มีนิทานดีๆมาให้อ่านกันคับ เจ้าหญิงแห่งความอ่อนไหวกะเจ้าชายแห่งความเหงา

Credit - ken บอร์ด Love Hina

>>เนิ่นนานมาแล้ว

>>มีเจ้าหญิงแห่งความอ่อนไหวผู้ซึ่งอาศัย อยู่บนภูเขาแห่งดอกไม้

>>อยู่หนึ่งคน เธอมีดวงตาที่อ่อนไหว

>>นัยย์ตาอ่อนโยนคู่นั้นมีแววของความโศกเศร้าอยู่เบื้องลึกที่ถูกกลบเกลื่อน

>>ด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ

>>เธออาศัยอยู่บนภูเขาแห่งดอกไม้นั้นเพียงลำพัง

>>

>>จนกระทั่ง มีเจ้าชายแห่งความเหงา เดินทางมาพบภูเขาลูกนี้โดยบังเอิญ

>>สีสันของดอกไม้หลายๆดอก ทำให้เจ้าชายหยุดอยู่ที่นี่ ราวกับถูกมนต์สะกด

>>เจ้าชายมองเห็นเจ้าหญิง ผ่านดอกไม้กลีบใสๆ

>>ทันทีที่พบกับเจ้าหญิงแห่งความอ่อนไหว

>>เจ้าชายรู้สึกรักเธอตั้งแต่แรกพบ หากแต่เจ้าหญิง

>>มิได้รู้สึกเฉกเช่นเดียวกับเจ้าชาย เธอกลับรู้สึกว่า

>>เขาเป็นใครเหตุใดจึงมาพบ ภูเขาแห่งนี้ได้ และด้วยสายตาคู่นั้น

>>ยิ่งทำให้เจ้าหญิง ไม่คิดจะไว้ใจ ชายคนนี้เลย

>>

>>เจ้าชายแห่งความเหงา ตะโกนบอกเจ้าหญิงว่า

>>เราจะไม่มาทำความรู้จักกันหน่อยหรือ

>>เจ้าหญิงแห่งความอ่อนไหวเมื่อได้ยินคำดังกล่าว

>>จึงเดินตามเสียงตะโกนนั้นไป หลังจากที่ได้รู้จักกันแล้ว

>>เจ้าชายแห่งความเหงา

>>ตัดสินใจได้ทันทีว่าเขาพร้อมที่จะหยุดการเดินทางที่ภูเขาแห่งนี้

>>การสนทนาของคนทั้งคู่ทำให้พวกเขาผูกพันกันมากขึ้น

>>เจ้าหญิงแห่งความอ่อนไหว เริ่มมีใจให้กับเจ้าชาย

>>จนกระทั่งเธอลืมดูแลดอกไม้ทั้งมวล ดอกไม้บนภูเขา พากันล้มตาย เจ้าหญิง

>>เอาใจใส่ เพียงแค่เจ้าชายคนรัก

>>

>>เจ้าชายแห่งความเหงา เริ่มเฉยชากับเจ้าหญิง

>>เมื่อหล่อนไม่คิดจะทำอะไรนอกเสียจาก การได้พูดคุย หรือการได้รักตน

>>เจ้าชายแห่งความเหงา จึงรู้สึกได้ถึงความอึดอัด ความเหงาได้

>>แผ่ซ่านขึ้นมาในใจของเจ้าชายอีกครั้ง ...

>>

>>เจ้าหญิงแห่งความอ่อนไหว รู้เพียงแต่ว่า ผู้ชายคนนี้คือ

>>คนที่พร้อมจะดูแลเธอ พูดคุยกับเธอ และ อยู่กับเธอบนภูเขาแห่งนี้

>>คนสองคน ใจสองใจ เป็นความต่างที่ไม่ลงตัว

>>

>>ความรักของเจ้าชายที่เคยเต็มเปี่ยมในใจ

>>วันนี้เหลือเพียงแค่ความรำคาญอึดอัดใจ

>>ความรักของเจ้าหญิงที่ไม่เคยมีในใจ วันนี้กลับเปี่ยมล้นไปด้วยความรัก

>>

>>เจ้าชายแห่งความเหงาเฉยชา กับ เจ้าหญิงแห่งความอ่อนไหว ไม่มีการพูดคุย

>>ไม่มีการมองตา ไม่มีการจับมือเหมือนเคย เจ้าหญิงแห่งความอ่อนไหว

>>แอบร้องไห้เพียงลำพัง ทางด้านหนึ่งของภูเขา

>>เจ้าชายยืนอยู่อีกด้านหนึ่งเช่นกัน

>>

>>ความเงียบ ความแห้งแล้ง เดียวดาย สายลมร้อน ได้พัดผ่านภูเขาลูกนี้

>>ราวกับจะกลั่นแกล้งเจ้าหญิงแห่งความอ่อนไหวให้ชาชินกับความรู้สึกเดียวดาย

>>

>>วันนี้ เจ้าชายแห่งความเหงาตัดสินใจ เดินทางจากไป ไม่มีแม้คำอำลา

>>เจ้าหญิงแห่งความอ่อนไหว ไม่พบแม้ใครบนภูเขาแห่งนี้ เธอร่ำไห้

>>อย่างน่าอาดูร น้ำตาของเธอไหลรินมากมายเหลือเกิน

>>จนทำให้มวลดอกไม้ที่ล้มตาย ฟื้นกลับคืนมายืนต้นอีกครั้ง

>>

>>หล่อนจึงดำเนินชีวิตอย่างเคย

>>ทำเหมือนไม่เคยมีใครเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตหล่อน แต่ความเศร้า

>>ก็พร้อมที่จะทำร้ายหล่อนได้เสมอ

>>เมื่อคิดถึงหรือนึกถึงเจ้าชายแห่งความเหงา เธอพึมพำกับมวลดอกไม้

>>เบาๆว่า "ความรักของฉันอยู่ไหน" เจ้าหญิงแห่งความอ่อนไหว

>>ยังคงคิดถึงเจ้าชายแห่งความเหงาอยู่เสมอ หากเธอก็ไม่โทษว่า เขาผิด

>>เฝ้าโทษตัวเองว่า เหตุใดเราจึงไม่รักเขาอย่างพอเหมาะ

>>

>>เขาเป็นเพียงแค่ผู้ชายขี้เหงาคนหนึ่ง

>>ที่วันนึงเขาผ่านเข้ามาทำให้เราได้รู้จักรัก ได้รักให้เป็น

>>เขาเป็นเพียงแค่ผู้ชาย ผู้ชายไม่รักผู้หญิง

>>เอาแต่ใจเฉกเช่นหล่อนนักหรอก

>>การเฝ้าปลอบใจตัวเองของเจ้าหญิงแห่งความอ่อนไหว คือบทเรียนของความรัก

>>

>>เพียงอยากให้ผู้หญิงทุกคนรู้ว่า

>>ผู้ชายก็เป็นเพียงแค่มนุษย์ขี้เหงา มีเพียงความเหงาในหัวใจ

>>ความรักของเขาไม่เคยจีรัง

>>อย่าไปให้หัวใจของเราทั้งหมดแก่เขาเพราะเขาอาจดูแลได้ไม่ดีเท่าเราดูแล

>>จงดำเนินชีวิตอย่างปกติอยุ่ร่วมกับความรักด้วยความพอดี

>>อย่าลืมดูแลดอกไม้ของเราด้วย

>>(ดอกไม้ในเรื่องนี้ฉันนิยามมันให้เป็นตัวตนของผู้หญิงทุกคน)

>>จงมีความสุขกับความรักและพร้อมที่จะยอมรับความจริง

>>ว่าเขาพร้อมที่จะจากเราไปทุกเมื่อ จง เป็น ปกติ

>>

>>รักด้วยความพอเหมาะ รักให้เป็น

>>ใครเคยกล่าวไว้ว่า การเริ่มต้นรักของผู้ชายมากมายนักด้วยรัก

>>การเริ่มต้นรักของผุ้หญิงน้อยค่านัก หากเมื่อเวลาผ่านไป

>>ค่าของความรักในใจก็เปลี่ยนไป รักของผู้หญิงมากขึ้น แต่กลับกัน

>>รักของเธอ มัน ไม่เหลือเลย คงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนไหว

>>และผู้ชายขี้เหงา การเริ่มต้นและการสิ้นสุดของความรักนั้นจึง

>>ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

>>

>>ฉันก็แค่ผู้หญิงอ่อนไหวเธอก็แค่ผู้ชายขี้เหงา

>>

/me ซึ้งเจงๆ ให้ข้อคิดมั่กๆง่ะ......
Miscellaneous

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา