(Review) Sherlock Holmes 2 & The Adventure of Tin Tin

อ่านก่อนนิดนึง



บทความนี้ คือบทความReview หนังในมุมมองของผมแค่คนเดียว ไม่ใช่มุมมองของคนส่วนมาก ฉะนั้นไม่แปลกถ้าท่านจะรู้สึก เอ๊ะทำไมนายไม่ชอบตรงนี้ เอ๊ะทำไมนายมาด่าเรื่องนี้ เอ๊ะนายบอกเรื่องนี้ดี นายเพี้ยนรึเปล่า อยากจะบอกว่า ผมเป็นแค่คนดูหนังคนนึง มิอาจสามารถเอาใจของคนทั่วโลกมารวมในคนเดียว แล้วประมวลคะแนนให้พอใจทุกคนได้ เพราะคนเราย่อมมีรสนิยมการดูหนังไม่เหมือนกันทุกคนครับ ฉะนั้น ถ้าอ่านReview ของผมแล้ว จงอย่าตัดสินทันที ขอให้พิสูจน์หนังเรื่องนั้นด้วยตัวท่านเอง ไม่แน่ หนังที่ผมบอกห่วย อาจเป็นหนังในใจท่านก็ได้ครับผม ด้วยความเคารพครับ



และขอความกรุณาอย่าSpoil หนังนะครับผม จะSpoil ก็ขอให้ใช้การซ่อนข้อความ



การติชมต่อผลงานของSoma สามารถเขียนได้ในกระทู้อย่างเปิดเผยและตรงๆอย่างไม่ต้องกังวล เข้ามาอ่านReview เล็กๆก่อนตัวเต็ม หรือถ้าใครที่เข้ามาอ่านธรรมดาแต่อยากติชม สามารถเข้าไปติได้ที่Facebook ของกระผมนะครับ



http://www.facebook.com/profile.php?id=100000512771067





[b]Sherlock Holmes : A Game of Shadows








แนวหนัง : แอ็คชั่น สืบสวน อาชญากรรม



ตัวอย่าง








เรื่องย่อ



หลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก นักสืบชื่อดัง เชอร์ล็อค โฮมส์ และคู่หู ดร.วัตสัน ต้องเข้ามาเล่นเกมของศาตราจารย์อัจฉริยะผู้ชั่วร้ายอย่าง ศจ.มอริอาตี้ เพื่อหยุดยั้งแผนการที่มีเรื่องของสงครามโลกเป็นเดิมพัน (อย่าแปลกใจว่าทำไมมีเรื่องย่อแค่นี้ ผมพยายามจะเขียนเพื่อไม่สปอยเนื้อเรื่องของหนังให้มากที่สุด)







มุมมองของ Soma



ย้อนกลับไปในหนังภาคแรก ผมคงต้องบอกว่าผมค่อนข้างที่จะชอบหนังภาคแรกอยู่พอตัวในความกล้าแหวกจากตัวนิยายเดิม การเพิ่มฉากแอ็คชั่นโดยที่ในส่วนของการสืบสวนยังคงไว้ซึ่งความสนุกเช่นเดิม พอมาในภาค2นี้ซึ่งรู้ว่าเชอร์ล็อคโฮมส์จะต้องปะทะกับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง ศจ.มอริอาตี้ ยิ่งทำให้หนังน่าสนใจยิ่งขึ้น เมื่อดูหนังจบแล้วก็พบว่า หนังยังคงไว้ซึ่งความสนุกเช่นภาคแรก แต่กลับไม่มีเรื่องของจุดสืบสวนสนุกๆแบบเช่นภาคที่แล้วเลย







เรื่องราวของภาคนี้จะเปลี่ยนโทนเรื่องของการสืบสวนกลายเป็นการหักเหลี่ยมเฉือนคมไปแทน ซึ่งกลับกลายเป็นว่าหนังตัดจุดที่เป็นจุดเด่นของภาคแรกไป แต่ในเรื่องของการหักเหลี่ยมเฉือนคมภายในภาคนี้ก็อยู่ในระดับดูสนุกไม่ได้เลวร้ายอะไร เพียงแต่หนังสามารถทำได้ดีกว่านี้ สามารถใส่ความร้ายกาจของตัว ศจ.มอริอาตี้ได้มากกว่านี้ สามารถทำให้โฮมส์โต้กลับได้มากกว่านี้ อีกทั้งหลายๆจุดในหนังสามารถที่จะเปลี่ยนเป็นการสืบสวนสนุกๆได้มากกว่าการหักเหลี่ยมเฉือนคมแทน



แต่ยังดีที่จุดดีของหนังในเรื่องของฉากแอ็คชั่นยังคงทำได้ดี หนังยังคงอุดมไปด้วยฉากแอ็คชั่นสนุกๆเช่นเดิม อีกทั้งหนังยังใส่ความเป็นสไตล์ของ กาย ริชชี่ เข้าไปมากขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก ทั้งการเล่นมุมกล้องหรือเทคนิคการเล่าเรื่องแบบกวนๆ (โดยเฉพาะตอนต่อยกับศัตรู ที่มีการคิดวิเคราะห์ก่อนจะต่อย ในหนังภาคนี้มีฉากแนวนี้บ่อยมากๆ อาจเป็นเพราะกระแสในภาคแรกที่คนชอบฉากแบบนี้ด้วย) โดยสไตล์ของกาย ริชชี่ จะชัดเจนแบบสุดๆในตอนที่หนีปืนใหญ่นั้นแล ฉะนั้นถ้าใครชอบภาคแรกในเรื่องของฉากแอ็คชั่น ภาค2จะดูได้สนุกขึ้น แต่สำหรับคนชอบความเป็นหนังสไตล์สืบสวนสนุกๆ อาจจะต้องลดความคาดหวังหน่อย







สำหรับจุดที่เป็นจุดเด่นอีกจุดจากภาคแรกก็คือเรื่องของตัวละคร โฮมส์ และ วัตสัน ที่หลายครั้งในภาคแรกก็ชวนให้หลายคนเผลอแอบนึกว่าแป็นคู่รักมากกว่าคู่หู ถ้าใครชอบจุดนี้ของหนัง สำหรับในภาค2นั้นท่านสมหวังแน่นอน มุกภายในหนังหลายมุกเกิดจากความแอบเพี้ยนของ 2 ตัวละครตัวนี้ ซึ่งหลายมุกก็เรียกเสียงฮาได้ใช้ได้ทีเดียว แถมหลายๆฉากในหนังชวนให้สาวๆเข้าไปดูอาจแอบกริ๊ดกร๊าด 2 ตัวละครตัวนี้ได้มากกว่าภาคแรกซะด้วยซ้ำ (แนะนำฉากรถไฟ มันชวนคิดไปไกลจริงๆ) และตัวละครในหนังจากภาคแรกหลายตัวก็ถูกเพิ่มบทบาทเข้าไปให้มีความสำคัญกับหนังมากขึ้น



แต่จะน่าเสียดายก็คือ2ตัวละครใหม่ ทั้งหญิงสาวยิปซีและ ศจ.มอริอาตี้ กลับสร้างบทบาทได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะตัวละครสาวยิปซีที่ดูแล้วน่าจะสามารถปูทางไปได้เยอะ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพี่ชายที่น่าจะมีเวลาให้ถ่ายทอดออกมาซะหน่อยจะทำให้กินใจขึ้น ส่วนศจ.มอริอาตี้ น่าจะเพิ่มบทบาทปูมหลังบางอย่างซักนิดนึงเพื่อให้เจตนารมณ์ของเค้าดูน่าเกรงขามและไม่ได้ดูเป็นตัวร้ายที่ทำเพียงเพื่อครองโลกอย่างไม่มีเหตุจูงใจ แต่ก็ไม่แน่ว่าหนังอาจจะไปปูบทตัวละครตัวนี้ให้ภาคต่อไปก็เป็นได้







สรุป : ชอบน้อยกว่าภาคแรก เพราะหนังได้ตัดเรื่องของการสืบสวนออกกลายเป็นการหักเหลี่ยมเฉือนคม แม้จะไม่ได้ดูแย่ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกทึ่งหรือตื่นตาอะไรมากนัก แต่ด้านความสนุกในเรื่องของฉากแอ็คชั่นและมุกต่างๆของตัวละครโฮมส์กับวัตสัน หนังภาคนี้ยังคงสามารถทำได้สนุกเช่นเดิม และด้วยการเพิ่มความเป็นสไตล์ของ กายริชชี่ ใครที่ชอบผลงานเก่าๆของผู้กำกับคนนี้น่าจะถูกใจกว่าภาคแรกแน่นอน



เกรด : B+




---------------------------------------------------------------------------------------------------



The Adventure of Tin Tin







แนวหนัง : แอ็คชั่น ผจญภัย



ตัวอย่าง








เรื่องย่อ



ตินติน นักข่าวชื่อดังที่บังเอิญไปซื้อโมเดลเรือยูนิคอร์นจากตลาดได้ แต่ทว่าเค้ากับต้องเจอเรื่องการแย่งชิงโมเดลเรืออันนี้เพราะมันมีความลับเกี่ยวกับขุมทรัพย์แห้งเรือยูนิคอร์น ตินตินจึงต้องตามหาและออกเดินทางตามขุมสมบัคิแห่งนั้นให้จงได้







มุมมองของ Soma



อันเนื่องด้วยว่า ผมไม่เคยได้อ่านตินตินที่เป็นการ์ตูนมาก่อนเลยแม้แต่ภาคเดียว ทำให้ความรู้เกี่ยวกับตินตินของผมเป็น 0 แต่เหตุที่สนใจเพราะเป็นการร่วมมือกันของ Steven Spielberg และ Peter Jackson ในการสร้างสรรค์หนังเรื่องนี้ขึ้นมา จึงตัดสินใจที่จะตีตั๋วไปชม แต่เมื่อจบแล้วก็ค้นพบว่าอาจเป็นเพราะผมไปตั้งความหวังกับหนังเรื่องนี้เกินไปหรือเปล่า







สิ่งแรกที่ควรชมเลยจริงๆคืองานด้านภาพของอนิเมชั่นเรื่องนี้ทำออกมาได้สวยงามเอามากๆ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมในเรื่อง และเรื่องของตัวโมชั่นแคปเจอร์ที่ทำให้รู้สึกเหมือนกับคนจริงๆ การเล่นแสงเงาหรือสิ่งต่างๆทำออกมาได้ไม่เสียชื่อของ 2 ผู้กำกับที่คร่ำหวอดในวงการภาพยนต์ที่ต้องใช้สเปเชี่ยลเอฟเฟคบ่อยๆ



แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีจุดติ เพราะในความรู้สึกส่วนตัว ตินติน นั้นกลับกลายเป็นตัวละครที่ทำโมชั่นแคปได้แย่ที่สุดซะอย่างนั้น เพราะการแสดงหน้าตาของตัวละครตัวนี้ค่อนข้างแย่ (ไม่แน่ใจว่าเพราะหนังไม่ค่อยมีซีนที่ต้องใช้อารมณ์ของตินตินไหม) ซึ่งทำให้ขาดอารมณ์ร่วมกับตัวละครตัวนี้ไปพอสมควรทั้งที่ควรจะเป็นตัวเดินเรื่องแท้ๆ







แต่ถ้าพูดถึงความสนุกแล้ว หนังกลับทำได้กลางๆ โดยเฉพาะในแง่ของการเป็นหนังผจญภัยที่ฉากผจญภัยในหนังก็มีเยอะ แต่ว่ากลับทำไม่สุดอารมณ์แม้แต่ฉากเดียว หนังผจญภัยในหนังได้อารมณ์ประมาณแค่รู้สึก ตื่นตา แต่ไม่ได้ ตื่นเต้น ถ้าเทียบความสนุกในฉากผจญภัยก็น่าจะเทียบได้พอๆกับอินเดียน่าโจนส์ 4 ไม่ถึงขั้นงานคลาสสิคหลายๆงานของสปีลเบิร์ก



การดำเนินเรื่องก็เป็นไปอย่างราบเรียบไม่ได้รู้สึกสนุกไปจนกระทั้งกลางเรื่อง บทของตัวละครหนังกลับเน้นไปที่ตัวของกัปตันแฮนดอค โดยที่ตัวละครตัวนี้เรียกได้ว่าเป็นตัวที่สร้างสีสรรค์ของหนังได้อย่างดี ทำให้หนังลดความน่าเบื่อลงได้เยอะมาก เพราะมุกต่างๆของหนังเกือบทั้งหมดล้วนออกมาจากตัวละครตัวนี้ทั้งสิ้น อีกทั้งเรายังเพลิดเพลินกับความฉลาดและน่ารักของเจ้าหมาสโนวี่ภายในหนังอีกด้วย แต่ทว่าในตัวละครอย่างตินตินกลับค่อนข้างไร้บทบาทอย่างสิ้นเชิง หนังแทบไม่ได้เน้นอะไรกับตัวตินตินเลยแม้จะเป็นพระเอกหลักของเรื่อง ซึ่งถ้าผู้สร้างเสริมบทตินตินกว่านี้จะทำให้เราสามารถอินกับหนังได้มากขึ้น







สรุป : สนุกในระดับนึง หนังมีงานภาพที่ยอดเยี่ยมมากๆ ทั้งฉากต่างๆและงานโมชั่นแคปเจอร์ แต่หนังกลับขาดความสนุกไปพอสมควรทั้งที่ฉากผจญภัยในหนังก็มีเยอะ ตัวตินตินขาดสีสัน แต่ยังดีที่หนังมีกัปตันแฮนด็อคและสโนวี่คอยสร้างสีสรรค์ให้กับหนังเพิ่มขึ้น แต่ถ้าเทียบกับคุณภาพงานที่ควรออกมาจากการร่วมมือของ 2 ผู้กำกับ ถือว่าทำยังไม่ดีพออย่างที่หวังไว้



เกรด : B




แล้วเจอกันใหม่ครับ ลาล่ะ 555
Miscellaneous

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา