและบีบบังคับให้อัศวินดำต้องเฉียด เข้าไปใกล้เส้นแบ่งระหว่างวีรบุรุษและวายร้ายมากยิ่งขึ้น







มุมมองของSoma

ขอบอกตรงนี้ก่อนที่จะวิจารณ์เรื่องนี้ ผมไม่ใช่หน้าม้าของWarner นะครับ เพราะสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ คือสิ่งที่ผมพบกับการดูหนังจากใจ หนังเรื่องนี้คือหนังเรื่องแรกที่ทำให้ผมรู้สึก อยากกระโดดปรบมือ ปรบมือทำไม ผมปรบมือเพราะ ความยอดเยี่ยมในทุกส่วนของหนัง ทั้งบทที่แน่นปึกจนบอกได้เลยว่า หนังสนุกกับบทที่แน่นจนไม่ต้องใช้ฉากแอ็คชั่นมาประกอบเลย และบทหนังทุกนาทีที่หนังฉาย เต็มไปด้วยข้อคิดที่ยอดเยี่ยม ข้อคิดเยอะขนาดไหน ผมขอบอกท้ายกระทู้ล่ะกัน มุขตลกที่ส่วนใหญ่จะมาจากอีตาJoker ก็ปล่อยถูกจังหวะ และขำแทบตาย (มุขโรงพยาบาล กับ มุขมายากลดินสอหาย ขอให้ไปดูเลย) แต่ใครที่ชอบหนังบทแน่น หักเหลี่ยมเฉือนคมอย่างสุดยอด ขอบอกว่าหนังเรื่องนี้มีให้คุณอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ต้องบอกนิดนึง บทของหนังเครียด หดหู่ กดดันนะครับ ฉะนั้นหนังเรื่องนี้ไม่เหมาะสำหรับความบันเทิงที่เปี่ยมล้น แต่ว่าความบันเทิงของหนังกับขึ้นบท







เสียงดนตรี มีพลังและยิ่งใหญ่ ผมชอบThemeหลักของหนังมาก ซึ่งเป็นThemeประจำBatmanของโนแลน ที่ฟังกี่ทีทั้งตื่นเต้น และรู้สึกว่าBatmanเท่ห์ แต่ที่ผมชมอะไม่ใช่Theme Batman หรอก แต่เป็นTheme ของโจ๊กเกอร์ ซึ่งชื่อเพลงว่า Why So Serious การใช้ดนตรีที่กดดันมากถึงมากที่สุด โดยประกอบกับการกระทำของโจ๊กเกอร์ ที่น่ากลัว ผสมกับOSTที่โคตรกดดัน แทบเรียกได้ว่า กดดันมากถึงมากที่สุด ผมกลัวพฤติกรรมมันแล้วนะ แต่เจอซาวน์เข้าไป ยิ่งแทบจะฉี่แตกเลยทีเดียวเลยนะจอร์จ







ฉากแอ็คชั่นในหนังน่าจะเรียกได้ว่าเป็นส่วนประกอบของหนังมากกว่า แต่ว่าหนังลดความเร็วของกล้องไปบ้างในฉากแอ็คชั่น จึงทำให้ดูง่ายกว่าภาคBegin แต่ที่ขอให้ดู ขอให้ดูฉากการไล่ล่าบนถนนในช่วงกลางเรื่อง เพราะทั้งตื่นเต้น เท่ห์ และมันส์ ส่วนตัวผมว่าฉากนี้มันส์น้อยกว่าBegin แต่ว่าฉากเปิดตัวBatpod ในหนังเนี่ย กินใจผมไปสุดๆเลยว่ะ ฉากแอ็คชั่นไม่ได้มีฉากที่น่าจดจำเท่าไรนะในส่วนตัวของผม แต่ว่าแต่ล่ะฉากก็ทำมาสนุก มันส์ เรียกได้ว่าน่าจดจำ







สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีสีสันและทรงพลัง คือทีมดารานักแสดง แน่ล่ะผมคงต้องขอพูดถึงชายผู้ที่เล่นบทJoker ศัตรูอาฆาตของBatman เค้าคือ







ฮีธ เลดเจอร์



ผมขอบอกเลยครับ ฮีธ ถ้านายได้ยินเสียงของเรา เราขอบอกว่า นายสุดยอด!!!! นายสามารถสร้างภาพJokerคนใหม่ ทำลายภาพลักษณ์ทที่คลาสสิคของแจ็ค นิโครสันได้ นายเล่นเป็นธรรมชาติมาก นายปล่อยมุขได้เนียน แต่เมื่อนายจิตมากๆ เรากลัวนายสุดๆเลยล่ะ นายสามารถทำให้คนเชื่อว่า นายไม่ใช่ฮีธ เลดเจอร์ แต่นายคือJoker เลยต่างหาก ตอนนี้คนชื่นชม และยอมรับความสามารถขอนายแล้วนะ เราเสียดายที่นายไม่ได้ดูผลงานที่ตัวเองได้ทำไว้ เราเสียดายจริงๆ







ถึงแม้ว่าฮีธ เลดเจอร์จะแสดงเก่งจนขโมยซีนไปหมด แต่คนอื่นใช่ว่า คริสเตียน เบล ผู้แสดงเป็นบรู๊ซ เวย์น ก็เรียกได้ว่าเค้าเข้าถึงบทของตัวบรู๊ซ เวย์น และBatman ได้มากยิ่งขึ้น เค้าแสดงถึงสีหน้า แววตาได้มีอารมณ์มากกว่าตอนภาคBegins แกรี่ โอลด์แมน ผู้แสดงเป็นจิม กอร์ดอน สามารถที่ะแสดงได้เข้มขึ้นกว่าภาคBegins ซึ่งเข้าใจว่าบทหนังมันเครียดขึ้น แน่นอนเค้าจึงจำเป็นต้องแสดงให้เข้มขึ้นตามไปด้วย ไมเคิล เคน ผู้แสดงเป็นอัลเฟรด เรียกได้ว่าคนๆนี้คือคนที่ปล่อยคำคมของหนังมากมาย แต่แกก็ยังไม่วายปล่อยมุขขำๆน่ารักๆตามสไตล์ของอัลเฟรด ส่วนที่ต้องชมอีกคนเพราะเรียกได้ว่า เป็นจุดหักมุมของหนัง นั้นก็คือ อาร่อน เอคฮาร์ท ผู้แสดงเป็น ฮาร์วี่ เดนส์ เค้าสามารถที่จะถ่ายทอดความต้องการความยุติธรรมของเค้าออกมาได้น่าเชื่อถือ และเมื่อจุดหัก เค้าก็สามารถตีบทแตกได้อย่างน่ากลัว ส่วนนางเอกคนใหม่อย่าง แมคกี้ ผู้รับบทเป็นเรเชล ถึงแม้หน้าแก่ แต่ฝีมือเชี่ยวนะคร๊าบ







สรุป : ถ้าให้ผมพูดแบบจากใจจริง ผมขอพูดสั้นๆ ง่ายๆ นี้คือหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่ดีที่สุดเท่าที่ชีวิตผมเคยดูมา เกรดS ครับ



ปล.หนังเรื่องนี้สามารถสร้างปรกฏการณ์ใหม่ให้กับBox Office เป็นที่เรียบร้อยนั้นก็คือ

สามารถโกยรายได้ในวันแรกที่เข้าฉายถึง 66 ล้านเหรียญ ซึ่งชนะSpider Man ที่วันแรกกวาดไป59.8 ล้านเหรียญ

และทำรายได้ในรอบมิดไนท์คือวันพฤหัส ไปได้ถึง18ล้านเหรียญ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ชนะ Star War Episode 3 Revenge of the Sith ที่เคยทำไว้ที่16ล้านเหรียญไปได้



และหนังเรื่องนี้ยังสร้างประวัติศาสตร์ให้เว็บหนังชื่อดัง IMDB ด้วยการถีบ Godfather ที่ครองอันดับ1มานาน ลงไปอยู่ที่2 และตัวเองขึ้นอันดับ1ได้ (ซึ่งไม่แน่อนาคตอาจมีตก เพราะคนโหวตยังไม่เยอะมากมาย)









Alert!! จุดต่อไปนี้จะเป็นวิเคราะห์เหตุผลที่ผมชอบสุดๆ แต่ว่ามันคือการSpoil แบบสุดๆ ฉะนั้นเพื่ออรรถรสในการชม ใครที่ยังไม่ดูหนังเรื่องนี้โปรดข้ามส่วนนี้ไปจนจบกระทู้เลย สำหรับคนที่ดูแล้วก็มาอ่านส่วนนี้ได้นะครับ







เหตุผลที่ผมชอบคือ อารมณ์ของ3ตัวละครหลัก นั้นก็คือ Batman Joker และฮาร์วี่ เดนส์ หนังใช้โทนหลักคือ



ความดีและความเลว







Batman

ผู้ที่ยึดติดกับความยุคิธรรม และพร้อมที่จะปราบอาชญากรรมให้เมืองGotham ให้หมดไป แต่เค้าต้องสวมหน้ากากเพื่อปกปิดตนเอง







ฮาร์วี่ เดนส์

ชายผู้ที่รักความยุติธรรม ผู้ที่พร้อมจะปราบอาชญากรรมของGotham ให้หมดไป เช่นเดียวกับBatman ซึ่งBatman ไว้ใจเค้าที่จะมารับหน้าที่แทน



แน่นอน2คนนี้ รวมกับจิม กอร์ดอน และเรเชล อะไรๆก็ดีไปหมด การปราบปรามก็ดูไปได้สวยถ้าไม่มีอาชญากรที่ชื่อว่า







Joker



Joker เหมือนตัวแทนความวุ่นวาย สิ่งที่เค้าต้องการไม่ใช่เงิน ไม่ใช่เกียรติยศ แต่ที่เค้าต้องการคือ ความวุ่นวาย และแน่นอนเค้าต้องการจะปราบBatman เพราะมันคอยจัดระเบียบสังคมGotham Joker ก็จึงปั่นป่วนจนในที่สุด



ความยุติธรรม และความดี ก็มิอาจสามารถชนะสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้น





ความโกรธ





ทั้งBatman และ ฮาร์วี่ เดนส์ ต่างโดนปั่นหัวกันทั้งคู่ และแน่นอนทั้งคู่ทำสิ่งที่พลาดด้วยกันเพราะความโกรธ ฮาร์วี่ เดนส์เริ่มแสดงด้านมืดของตนเองตั้งแต่ที่เค้าคิดว่า จิม กอร์ดอน ตาย เค้าไม่สนความยุติธรรม สิ่งที่เค้าต้องการคือที่อยู่Joker จากปากของสมุนมัน จากการที่เค้าทอยเหรียญถึง2ครั้ง ทำให้เรารู้ว่า เค้าไม่แม้แต่จะเชื่อในการเสี่ยงดวง เพราะความโกรธครอบงำเค้า จนไปถึงจุดที่เค้าสูญเสียทุกสิ่งไปจนกลายเป็นTwo Face เค้าโกรธ เค้าแค้น เค้าเปลี่ยนจากผู้รักความยุติธรรม กลายเป็นอาชญากร เพียงเพราะคำพูดของJoker ถ้าเค้าไตร่ตรอง เค้าคิดมากกว่านี้ ฮาร์วี่ เดนส์ คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้







เช่นเดียวกับBatman ตอนที่เค้าซ้อมJoker และตอนที่เค้าจะชนJoker บอกได้เลยว่า เค้าคิดจะละเมิดกฏข้อสำคัญของเค้าคือ ไม่ฆ่าคน เพียงเพราะ ความโกรธ เพียงแต่Batman มีสิ่งๆนึงที่ฮาร์วี่ เดนส์ ไม่มี นั้นก็คือ การคิดไตร่ตรอง Batman เกือบทำพลาดทั้งหมดถ้าเค้ามีความโกรธครอบงำ ถึงแม้ว่าเค้าจะเสียใจกับการที่เค้าตัดสินใจช่วยฮาร์วี่ แทนที่จะช่วยเรเชล คนที่เค้ารัก เพราะว่าเค้าเชื่อมั่นว่าฮาร์วี่ จะเป็นฮีโร่แทนตัวของเค้าได้ (แม้ในตอนหลังเค้าจะรู้ว่าเค้าได้สร้างอาชญากร อีกคนนึงขึ้นมา) จนตอนหลังเค้าจึงรับผิดชอบด้วยการที่เค้ารับผิดกับการฆ่าตำรวจทั้ง5นาย รวมทั้งฮาร์วี่เดนส์ เพราะBatman ต้องการโทษตัวเองที่ตัวเองเป็นทาสของความโกรธช่วงนึง





ศึกครั้งนี้ไม่มีผู้ชนะ ทั้งฝ่ายยุติธรรม และ ฝ่ายความวุ่นวาย แต่ฝ่ายที่กำชัยอย่างที่น่ากลัวจริงๆคือ ความโกรธเกรี้ยว คับแค้นของจิตใตมนุษย์มากกว่า



อีกตอนนึงที่แสดงให้เห็นถึงธาตุแท้ของมนุษย์ คือฉากเรือ ที่แสดงให้เห็นว่า สังคมปัจจุบัน การให้อภัยแก่คน หรือมองโอกาส มันไม่มีแล้ว ต่างคนต่างเอาชีวิตรอด ต่างคนต่างจะกดเรือของอีกฝ่ายเพื่อเอาชีวิตรอด แต่สุดท้ายทั้ง2ลำก็ไม่สามารถกดได้ เรือโจรรู้ว่าตนเองสมควรตาย ฝ่ายประชาชนก็ไม่เคยฆ่าคน ใจไม่กล้าพอ







ตอนจบ ข้อความที่บอกว่า เค้าคือฮีโร่ของGotham แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ เพียงเพราะว่า Gotham กลัวBatmanกลัวที่เมื่อเค้าทำความเลวแล้ว Batmanจะมาตามล่า เพราะสังคมที่เน่าเฟะของGotham แน่นอนใครก็อยากที่จะรวย อยากที่จะมีอำนาจ แต่การกลัวBatman ทำให้ชาวเมืองGotham ไม่ยอมครับในตัวเค้า แต่ว่าตัวBatman ยังคงยึดถือคติของตนเองต่อไป เหมือนกับคำพูดของฮาร์วี่ เดนส์ที่ว่า "จะตายอย่างฮีโร่หรือจะอยู่จนกว่าจะเห็นตัวเองเป้นผู้ร้าย" Batmanเลือกทั้ง2อย่าง เค้าพร้อมที่จะตายแบบฮีโร่ แต่ในทางกลับกัน ถ้าเค้าต้องทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เค้าก็ถูกมองว่าเป็นผู้ร้ายในที่สุด นี้คือฉากจบของหนังที่ทำให้ผมน้ำตาไหลออกมา เพราะว่าเค้าคือ The Dark Knight







กระทู้หน้า พบกับ The Dark Knight นารี และอุปกรณ์ของBatman ใน

ประวัติศาสตร์ ภาพยนต์Batman ตอนที่2




เจอกันครั้งหน้าครับ ลาล่ะ555
Miscellaneous

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา