(P.A.D.) part III Last War Last Impression ตอนที่ 6 Entreat Of Fortune
DEEP SESSION O.S. ส่วนที่ 6 : Entreat Of Fortune (คำร้องขอแห่งโชคชะตา)
"VFX-013 Veross นี่คือชื่อของมันและเป็นรุ่นต้นแบบที่มีประสิทธิภาพมากกว่า VFG-005 Dymention กับ VFW-029 Hyris ที่ทุกคนใช้อยู่ มันควบคุมด้วยความคิดโดยตรงและไม่ต้องผ่านการประมวลผลหรือแปลงสัญญาณใดๆทั้งสิ้น อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนไปใช้การนำร่องด้วยสายตาหากเข้าสู่การสู้รบทำให้ไม่ต้องเสียเวลาพะวงกับศัตรูรอบข้างอีกด้วย"แอร์รี่อธิบายถึงสมรรถณะของปีกสีเทาที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า
"แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะมันก็เป็นเพียงรุ่นทดสอบยังไม่ใช่รุ่นที่ผลิตเพื่อใช้งานจริงแต่สเป็กก็สูงกว่ารุ่นอื่นๆมาก เท่านี้คงเพียงพอให้เธอใช้มันสำหรับป้องกันยานรับทั้งฝูงได้แล้วล่ะ"เธอหันไปมองชิตก่อนที่จะยื่นวิธีการติดตั้งให้เขาเพื่อให้เอาไปศึกษา.......
"ทำความเข้าใจกับมันภายใน5นาทีนะพอจะทำได้ไหม แล้วฉันจะกลับมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่เฉพาะที่จะมาทำหน้าที่ติดตั้งมันให้เธออีกที"แอร์รี่หันหลังกลับพร้อมกับเดินไปอย่างไม่รีรอและไม่สนใจว่าเขาจะรับคำหรือไม่ด้วยซ้ำ
หลังจากผ่านไปครบ5นาที แอร์รี่เดินกลับมาอีกครั้งในมือของเธอกำเอกสารเป็นตั้งๆไว้ ในมืออีกข้างก็ขยับกรอบแว่นตาให้เข้าที่เพื่อที่จะได้อ่านมัน ข้างหลังเธอนั้นมีกลุ่มคนที่แต่งตัวเหมือนกับช่างเครื่องยนต์ราวๆ3-4คนเดินตามมาอย่างรีบร้อนเช่นเดียวกับแอร์รี่ก่อนที่ทั้งหมดจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าชิตที่กำลังนั่งอ่านวิธีการติดตั้งและการใช้งาน
"ไง...พอจะเข้าใจวิธีการบังคับมันรึยัง?"แอร์รี่รีบถามอย่างเร็วพร้อมกับพยักหน้าให้กลุ่มที่ตามหลังเธอมาจัดการถอดสายที่ต่อกับปีกออกอย่างเร่งรีบ
"เฮ้....ไอ้หนู อย่ามัวแต่นั่งเก๊กอยู่ มายืนตรงนี้เร็วเข้า"ช่างคนหนึ่งตะโกนเรียกเขาให้เข้าไปใกล้ๆปีกที่ตอนนี้ดูเหมือนเตรียมการกันเกือบจะเสร็จแล้ว
ชิตเดินเข้าไปหร้อมกับยืนให้พวกช่างนำปีกที่ดูใหญ่โตนั้นเลื่อนเข้ามาเสมอเหนือแนวไหล่ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ขยับตัวก็รู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆมากดลงบนบ่าของเขาอย่างแรงจนแทบจะร้องโอยออกมาให้ได้ แต่แล้วความรู้สึกเจ็บแปร็บนั่นก็จางหายไปอย่างรวดเร็วราวกับเป็นเรื่องโกหก และตอนนี้ปีกสีเทาก็ถูกยกขึ้นจากแท่นตั้งลอยอยู่เหนือบ่าของเขาโดยที่ไม่ได้สัมผัสกับไหล่เลยแม้แต่น้อยนิดแต่เมื่อเขาขยับตัวปีกนั่นก็ขยับตามราวกับเป็นส่วนหนึ่งอของร่างกายไปแล้ว
"รู้สึกเป็นไงบ้างล่ะ...."แอร์รี่มองไปที่หน้าของชิตที่ตอนนี้ยังคงงงกับปีกใหญ่ๆของตัวเองอยู่ "ความจริงแล้วอยากให้เธอได้ทดลองบินดูซักหน่อยก่อน แต่ ณ เวลานี้เราคงไม่มีเวลาพอจะทำแบบนั้นแล้ว"
"ผมคิดว่าคงไม่จำเป็นมั้งครับ.....เนื้อหาในวิธีการควบคุมพอเปรียบเทียบกับตัวโปรแกรมแล้ว ผมว่าผมปรับตั้งระบบเองดีกว่า"ชิตพูดขึ้นพร้อมกับหยิบหูฟังที่ติดมากับชุดปีกขึ้นสวมและเริ่มดูรายละเอียดของระบบทั้งหมดของปีกสีเทาอันยักษ์นี่
"งั้นเหรอ? ถ้างั้นก็ดี.....แล้วเรื่องอาวุธที่เธอจะใช้ล่ะ"แอร์รี่ว่าพลางเดินมองไปรอบๆตัวชิตที่ตอนนี้ดูเทอะทะเพราะปีกของเขาเสียแล้ว "อาวุธพื้นฐานที่ติดตั้งมากับเวรอสคือปืนกลขนาดกลางสองกระบอกในนั้นมีกระสุนสำหรับลบข้อมูลบรรจุอยู่เหมือนไดเมนชั่นกับไฮริสแต่ตัวนี้จะยิงได้ถี่กว่า ส่วนปีกด้านล่างมีปืนความไวแสงไว้สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพในการยิงหวังผลจากระยะไกลโดยติดไว้ทั้งสองข้าง"
"รู้สึกว่าจะเกินพอดีไปมั้งครับเนี่ย.....มิน่าล่ะมันถึงได้ใหญ่(เกินเหตุ)แบบนี้"ชิตพูดออกมาเปรยๆอย่างไม่ค่อยจะเอาใจใส่นัก ก่อนที่เขาจะหยิบปืนไรเฟิลขนาดลำกล้อง 220มม. ขึ้นมาและตรวจดูว่ามันไปขัดกับส่วนไหนรึเปล่า......
"เอาเถอะ...แต่ตอนนี้ฉันไม่มีเวลามาโต้เถียงอะไรกับเธอแล้วไม่ว่าเธอจะชอบมันรึไม่ก็ตามแต่"แอร์รี่มองกลับไปที่ช่องทางส่งออกที่ยังเหลืออยู่อีกทางหนึ่งก่อนที่เธอจะหันกลับมาสั่งเขา"เธอต้องไปเตรียมตัวที่ช่องทางส่งออกที่2ที่นั่นฉันจะส่งข้อมูลรูปแบบของยานรบทั้งหมดที่เรามีพร้อมกับศักยภาพของยานแต่ละลำไปให้.....เธอคงเข้าใจนะ"
"ครับ......"ชิตตอบอย่างไม่ค่อยจะสนใจนักก่อนที่จะเดินไปยังช่องส่งออก
ตอนนี้ชิตได้แต่ภาวนาไว้เพียงอย่างเดียวว่าขออย่าให้อะไรก็ตามเกิดผิดพลาดขึ้นมาเลย อย่าเลยแม้แต่สิ่งเดียว......เขาก้าวเท้าวางไปบนฟุตล็อก(Foot Lock) เมื่อเขาเตรียมตัวที่แท่นปล่อยแล้วก็มีจอภาพปรากฏขึ้นตรงหน้าพร้อมกับรายละเอียดต่างๆที่แอร์รี่พูดเอาไว้ ภาพของยานรบต่างๆที่จะมีการนำมาใช้บอกรวมถึงรูปแบบการเคลื่อนที่ ความเร็ว อาวุธ สมรรถณะต่างๆอย่างละเอียด จนชิตนึกอยากจะถามแอร์รี่ที่ตอนนี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ว่าข้อมูลเยอะขนาดนี้ใครจะไปจำได้หมด แต่ไม่ว่าจะหงุดหงิดยังไงก็ไม่มีทางเลือกเลยแม้แต่น้อย......
ขณะนี้เครื่องกั้นได้ถูกเลื่อนเปิดออก สายพานยกตัวทอดไปยังทะเลเบื้องหน้าที่ตอนนี้เริ่มจะเห็นอ่าวอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก และจอภาพตรงหน้าเขาก็พากันปิดลงไปจนหมดแล้วไฟส่องสว่างที่เคยมีดับลงเหลือไว้แต่ดวงไฟสีแดงสลัวที่ส่องให้เห็นทางเพียงเล็กน้อย
<เตรียมการส่งออก ช่องทางหมายเลข2.......เปิดระบบAPU เส้นทางเคลียร์........>
สิ้นเสียงเตือนเพียงไม่ถึงชั่วเสี้ยววินาทีร่างของชิตก็พุ่งออกไปตามทางสู่สายพานที่ทอดรออยู่เบื้องหน้าและเปิดออกสู่พื้นทะเลอันกว้างใหญ่พร้อมกับปีกที่กางออกก่อนจะทะยานขึ้นสู่ผืนฟ้าที่ไร้ที่สิ้นสุด...........
................................................
กลับมายังริมฝาอีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้กิตยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่เบื้องหน้ามิฟูนับตั้งแต่ที่เธอได้พูดอะไรแปลกๆออกมา บรรยากาศบริเวณนั้นเงียบกริบมีแต่เพียงเสียงคลื่นที่ซัดพัดผ่านเข้ามาปะทะกับหินผาเบื้องล่างเท่านั้นที่ยังคงส่งเสียงคำรามดังสนั่นอยู่อย่างไม่ขาดสาย
"เธอหมายความว่ายังไงที่ว่าทุกอย่างจะจบลงที่นี่....."กิตถามขึ้นอย่างสงสัยพร้อมกับท่าทีที่ไม่ค่อยจะวางใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
"ฉันบอกเธอได้เพียงแค่นั้นกิต เพียงแค่นั้นจริงๆ หากเธอต้องรู้มากไปกว่านี้ล่ะก็....มันต้องไม่ดีแน่ๆ"แต่ไม่ทันที่มิฟูจะพูดจบเธอดึงเอามีดออกมาจากแขนเสื้อพร้อมกับชี้มันมาทางกิต ดวงตาของเธอปิดสนิทและมือที่เลื่อนขึ้นมากุมศีรษะราวกับว่าเธอกำลังปวดหัวอย่างรุนแรง
"นี่...เธอหมายความว่ายังไง..........."แต่ก่อนที่กิตจะได้ถามจบเสียงของเครื่องยนต์อะไรซักอย่างที่กำลังบินผ่านหัวของเขาไปทำให้เขาต้องหยุดนิ่งและมองขึ้นไป
หมอกควันเส้นบางๆ5เส้นบนอากาศทำให้เขาต้องหยุดนิ่งและพิจารณาถึงสิ่งที่กำลังบินผ่านเขาไปด้วยความเร็วสูงและบินลับไปยังทะเลทรายด้านหลัง แต่ไม่ทันที่เขาจะได้ทันสังเกตว่ามิฟูนั้นเดินเข้ามาใกล้เขาแล้วอย่างช้าๆ เธอลดมีดของเธอและเข้ามากอดกิตไว้จนทำให้เขาแทบไม่ทันตั้งตัวเลยเสียด้วยซ้ำ..........
"ก่อนที่ทุกอย่างจะเกิดขึ้น.....ขอฉันอยู่แบบนี้ต่อไปอีกซักพักจะได้ไหม?"นั่นเป็นคำพูดของมิฟูที่พูดออกมาอย่างสิ้นหวังภายใต้รอยยิ้มที่ดูลางเลือนเหมือนกับเธอกำลังพยายามฝืนยิ้มออกมา
"นี่ถือเป็นหนึ่งในคำขอของเธอด้วยรึเปล่าล่ะมิฟู......"กิตหลับตาลงพร้อมกับมือที่พยายามจะยกขึ้นมาโอบตัวเธอไว้ แต่ก็ต้องหยุดมันไว้กลางคันก่อนที่เขาจะปล่อยมือลงไปไว้ข้างลำตัวอีกครั้ง
"ไม่ใช่หรอก.....นี่ไม่ใช่คำขอ แต่เป็นเพียงความต้องการส่วนตัวของฉันเท่านั้นเอง "มิฟูยังคงพูดต่อไป มือของเธอนั้นกำแน่นอยู่บนเสื้อของกิตไม่ปล่อย "เป็นความต้องการของฉัน ความต้องการของคนที่บัดนี้ไม่มีแม้แต่ชีวิตที่จะเหลือไว้อีกแล้ว"
สิ้นคำพูดของมิฟูยิ่งทำให้คำถามในใจของกิตยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น คำพูดที่เปรยเป็นนัยๆ สิ่งที่ผู้ที่อยู่ตรงหน้าได้พยายามเก็บซ่อนหรือกำลังพยายามที่จะเปิดเผย ทุกอย่างมันมีความหมายเช่นใดกันแน่ แล้วความต้องการของคนที่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่ชีวิตมันหมายความว่ายังไงในเมื่อผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเธอยังมีตัวตนอยู่นี่เธอไม่ได้ไปไหน เธอไม่ได้ตาย..........ถ้าเช่นนั้นสิ่งที่เธอกำลังพูดออกมานั้นมันกำลังบอกอะไรกับเขาอย่างงั้นเหรอ หรือว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าที่เขาจะเข้าใจมันได้กันแน่............................
มิฟูยังคงนิ่งเงียบ แต่แล้วกิตก็รู้สึกได้ถึงน้ำเย็นๆบนหน้าอก น้ำตาที่หลั่งนองนั้นราวกับกำลังเล่าเรื่องราวที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ตลอดเวลาที่ผ่านมาเหมือนเธอได้แบกรับความรู้สึกต่างๆนานา ความเศร้า ความสิ้นหวัง ความทุกข์ใจ ผสมปนเปอยู่ในหยาดน้ำตาเล็กๆนั่นและในที่สุด............
"ออกไปซะกิต!!!!......ออกไปให้ห่างฉัน"มิฟูปล่อยมือของเธอพร้อมกับผลักกิตออกไปให้พ้นตัว มือของมิฟูเริ่มมีอาการสั่นอย่างควบคุมไม่อยุ่ราวกับนั่นไม่ใช่มือของเธอเอง
และแล้วก่อนที่กิตจะได้มีเวลาถามไถ่แสงสะท้อนจากโลหะเส้นบางเบาก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศทำให้กิตต้องกระโดดถอยออกไปให้ห่างกว่าเดิม........บนใบหน้าของเขามีแผลเหมือนถูกของมีคมบาด
"มิฟูนี่เธอ......."กิตมองไปยังมิฟูที่ตอนนี้เธอได้หยิบมีดขึ้นมาอีกครั้ง แต่ดูเหมือนกับร่างกายของเธอกำลังปฏิเสธการกระทำ มือที่กุมมีดข้างหนึ่งยกขึ้นปิดใบหน้าซีกหนึ่งของเธอเอาไว้
"ก....กิต เธอจะยังทำตามที่ฉันขออีกสักครั้งจะได้รึเปล่า"มิฟูพูดด้วยท่าทีที่อ่อนแรง ใบหน้าซีดขาวและมือที่สั่นเทา ก่อนที่ประโยคสุดท้ายของเธอจะถูกพูดออกมา.........
"ฉ....ฉันขอร้องเธอ ช...ช่วยฆ่าฉัน......ปลดปล่อยฉันออกจากความทรมานนี้ที"มิฟูกรีดเสียงร้องดังลั่นก่อนที่เธอจะหันมีดที่อยู่ในมือทั้งสองข้างของเธอแล้วพุ่งเข้าใส่กิตราวกับตอนนี้เธอไม่เหลือความเป็นมนุษย์อีกแล้ว
การต่อสู้ที่มิอาจเลี่ยง ศัตรูที่ไม่สามารถเลือกได้ ความทรงจำที่ไม่อาจเสื่อมคลาย ราวกับวันเวลาแห่งฝันร้ายได้ย้อนคืน............
จบ DEEP SESSION O.S. ส่วนที่ 6 : Entreat Of Fortune (คำร้องขอแห่งโชคชะตา)
Fiction