(Review) Harry Potter and the Deathly Hollows : Part2

พอดีบทความตัวนี้ลงตอนบอร์ดล่มพอดี เลยขอเอามาแปะใหม่นะครับ



อ่านก่อนนิดนึง



บทความนี้ คือบทความReview หนังในมุมมองของผมแค่คนเดียว ไม่ใช่มุมมองของคนส่วนมาก ฉะนั้นไม่แปลกถ้าท่านจะรู้สึก เอ๊ะทำไมนายไม่ชอบตรงนี้ เอ๊ะทำไมนายมาด่าเรื่องนี้ เอ๊ะนายบอกเรื่องนี้ดี นายเพี้ยนรึเปล่า อยากจะบอกว่า ผมเป็นแค่คนดูหนังคนนึง มิอาจสามารถเอาใจของคนทั่วโลกมารวมในคนเดียว แล้วประมวลคะแนนให้พอใจทุกคนได้ เพราะคนเราย่อมมีรสนิยมการดูหนังไม่เหมือนกันทุกคนครับ ฉะนั้น ถ้าอ่านReview ของผมแล้ว จงอย่าตัดสินทันที ขอให้พิสูจน์หนังเรื่องนั้นด้วยตัวท่านเอง ไม่แน่ หนังที่ผมบอกห่วย อาจเป็นหนังในใจท่านก็ได้ครับผม ด้วยความเคารพครับ



และขอความกรุณาอย่าSpoil หนังนะครับผม จะSpoil ก็ขอให้ใช้การซ่อนข้อความ



การติชมต่อผลงานของSoma สามารถเขียนได้ในกระทู้อย่างเปิดเผยและตรงๆอย่างไม่ต้องกังวล เข้ามาอ่านReview เล็กๆก่อนตัวเต็ม หรือถ้าใครที่เข้ามาอ่านธรรมดาแต่อยากติชม สามารถเข้าไปติได้ที่Facebook ของกระผมนะครับ



http://www.facebook.com/profile.php?id=100000512771067









Harry Potter and the Deathly Hollows : Part 2








แนวหนัง : แฟนตาซี



ตัวอย่าง








เรื่องย่อ



แฮรี่ พอตเตอร์ยังคงต้องออกตามทำลายฮอกครัชอีก3อันเพื่อทำลายวอเดอมอลในขณะที่มันกำลังมีอำนาจสูงสุด และมาสู่สงครามที่ฮอกวอตที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตแฮรี่ พอตเตอร์ ไปตลอดกาล (พยายามเขียนน้อยที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นการ Spoil เนื้อเรื่อง)







อ่านก่อน : การ Review ครั้งนี้จะไม่มีการเอาฉบับนิยายมาเปรียบเทียบใดๆทั้งสิ้น เพราะผมไม่ได้อ่านตัวนิยาย ฉะนั้นจะวิจารณ์หนังภาคนี้ในฐานะภาพยนต์ที่มีมาแล้ว7ภาค



ถ้าถามว่าในโลกภาพยนต์ จะมีภาพยนต์เรื่องไหนที่สามารถทำบทสรุปได้ลงตัวและน่าประทับใจ ชีวิตผมเท่าที่ดูหนังมาคงมีไม่กี่เรื่อง แต่ ณ วันนี้ หลังจากที่ได้ชมพ่อมดน้อยภาคสุดท้ายนี้แล้ว ผมก็จัดหนังเรื่องนี้เข้าไปใน List หนังที่จบได้อย่างลงตัวและประทับใจอีก 1 ซีรีย์เรียบร้อย







ขอบอกก่อนเลยว่า ห้ามเปรี้ยวไปดูแฮรี่ภาคนี้โดยไม่ได้ดูหรืออ่านภาคใดๆก่อนเลยเด็ดขาดนะครับ เพราะผมมั่นใจว่าคุณจะเกิดอาการงงรับประทาน เอ๋อ เกาหัว แล้วออกมาด้วยคำถามเต็มหัวทันที ฉะนั้นควรทำการบ้านชิ้นโตก่อนไปสัมผัสภาคนี้นะครับ



สิ่งแรกที่ทำให้แฮรี่ภาคนี้ดูสนุกและถือเป็นพระเอกของภาคนี้คือ ฉากแอ็คชั่นสงครามในหนัง ที่ทำออกมาได้สนุกเอามากๆ ไม่เสียชื่อกับการโปรโมทเรื่องของฉากสงครามหรือฉากแอ็คชั่น ที่ใส่มาทั้งความระทึกและความสนุก + กับเอฟเฟคภายในหนังที่ทำออกมาได้ดีช่วยสร้างอารมณ์ร่วมพอสมควร อย่างที่ชอบมากๆก็คือฉากปกป้องปราสาทที่ไม่ได้มีแค่พ่อมด เพราะยังใส่พวกสัตว์ประหลาดต่างๆมาให้ระลึกความหลัง หรือฉากหนีไฟ หรือฉากที่ต้องปะทะกับวอลเดอมอลในช่วงท้ายก็ตาม ฉะนั้นใครต้องการไปดูฉากสงคราม ผมขอบอกว่าค่อนข้างคุ้มเลยทีเดียวครับ



แต่ก็แอบเสียดาย เพราะบางฉากนั้นทำมาได้สั้นหรือสะใจน้อยไปนิดนึง ยิ่งบางตัวละครที่สะสมความเลวมาเยอะมากจนคนดูอยากเห็นการแก้เผ็ดแบบแสบๆ หนังกลับทำได้ไม่ค่อยดีเหมือนกับว่า เฮ้มากกว่านี้ได้ไหม เฮ้อยากได้สะใจกว่านี้ ประมาณนั้นเลย



อีกจุดที่ชอบมากเลยคือบรรยากาศภาคนี้นั้นมืดหม่นสมกับคอนเซปเรื่อง ผมค่อนข้างตกใจภาพลักษณ์ของฮอกวอตภาคนี้ที่ไม่ได้ดูสดใสอีกแล้ว มันดูมืดมนและสิ้นหวังแบบสุดๆ มันเลยสร้างอารมณ์ฉากแอ็คชั่นในช่วงท้ายได้ดีมากๆ หรือฉากทั่วๆไปในหนังก็ไม่มีความสดใสเฉกเช่นหนังภาคแรกๆให้ดูอีกแล้ว



ด้านดนตรีประกอบต้องช่วงส่งอารมณ์ความยิ่งใหญ่ของหนังได้ดีมากๆ และดูเหมือนภาคนี้จะพยายามเปิด Theme ของเรื่องบ่อยกว่าภาคที่แล้วพอสมควร เหมือนเป็นการระลึกและการลาจากตัวหนังไปด้วย







ผมชอบเรื่องของความลื่นไหลของบทในภาคนี้มากๆ ภาคที่แล้วโดยส่วนตัวนั้นผมรู้สึกว่ามันยืดยาดบางช่วงจนน่าง่วงเลยทีเดียว ภาคนี้เดินเรื่องอย่างรวดเร็วและมีฉากสนุกๆให้ดูเป็นระยะๆทำให้รู้สึกตื่นตัวไปกับหนังได้ตลอดทั้งเรื่อง และยังมีมุกตลกเล็กๆน้อยๆสอดแทรกบางครั้งเพื่อลดความมืดหม่นของหนังลงได้อย่างดี แต่ความรู้สึกส่วนตัวดูเหมือนว่าภาคนี้จะไม่ค่อยพูดถึงความสำคัญบางตัวละครเท่าไร บางคนจะตายก็ตายแบบเงียบๆไม่ได้รู้สึกช็อคหรือเสียใจ และเพราะการเดินเรื่องที่รวดเร็วทำให้บางฉากตามไม่ทัน เกิดอาการงงในทันที



แต่ในภาคนี้คงไม่มีใครน่าพูดถึงเท่ากับ สเนป ซึ่งต้องบอกว่าเป็นฉากขโมยซีน และทำให้เรารู้สึกว่าตัวละครตัวนี้มันเท่ห์ โคตรเท่ห์ เท่ห์สุดๆ เพราะขนาดผมดูภาคนี้จากที่ไม่ค่อยชอบหน้าก็กลายเป็นตัวละครในดวงใจทันที



และหนังคงจะไม่ลงตัวขนาดนี้แน่ถ้านักแสดงเล่นไม่ได้ นักแสดงทั้งหมด (ขอย้ำทั้งหมด) ล้วนแสดงออกมาได้ดีหมดทั้งสิ้น น่าจะเพราะว่าดาราแต่ละคนนั้นผูกพันกับหนังตระกูลนี้มานาน ทำให้เข้าใจบทบาทของตนเองเล่นได้อย่างลื่นไหลไม่มีติดขัด โดยเฉพาะ อลัน ริคแมน ที่เล่นบทสเนปได้สะเทือนใจและเค้นอารมณ์ร่วมออกมาได้แบบสุดๆ ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นตัวละครที่โคตรเท่ห์ โคตรน่าสงสารในทันที







แม้ตัวหนังจะดูลงตัวเกือบทั้งหมด แต่น่าเสียดายที่ตอนสุดท้ายมันยังเค้นอารมณ์ให้ซึ้งหรือร่วมยินดีกับตัวละครได้ไม่ถึงเท่าไรนัก โดยเฉพาะการเมคอัพตัวละครที่ไม่ค่อยเวิร์คเอาซะเลย (ไม่ดูเหมือนพ่อ แม่ แต่ดูเหมือนพี่ๆมากกว่า) และดูเหมือนหนังจะพยายามรีบจบไปนิดนึงทำให้มีอารมณ์ร่วมไม่พอ ถ้าเพิ่มซัก2-3นาที อาจจะทำให้ฉากจบนี้ EPIC ได้อย่างไม่ยากเย็นเลยทีเดียว เพราะไหนๆหนังภาคนี้ก็นับเป็นภาคที่สั้นที่สุดในตระกูลแฮรี่แล้ว



และแม้ในตอนจบจะไม่ค่อยประทับใจอย่างที่คิดเท่าไรนัก แต่ถ้ามองภาพรวมทั้งหมดต้องยอมรับว่า หนังค่อนข้างลงตัวเอามากๆ และเหมาะสมที่จะเป็นภาคที่ปิดตำนานหนังเรื่องนี้ได้







สรุป : แม้จะไม่ใช่แฮรี่ภาคที่ผมชอบที่สุด แต่มันคือแฮรี่ที่ลงตัวในเกือบทุกๆด้าน ทั้งความสนุก บทที่ลื่นไหล การแสดง และองค์ประกอบที่เข้ากันอย่างลงตัว เพราะผมไม่ได้อ่านหนังสือจึงไม่รู้ว่าหนังนั้นสามารถถอดจากตัวหนังสือได้ดีขนาดไหน แต่สำหรับในฐานะหนังที่ต้องแบกภาระการปิดตำนานที่ยาวนานมากว่า 10 ปีของหนังตระกูลนี้ ถือว่าเป็นการปิดตำนานที่น่าประทับใจมากๆครับ



เกรด : A
Miscellaneous

ร่วมแสดงความเห็น

ติดต่อเรา